2
“ค่าแม่...เดี๋ยวหนูจะหาเวลากลับนะคะ” สองแขนที่หอบหิ้วการบ้านของนักเรียนมาตรวจ สลับกันถือของไปมา พร้อมคว้าโทรศัพท์ออกจากข้างหู ที่หนีบไปกับหัวไหล่
ใช่...พรพรรณ มีรักษ์ มารดาผู้บังเกิดเกล้าโทรหาเธอด่วน ในขณะที่กำลังจะลงจากแท็กซี่ จึงได้รีบรับแบบทุลักทุเลพร้อมกับเปิดเข้ามาในบ้านหลังขนาดเล็ก ที่เธอซื้อไว้ในย่านชานเมืองที่ห่างไกลจากโรงเรียนที่สอนพอสมควร
จะทำอย่างไรได้ เธอชอบชีวิตอิสระ ไม่อยากทำงานใกล้บ้าน ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดา และน้องสาวน้องชาย
เธอเป็นพี่ใหญ่ ที่ยกความรับผิดชอบในการดูแลครอบครัวให้กับน้องสาว ผู้ที่ดูเหมือนจะได้เรื่องกว่า
แว่นหนาเตอะ กระโปรงกรอมเข่า รองเท้าสุภาพ ไม่ได้ทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบสูง หรือใช้ชีวิตมาอย่างดีอย่างที่คนภายนอกกำลังเข้าใจ
มันเป็นเพียงภาพลักษณ์ ที่เธอพยายามจะสร้างมาตลอด ตั้งแต่เด็กยันโต...
ก็จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็ภาพลักษณ์พวกนี้ มันทำให้เธอดูเป็นเด็กเรียน เด็กดี เด็กที่พ่อแม่ไว้วางใจ
หึ...แม้ความเป็นจริง จะมีบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้อย่างเนียนกริบก็เหอะ
เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตมาอย่างง่ายดาย ไม่ถูกจับตามองหรือพูดถึงให้วุ่นวาย ซึ่งมันก็ได้ผลตามนั้นจริงๆ
“อือ ว่าไง” สายที่หนึ่งผ่านไป เธอเพิ่งจะวางข้าวของเข้าที่ได้ สายที่สองก็ตามมาติดๆ
รู้งี้ ไม่น่าปิดโหมดพระจันทร์เลย
‘พวกฉันคุยอะไรกันในไลน์กรุ๊ปตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่อ่านเลยวะ’ รัศมี ดวงใจ วิศวกรสาวหนึ่งในแก๊งร่วมชาติ ที่คบกันมายาวนานตั้งแต่สมัยมัธยม โวยวายตามสายมา จนเธอตัดสินใจที่จะเปิดลำโพง และวางโทรศัพท์เอาไว้บนโต๊ะแทน
เพื่อที่จะได้มีมือว่างไปจัดระเบียบข้าวของที่ระเกะระกะอยู่บนโต๊ะให้เข้าที่
“ก็ไม่ได้ว่าง ตลอดเวลาเหมือนพวกแกแมะ”
‘นี่มันจะหกโมงเย็นแล้วนะเว้ย แกยังไม่เลิกงานอีกเหรอ’
“เลิกแล้วเว้ย แต่ฉันกว่าจะต่อรถเมล์ กว่าจะหาแท็กซี่เข้ามาในหมู่บ้านได้ กว่าจะถึงบ้านอีก มันก็ต้องใช้เวลาป่าววะ ไม่ได้กินนอนที่ไซต์ก่อสร้างเหมือนแกซะหน่อย”
‘แนะๆ ถามนิดเดียว บ่นมาเป็นหางว่าวเลยนะยะ’ พอได้บ่นความอึดอัดในจิตใจก็เหมือนจะพอทุเลาลง พ่นลมหายใจออกมาสองสามที ก่อนจะเดินเข้าไปถอดเสื้อผ้าพาร้อนออกจากเนื้อตัว เปลี่ยนเป็นชุดลำลองเสื้อสายเดี่ยวกางเกงขาสั้น เพื่อเตรียมทำงานบ้านและอาหารให้ตัวเองต่อไป
“แล้วตกลง พวกแกคุยอะไรกันวะ”
‘ก็เรื่องที่จะไปเที่ยวกันไง แกห้ามเทพวกฉันนะรู้ป่าว’ พวกพ้องที่ว่านี่ก็คือแก๊งร่วมชาติทั้ง 4 คน ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมนั่นแหละ
ที่แม้จะแยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่มีใครดีดตัวเองออกจากกลุ่ม
ความเหมือนกันไปซะทุกอย่าง เข้ากันได้ดีไปซะทุกเรื่อง มันทำให้ความยืนยงของแก๊งเหนียวแน่นและเป็นปึกแผ่น
โดยเฉพาะ...ความลับที่ทั้ง 4 สาวมีเหมือนๆ กันด้วยนี่แหละ ที่ทำให้ไม่กล้าจะแยกตัวออกไป เพราะกลัวถูกเปิดโปงอย่างไรล่ะ!
แต่แน่นอนล่ะว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่แก๊งร่วมชาติมีให้กันก็คือ ความจริงใจ...แบบหาที่ไหนไม่ได้จากใครอื่น นอกจากจะเป็นเพื่อนกันแล้ว ยังเป็นเหมือนพี่น้องร่วมสาบาน ไม่มีวันที่จะตัดขาดหรือทรยศหักหลังกันอย่างแน่นอน
“อ๋อ แล้วเป็นเสาร์อาทิตย์มั้ยอ่ะ”
‘แน่สิยะ พวกฉันมีเพื่อนเป็นครูนะ จะไม่เลือกวันเที่ยวเป็นเสาร์อาทิตย์ได้ยังไง’
“พูดมาขนาดนี้ ฉันคงจะปฏิเสธไม่ได้”
‘ถูกต้องจ้ะ! แล้วอย่าลืมไปเลือกชุดให้เข้าตรีมด้วยนะ ไอ้ต่ายมันส่งเข้ามาให้ดูรัวๆ แล้ว’ ต่ายหรืออรวรรณ หวานหอม เป็นหนึ่งในแก๊งร่วมชาติ ที่ผันตัวไปเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าออนไลน์ ที่มีผู้ติดตามใน IG หลักแสน
ด้วยความที่มีหน้าตาสวยเป็นทุนเดิม บวกกับรูปร่างเพรียวลม ทำให้ตัดสินใจยึดเป็นอาชีพเสริม ควบคู่กับไปงานธนาคารที่ทำอยู่
แต่ถึงจะขายเสื้อผ้าแฟชั่น แต่ก็ยังคง concept การแต่งตัวสุภาพ เฉิ่มเชย แบบไม่ให้หลุดไปจากตรีมของแก๊ง ยกเว้นเวลาถ่ายแบบให้กับสินค้าของตัวเองที่ไม่ได้วาบหวิวจนเกินไป กับเวลาที่ไปเที่ยว แต่ก็ยังยึดความเรียบร้อยกันเป็นหลักอยู่ดี
“นี่ต้องหมดเงินมากโขเลยใช่มั้ยเนี่ย” มนุษย์ครูที่เงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร โอดครวญออกมาเล็กน้อย
‘แหมๆ นานทีปีหนมะแก...ชาติหนึ่งจะได้หมดเงินที จะหมดเท่าไหร่กันเชียว’
“ฉันไม่ได้มีเงินเดือนเดือนละห้าหมื่น โบนัสสิบเดือนเหมือนใครบางคนนี่ยะ”
‘นั่น ประชดประชันเก่ง...เงินเดือนห้าหมื่นจริง แต่รายจ่ายเป็นแสนย่ะ!’ อันนั้นเธอก็ไม่เถียงหรอก รายจ่ายของรัศมีก็คงไม่พ้นการส่งให้ที่บ้าน ส่งน้องเรียน ผ่อนรถให้ครอบครัว ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยสักอย่าง
พรรณวดีชื่นชมในความเก่งของเพื่อน ในขณะที่เธอเงินเดือนก็เท่านี้ มีหนี้คือบ้านและไม่ยอมซื้อรถ แต่ก็ไม่เคยมีเงินเหลือพอที่จะส่งให้ที่บ้านได้ทุกเดือน
โชคดีที่ครอบครัวเธอพอจะดูแลตัวเองได้ มีร้านขายของชำที่ได้กำไรสม่ำเสมอ และน้องสาวที่อายุน้อยกว่าแค่สามปี เรียนจบพยาบาลและสามารถหาเงินได้เยอะกว่า และส่งเสียครอบครัวแทนให้ และส่งน้องชายเรียนต่ออีกด้วย
“โอเค เดี๋ยวฉันทำงานบ้านก่อน...ไว้เดี๋ยวว่างจะเข้าไปอ่านที่พวกแกคุยกัน ยังไงก็คุยกันไปก่อนได้เลย ฉันไม่มีปัญหา”
‘โอเคตามนั้นย่ะ’
นอกจากพรรณวดี รัศมีและอรวรรณแล้ว อีกหนึ่งสาวที่อยู่ในแก๊งร่วมชาติ ก็คือปทุมพร รัตนะ เจ้าของคาเฟ่แห่งหนึ่งในย่านพักผ่อนแถวนครปฐม ที่ตัดสินใจแน่วแน่ตั้งแต่เรียนจบนิเทศศาสตร์ ว่าจะมุ่งหน้าสู่การเป็นเจ้าของคาเฟ่
ซึ่งแน่นอนว่าไปได้สวย แม้จะตกแต่งร้านไปในแนวเรียบง่าย แถมยังตั้งชื่อคาเฟ่ว่า ‘ดื่มกาแฟร่วมชาติ...เหมือนได้ตักบาตรร่วมขัน’ เป็นแนวพักผ่อน เหมือนมานั่งสมาธิ ทำบุญ เพราะทางร้านมีสะพานบุญส่งต่อไปทำบุญจริงๆ ให้
เป็นคาเฟ่ที่คู่รักร่วมบุญต้อง check in แบบห้ามพลาด! และถือว่าเป็นการตลาดที่ไปได้อย่างโคตรสวย!
กว่าจะทำธุระส่วนตัว เก็บกวาดบ้านช่องห้องหับ รับประทานอาหารฝีมือตัวเองไปจนเกลี้ยง เวลาก็ผ่านมาร่วมสองชั่วโมงกว่า
เข็มนาฬิกาสั้นและยาว ชี้บอกเวลาสองทุ่มครึ่ง...
กองการบ้านที่ตรวจค้าง กองอยู่ตรงหน้า โคมไฟส่องแสงถนอมสายตา หากแต่คนที่ยังมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์แบบนิ่งๆ อยู่นั้น เหมือนจะยังไม่พร้อมที่จะทำงานของตัวเองเลยสักนิด
“หายไปตั้งสามวันแล้วนะ...ไม่คิดที่จะทักมาบอกอะไรบ้างเลยหรือไง” บ่นพร้อมมองไปที่ข้อความสุดท้ายของใครบางคน
Tan: มีงานที่สิงคโปร์หลายวัน
หลายวัน...ที่ไม่รู้เลยว่าตกลงกี่วัน
Dee: เดินทางปลอดภัยนะคะ จุ๊บๆ
แม้จะสงสัย ก็ทำได้แค่ตอบข้อความที่ดีที่สุดไปแบบนั้น
เอาจริงๆ มันก็ค่อนข้างที่จะอึดอัด ในตลอดระยะเวลาที่ต้องอยู่ในความสัมพันธ์...แน่ล่ะ ว่ามันชัดเจนมาก ว่าความสัมพันธ์นี้มันคืออะไร
มันไม่ใช่ Friend with benefit
มันไม่ใช่แค่ One night stand
แต่มันเป็นเหมือนแฟนกันนี่แหละ แฟนแบบ Part-time มันอาจจะฟังดูคล้าย Girlfriend holidays แต่มันก็ไม่ใช่
เธอได้รับความสุข ได้รับการดูแลเหมือนแฟนคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา เขาให้เหตุผลว่าเขายังไม่พร้อมที่จะมีแฟนเต็มเวลา เขายังมีเรื่องอื่นๆ ให้ต้องโฟกัสหรือสนใจมากกว่า
แฟนแบบ Part-time ก็คงจะเหมือนกับพนักงาน Part-time ที่ไม่ได้รับสิทธิหรือสวัสดิการเหมือนกับพนักงานประจำที่เขาได้
ได้พูดคุยกันทุกวัน ถ้าเขามีเวลา...แต่เรียกร้องไปมากกว่านั้นไม่ได้
ได้มีเซ็กส์เวลาที่ว่างตรงกันทั้งคู่...เหอะ ไม่ใช่ว่าว่างตรงกันหรอก ขอแค่เขาว่างเถอะ เธอก็พร้อมที่จะไปในทันใด!
ได้เที่ยวตามโอกาส แต่ก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับรู้เรื่องส่วนตัว หรือเปิดเผยความสัมพันธ์
เขาให้สัญญาว่าจะไม่มีเซ็กส์กับคนอื่นและเธอก็สัญญาเช่นกัน ระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ในความสัมพันธ์ เขาทำได้อย่างนั้นมาตลอดระยะเวลา 1 ปี
เธออยากจะคุยหรือเรียนรู้กับคนอื่นก็ได้ เขาเองก็เช่นกัน และหากทั้งคู่อยากจะไปสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับคนอื่น ก็ขอแค่ให้บอกกัน...
มันเหมือนจะดีเนอะ
ดีกับผีอะไร
หญิงสาวตัดสินใจกดออกจากช่องข้อความนั้น และหันหน้าสู่กองงานที่ต้องตรวจ
‘ทีแรกก็ไม่ได้อยากจะเป็นหรอก...แต่ทำไงได้ ดันไปติดใจเขาซะนี่’
ความคิดเห็นที่ไม่กล้าจะกดถูกใจใดๆ นี้ เป็นเหมือนคำตอบของคำถาม ว่าถ้ามันดีกับผี...แล้วทำไมถึงยังคงอยู่
ทำไมถึงไม่เดินออกมา?
“อือ ติดใจ! ติดใจมาก!!”
