บท
ตั้งค่า

3

ดนตรีเพลงคลั่งรักดังมาจากลำโพงบลูทูธตัวเก่า...

แสงสลัวจากโคมไฟสีม่วงตัวเล็ก ที่มักจะเปิดคลอไปกับความมืดสนิทในยามราตรี

แต่ต่อให้ราตรีจะมืดมิดเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งในใจกลับกระจ่างชัดขึ้นมา

ผ้าห่มผืนหนาถูกม้วนเข้า หมอนข้างถูกดึงเข้าไปหา...หนีบไว้ตรงกลางหว่างขา ขยับสะโพกเข้าหาเพียงนิด แนบใบหน้าลงไปกับส่วนปลายสุดของหมอนใบยาว

นี่คงจะเป็นคืนที่ห้า...ที่อีกฝ่ายเดินทางไปสิงคโปร์

ภาพโครงหน้าเรียวยาว มีสัดส่วนของโหนกแก้มและสันกรามลดหลั่นกันอย่างลงตัว ลอยมาวางอยู่ที่หมอนอีกใบที่เธอเว้นที่เอาไว้ สร้างภาพจินตนาการถึง

เขาเคยมานอนค้างกับเธอที่นี่บ่อยครั้ง

สลับกับที่เธอไปค้างที่คอนโดของเขาด้วย

ปลายจมูกโด่งคมยังคงพุ่งทะลุความมืด ชัดแจ้งในความรู้สึก สองตาหลับพริ้มของเขา...ไม่ได้ทำให้ความทรงพลังในแววตาเรียบเฉยคู่นั้นสงบตามไปด้วย

เหนือขึ้นไปก็ยังคงมีความคมเข้มของเส้นคิ้วสีดำสนิท ที่ทำให้สันจมูกของเขาดูมีมิติลี้ลับ ริมฝีปากอันเร่าร้อนสงบแน่นิ่ง...หากแต่ก็เผยอคล้ายพรั่งพร้อมสำหรับการสอดส่ายลิ้นซุกซนเข้าไปเยี่ยมหา

ลำคอแกร่งยังคงประดับด้วยลูกกระเดือกก้อนใหญ่ ที่ยังคงเคลื่อนไหวเป็นระยะ แม้เจ้าตัวจะหลับใหล

ลาดไหล่เปลือยเปล่า รับกับก้อนเนื้อกำยำจากสองแขนล่ำ ที่ทอดตัวสงบในท่านอนหงายหลังจากเหนื่อยอ่อน...

ลมหายใจระรวย บ่งบอกได้ดีว่าเขาสูญเสียพลังไปมากเพียงใด แต่เธอก็รู้ดีแหละ...ว่าพลังของเขาเหลือเฟือแค่ไหน เพียงแค่เธอต้องการ เขาก็สามารถทำให้เธอแทบจะคลานได้อีกรอบ

“อื้อ...” จินตนาการอันล้ำเลิศและหวนรำลึก ทำให้คนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขยับสะโพกไปมา ส่งเสียงอันหรรษาบาดลึกในลำคอ

ภาพจินตนาการเริ่มเคลื่อนไหวได้ แววตานิ่งสงบของเขาเปิดขึ้น และส่งยิ้มรู้ทันผ่านแววตามาให้ จนเธอต้องคว้าเขามาจูบ

ริมฝีปากอุ่นชื้น...เชิญชวนให้เธอใช้เรียวลิ้นตักตวงเอาความหวานและหอมที่ซ่อนลึก ราวกับกำลังหิวกระหาย

ในจินตนาการที่เหมือนจะเคลื่อนไหวได้ ทำเอาลมหายใจของหญิงสาวเริ่มหอบระรวย แผ่นหลังกว้างถูกคว้าเอาไว้เป็นที่ยึดเกาะ

สรรพางค์กายสาวเริ่มร้อนผ่าวไปกับการถูกลูบไล้

ลูบไล้ในความรู้สึก...แต่ทว่า กลับสร้างความปั่นป่วนจนเธอต้องบิดม้วนตัว อาภรณ์ร่นขึ้นตามห้วงอารมณ์ที่ยากเกินจะหักห้าม

‘ชอบมั้ย’ เสียงกระซิบข้างหูที่ดังขึ้นเสมอคราได้ชิดใกล้ แว่วลึกจนเธอต้องแอ่นใบหน้าขึ้นราวกับตอบรับต่อคำถามนั้น

คำถามที่ช่างใส่ใจและห่วงใยความรู้สึกของเธอเสมอ

เขาช่างเป็นผู้ชายเย็นชา ที่อบอุ่นในคราที่ได้ร่วมเตียง...อบอุ่นกว่าผู้ชายทุกคนที่เธอเคยผ่านมา...

ใช่ พรรณวดีไม่ใช่สาวน้อยผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ตามภาพลักษณ์ภายนอกที่ใครๆ มองเห็น เธอเคยมีแฟน เคยมีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่เคยมีใคร...ที่ทำให้เธอรู้สึก ‘ติดใจ’ ได้เหมือนกับเขา

เรียวลิ้นอุ่นชื้นของเขา ช่างอ่อนโยน ใส่ใจ...และลงรายละเอียดไปทั่วทุกซอกทุกมุมในสรรพางค์กายสาว

เขาไม่เคยทอดทิ้งจุดสำคัญ ที่รอคอยการสัมผัสแบบรู้ดีว่าต้องสัมผัสอย่างไร

ท้องนิ้วกลางของเขา ลากผ่านในที่ที่ควรไป...ราวกับมีเข็มทิศชั้นดีเป็นตัวชี้นำ ข้อนิ้วชี้กร้านสากเล็กน้อยนั่น มีจังหวะในการแตะต้องและเคลื่อนไหว ราวกับมีวาทยกรคอยบอก

กลีบดอกไม้เร้นลับของเธอตื่นตัวได้ง่ายดาย เพียงแค่ได้คิดถึงเขา...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่คราแรกที่ได้ร่วมรักกัน

เธอเคยผ่านการมีเซ็กส์กับผู้ชายมาหลายคน แต่คนละครั้งเพียงเท่านั้น ใครจะไปรู้...ว่าผู้หญิงที่เหมือนจะไม่เคยผ่านมือใครและหัวโบราณสุดๆ อย่างเธอ เลือกที่จะจบความสัมพันธ์หลังมีเซ็กส์ทุกครั้ง ด้วยเหตุผล ‘มันไม่ได้!’

มันอาจจะดูแปลก ดูเป็นผู้หญิงที่แย่...และไม่ใช่นางเอกในอุดมคติของสังคมทั่วไป แต่นี่มันคือธรรมชาติของความเป็นหญิง ที่มีสิทธิพึงจะเลือกเช่นกันกับชาย

แต่แน่ล่ะ...ว่ามันก็ไม่ได้เป็นความสุขสูงสุดในชีวิตคู่

เธอเลือกที่อยู่ในความสัมพันธ์บ้าๆ นี้ ด้วยเหตุผลที่ดูเหมือนจะงี่เง่า แต่โคตรสำคัญ...

เอาเถอะ ของแบบนี้ ไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้ เพราะว่ามันเรื่องเฉพาะเจาะจงมากๆ เป็นสไตล์ที่แทบจะไม่มีใครเหมือนกัน ยกเว้น...แก๊งร่วมชาติ

ที่มีเป้าหมายในความสัมพันธ์คล้ายคลึงกัน

แต่ก็นั่นแหละ...มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความรัก มันไม่มีคำตอบหรือรูปแบบที่ตายตัวอยู่แล้วนี่

หลายคนอยู่ในความสัมพันธ์ด้วยเหตุผลที่แตกต่าง หรือบางทีก็แทบจะไม่มีเหตุผลใดๆ เหมาะสมพอเลยด้วยซ้ำ

“อา...” การกระตุกครั้งสุดท้ายของกึ่งกลางกายที่ขยับถี่รัวขึ้นไปกับหมอนข้างตัวยาว ที่เธอเลือกแบบแข็งพิเศษมาโดยเฉพาะ

‘อย่าแอบแตะต้องของพี่...ตอนที่พี่ไม่อยู่’

คำสั่งห้ามอันศักดิ์สิทธิ์จากเขา ทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้อง ‘ของ’ ที่เป็นของตัวเองโดยสมบูรณ์

มันดูบ้านะ...แต่เธอก็เลือกที่จะผ่อนคลายอารมณ์อันล้นเหลือของตัวเอง ด้วยวิธีนี้

มันพอจะช่วยได้บ้าง แม้จะไม่ทั้งหมด...แต่ก็ยังดีกว่า ไม่ได้ทำอะไรเลย

Tan: นอนยัง

แสงไฟสว่างวาบขึ้นมากลางห้อง เพราะบนโต๊ะข้างเตียงตัวเล็ก มีนาฬิกาปลุกและโทรศัพท์ของเธอวางหงายอยู่

Dee: ยังค่ะ!

Dee: ส่งสติกเกอร์แล้ว (เป็นสติกเกอร์กระโดดกอด พร้อมจูบรัวๆ)

Tan: ทำไมนอนดึก

Dee: คิดถึงพี่มั้งคะ

พรรณวดียิ้มกว้าง ตอบกลับเขาด้วยความกระตือรือร้น

Tan: พรุ่งนี้จะกลับแล้ว อยากได้อะไรมั้ย

Dee: ไม่อยากได้อะไร นอกจากเจอหน้าพี่ทันทีที่มาถึงค่ะ

Tan: คงจะถึงช่วงบ่ายๆ มีสอนถึงกี่โมง

Dee: คงค่ำๆ น่ะค่ะ วันมะรืนมีประชุมใหญ่ของผู้บริหาร หัวหน้าฝ่ายขอให้ไปช่วยเตรียมสถานที่น่ะค่ะ

Tan: โรงเรียนไม่มีฝ่ายสถานที่เฉพาะเหรอ

คนมัวแต่ดีใจที่ได้คุยกับคนที่ตัวเองคิดถึงมากเอะใจเล็กน้อย รู้ได้ยังไง?

Dee: มีค่ะ แต่เหมือนจะไม่พอ เพราะว่าต้องไปจัดสถานที่ทำกิจกรรมให้นักเรียนเข้าใหม่น่ะค่ะ มีปฐมนิเทศช่วงนี้

แต่ก็เลือกที่จะตอบกลับเหมือนที่ชอบทำปกติ อธิบายทุกอย่างเคลียชัด ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยจะเล่าเกี่ยวกับงานของตัวเองให้ฟังบ้างเลย แถมเธอก็ไม่กล้าที่จะถามเสียด้วย

รู้แต่เพียงว่า...เขาทำงานบริษัทหนึ่ง ที่ต้องประชุมบ่อย เดินทางไกลบ่อย ทำตัวเหมือน CEO แต่เขาก็บอกว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่ได้อธิบายต่อ

พรรณวดีชินกับความเป็นเขาข้อนี้ไปเสียแล้ว เธอไม่อยากจะไปล้ำเส้นอะไร และพยายามท่องกับตัวเองว่า เธอคบกับเขาเพื่อหวัง ‘เรื่องอย่างว่า’ เท่านั้น

เหมือนจะดีนะ...เหมือนจะสบายใจ

แต่ช่างเป็นความสบายใจที่ ไม่มีจริง

แน่สิ...ใครมันจะไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่ชัดเจนว่าเป็นไปมากกว่านี้ไม่ได้ ไม่สิ...พอจะเป็นไปได้ แต่เวลาจะเป็นตัวบอก ซึ่ง...นี่ก็ 1 ปีผ่านไปแล้ว

ความยาวนานของเวลา ไม่ได้ทำให้เธอปลงหรือทำใจยอมรับได้ มันทำให้เธอเกิดความคาดหวัง...ที่พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่คาดหวัง

เขาไม่มีผู้หญิงคนอื่นจริงๆ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา แต่...เขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะจริงจังหรือพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้

มันก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี ปะปนกันแบบเท่าเทียมเสียด้วย เฮ้อ...ยากจัง

Tan: แล้วจะได้เลิกกี่โมง

หลังจากอ่านแล้วไม่ตอบไปพักหนึ่ง เขาก็ส่งข้อความกลับมา

Dee: ไม่แน่ใจเลยค่ะ คงไม่เกินหกโมงเย็น

Tan: เดี๋ยวพี่ไปรับ ให้รับแถวไหน

ตั้งแต่ที่เธอย้ายมาที่โรงเรียนใหม่ เขาไม่เคยได้ไปรับหรือไปส่งมาก่อน แต่ได้ยินแค่นี้เธอก็ชื่นใจ...

Dee: แถวหน้าห้างก็ได้ค่ะ

Tan: OK.

Dee: พี่ยังไม่ง่วงเหรอคะ?

รีบส่งข้อความไปทันที เพราะรู้ดีว่าถ้าเขา ‘ok’ เมื่อไหร่ นั่นหมายถึงจะจบบทสนทนาแล้ว

ดูน่าเวทนาดีเนอะ ที่ต้องร้อนรนจนปานนี้เนี่ย

และก็เป็นดังคาด เสียงยุงและแมลงวันบินหึ่งขึ้นมาในความรู้สึก เขาคงจะวางโทรศัพท์ไปข้างตัวแล้ว หรือไม่...ก็คงจะเปิดหน้าข้อความอื่น หรือ...ก็คงจะนอนหลับทันที

ไม่ว่ามันจะคืออะไร แต่มันคือการหมดความสนใจ

ตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน เธอรู้ว่าเขาเย็นชาต่อสิ่งรอบข้างเพียงใด ไม่ใช่แค่เธอหรือใคร ทุกสิ่งบนโลกได้รับการปฏิบัติจากเขาเหมือนๆ กัน

“อย่างน้อย เขาก็ซื่อสัตย์นะ รักษาคำพูดด้วย” นี่คงเป็นเรื่องดีเรื่องเดียว ที่พอจะทำให้เธอยกมันมาเป็นเหตุผลในการอยู่ต่อ

“ก็จริงนี่ ตั้งแต่เคยมีแฟนมานะ...ก็ถูกนอกใจตลอด แต่พอมาอยู่ในความสัมพันธ์นี้ที่ชัดเจนว่าไม่ใช่แฟนแน่ล่ะ ทำไมเขาถึงได้ซื่อสัตย์และรักษาคำพูดขนาดนี้...” แล้วหญิงสาวก็แนบแก้มลงไปกับหมอน หลับตาพริ้มคิดถึงสิ่งดีๆ ที่เขาทำให้มาเสมอ

ก่อนจะหลับไป...ทั้งๆ ที่เขาไม่แม้แต่จะตอบข้อความกลับมานั่นแหละ

เฮ้อ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel