บท
ตั้งค่า

4

กิจกรรมช่วงบ่ายหลังจากการสอนภาคเช้าได้เสร็จสิ้น คุณครูวิชาภาษาไทยประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อย่างพรรณวดี ก็ต้องรีบมาช่วยหัวหน้าฝ่ายจัดห้องประชุม สำหรับการประชุมใหญ่ในวันพรุ่งนี้ของบอร์ดบริหาร

ด้วยความที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนไทยกึ่งนานาชาติ มีสถานที่กว้างขวางใหญ่โต แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจหลายสาขา แต่ก็ได้รับการให้ความสำคัญ เพราะว่าผู้ก่อตั้งเป็นครูมาก่อน

เธอไม่รู้รายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้ และไม่อยากจะรู้ด้วย

คนเรียนเก่งเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดอย่างเธอ ไม่ได้ใฝ่รู้เรื่องอื่นไปมากกว่าหน้าที่ของตัวเอง นี่เป็นคุณสมบัติหนึ่งของแก๊งร่วมชาติ ที่ทุกคนมีเหมือนกัน...และทำให้แก๊งตัดขาดจากชีวิตเพื่อนคนอื่นอย่างสิ้นเชิง

ปีนี้...พวกเธอก็ย่างเข้าสู่ปีที่ 29 แล้ว

แต่ก็ยังไร้วี่แวว ว่าจะมีใครได้ลงเอยในความสัมพันธ์

“น้องดีพอจะจัดดอกไม้ได้ใช่มั้ยคะ ดีเลย...มาช่วยพี่ทางนี้เลยค่ะ” คุณครูรุ่นพี่ผู้แต่งกายได้เนี๊ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่าง กฤษณา พาฝัน รีบกวักมือเรียกเธอให้เข้าไปหาอย่างเป็นมิตร

“พอได้ค่ะพี่ณา” ตอบกลับอย่างอ่อนโยน ชดช้อย ตามภาพลักษณ์ที่สรรค์สร้างมาตลอด 29 ปี

พรรณวดีได้รับการเอ็นดูจากรุ่นพี่แทบจะทุกฝ่าย เพราะเธอทั้งเก่งและมีความสามารถ แต่งตัวสุภาพเข้ากาลเทศะตามกฎระเบียบของโรงเรียนทุกประการ ทั้งๆ ที่อายุยังน้อย

ไม่เหมือนคุณครูรุ่นใหม่คนอื่นๆ ที่มักจะทำตัวผิดหูผิดตาเหล่าครูรุ่นพี่เสมอ โดยเฉพาะ...

“พอจะมีผลไม้ด้วยมั้ยคะพี่นา คุณครูดีเนี่ยเขามากความสามารถนะคะ ผลไม้เขาก็จัดได้..แกะสลักเป็นด้วย” ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่พยายามจะตั้งตนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอแบบชัดเจนขึ้นทุกวันนั่นแหละ

“อันนั้นพี่ก็พอจะทราบจ้ะ ว่าน้องดีเนี่ยเขามากความสามารถ ว่าแต่เราเถอะ...ขึ้นมาทำไมเหรอ จะมาช่วยอะไรใครเขาได้” คนปากไวอย่างกฤษณาตอบกลับให้แทน จนพรรณวดีต้องลอบยิ้ม

ภาพลักษณ์นางเอกผู้อ่อนแอของเธอยังคงเป็นอย่างนั้นต่อไป สะใจมากจ้ะ

“แหม คุณพี่นาก็ไม่น่าจะขี้ลืมเลยนะคะ...แต่ก็เข้าใจค่ะ ว่าแก่แล้วก็ต้องหลงลืมกันเป็นธรรมดา บอกให้เอาบุญอีกครั้งก็ได้ค่ะ บัวเป็นฝ่ายต้อนรับของโรงเรียนนะคะ บัวก็ต้องมาตรวจความเรียบร้อย ว่าฝ่ายสถานที่เนี่ย...มืออาชีพรึเปล่า เผื่อพรุ่งนี้ติดขัดอะไรขึ้นมา ฝ่ายเราก็ต้องมาคอยแก้ปัญหาให้อีก”

“ยัยบัว!”

เหมือนคำกล่าวนั้นจะจี้ใจ จนครูรุ่นพี่อารมณ์ขึ้น!

“อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น” หัวหน้าภาควิชาภาษาไทยอย่างตรีศร มาลารัก รีบเดินเข้ามาพร้อมส่งสายตาเชิงปรามทั้งสอง

“เปล่าหรอกค่ะคุณพี่ตรีศร เดี๋ยวบัวขอตัวก่อนนะคะ” ทีท่าที่ไม่ได้กริ่งเกรงใครของกชกร อยู่ในภาพลักษณ์ของสาวมั่นแต่ดูไร้พิษภัย เธอวางตัวให้ตัวเองไม่ใช่คนร้ายกาจและในขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่คนที่ใครจะมาข่มเหงได้ง่ายๆ

มันเป็นภาพลักษณ์ที่ใช้ได้เลยแหละ

แต่...

มันไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ดีที่สุดหรอกนะ หึหึ

“เขาเป็นของเขาอย่างนี้แหละ อย่าไปสนใจหรือไปเกี่ยวข้องเลยนะ เลี่ยงได้ให้เลี่ยง” คุณครูอาวุโสหันมาบอกกล่าวอย่างเกรงใจ เพราะแท้จริงแล้ว มิใช่หน้าที่อะไรของพรรณวดีเลยด้วยซ้ำ ที่จะต้องขึ้นมาช่วยจัดสถานที่ แต่เธอก็ยังมีน้ำใจมา

“ค่ะพี่ตรีศร” รับคำเชิงแอบเหนื่อยใจ ใช่...ภาพลักษณ์นางเอกผู้อ่อนแอ ต้องแสดงความไม่ไหวออกไปเป็นครั้งครา เพื่อยืนยันว่าตัวเองต้องการการปกป้อง

และแน่นอนว่า ผู้ที่พบเห็นรู้สึกว่าตัวเองจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้น้องใหม่อย่างเธอ...ถูกรังแกได้

แต่สิ่งหนึ่งที่กลับมาย้ำให้พรรณวดีได้ตระหนักก็คือ...

‘พอจะมีผลไม้ด้วยมั้ยคะพี่นา คุณครูดีเนี่ยเขามากความสามารถนะคะ ผลไม้เขาก็จัดได้..แกะสลักเป็นด้วย’

ผลไม้อีกแล้วเหรอ...ผลไม้มันน่าสนใจยังไง?

เรื่องการแกะสลักผลไม้ ฝ่ายนั้นคงจะไปส่องตาม Facebook ที่เธอเคยเพิ่มเพื่อนกันไปช่วงที่เธอเข้ามาแรกๆ

ช่วงแรก...กชกรเป็นมิตรมากกว่านี้

เพิ่งจะมาเปลี่ยนในช่วงหลังๆ

“เราไปทำอะไรกับผลไม้ให้เขาเห็นอย่างนั้นเหรอ?” พึมพำกับตัวเองลำพัง ก่อนลงมือจัดดอกไม้อย่างคล่องแคล่ว แบบคนที่จัดมาจนชำนาญ

เรื่องงานบ้านงานเรือน เธอไม่เคยขาดตกบกพร่องเพราะต้องช่วยมารดาทำทุกอย่างมาตั้งแต่เด็กๆ ช่วงที่มารดาต้องเลี้ยงน้องสองคน เธอก็เป็นเหมือนตัวแทนของท่าน

เพราะบิดาแทบจะทำอะไรไม่เป็นเลย เขาเป็นคนหาเงินเลี้ยงครอบครัวโดยสมบูรณ์ เพราะมารดาเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว

‘ผู้หญิงเรานะ ต้องเก่งเรื่องนี้...เพราะจะได้เอาไว้ดูแลสามีในอนาคต’ คำกล่าวของมารดาในวันนั้น ทำให้เธอตั้งใจที่จะเรียนรู้งานครัวทุกอย่าง วาดฝันว่าจะได้เป็นแม่บ้านของใครสักคน

หึ อย่าว่าแต่สามีเลย...สถานะแฟนก็ไม่รู้จะได้เป็นหรือเปล่า

Tan: จอดรออยู่หน้าห้าง

นาฬิกาบอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม พรรณวดีเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมาจากการช่วยกันเตรียมผลไม้แช่เย็นเอาไว้

ใช่...ทุกอย่างต้องแกะสลัก

เพราะ CEO รุ่นบุกเบิกจะเข้ามาร่วมประชุมด้วย แว่วมาว่าเป็นคนที่เนี๊ยบไม่มีใครเกิน กฤษณาเนี๊ยบอย่างไรให้คูณสิบเข้าไปอีก

พรรณดีไม่มีเวลาที่จะสนใจอย่างอื่นต่อไปมากนัก เพราะไม่อยากให้ใครบางคนรอนาน...รวมไปถึงตัวเองด้วย

เธอไม่อยากรอที่จะคิดถึงเขาอีกต่อไปแล้ว!

“มาแล้วค่ะ!” ทันทีที่เปิดประตูรถเข้ามานั่งใน BMW สีเงินทรงหรู ก็รีบส่งเสียงสดใสไปให้ ปรี่ตัวเข้าเกาะแขนเขาทันที แบบไม่ได้สนใจว่าตัวเองแต่งชุดอย่างไรอยู่

“หิวมั้ย” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาจากต้นแขนล่ำสัน ที่มีความหอมกรุ่นเป็นเอกลักษณ์ เธออยากจะสูดมันเต็มปอด ให้หายคิดถึงกันไปข้าง!

“นิดหน่อยค่ะ” ตอบรับคนที่ออกรถทันทีที่เธอนั่งเรียบร้อย เสี้ยวหน้าคมคร้ามจ้องไปยังพื้นถนนด้วยทีท่าสงบดังเดิม

ช่างเป็นทีท่า...ที่รู้สึกว่าเขาอยู่ห่างออกไปในที่แสนไกล ขนาดสัมผัสได้ ยังรู้สึกเหมือนไม่ได้สัมผัส

“จะกลับไปทานที่บ้านหรือหาร้านนั่งทาน” ถามในขณะที่ไม่ได้แม้แต่ชายตามาหา

“ใส่ชุดนี้ คงนั่งร้านทานไม่ได้หรอกค่ะ” วันนี้เป็นวันที่เธอต้องใส่ยูนิฟอร์มของโรงเรียนเต็มยศ นั่นหมายความว่าแบกชื่อเสียงของโรงเรียนออกมาด้วย

“แล้วอยากนั่งมั้ยล่ะ”

“ก็อยากค่ะ...แต่ไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยน” ว่าเสียงอ่อน อันที่จริงเธอนั้นจะอย่างไรก็ได้ แต่เขาก็มักจะเป็นแบบนี้ ถ้าต้องการคือจะหาให้ได้ทุกอย่าง ไม่มีเกี่ยงแม้สักเรื่อง

และถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชัดเจนต่อกัน แต่เขาก็ไม่เคยที่จะทำตัวหลบซ่อน หรือกลัวว่าจะมีใครมาเห็นตอนไปมาไหนด้วยกัน

‘ไม่มีใครมีสิทธิ์มายุ่งชีวิตพี่’

คำประกาศิตของเขากล่าวเอาไว้อย่างหนักแน่น ฟังๆ ดูแล้วมันก็สบายใจอยู่หรอกนะ แต่คำว่า ‘ไม่มีใคร’ มันหมายรวมถึงตัวเธอด้วยที่ ‘ไม่มีสิทธิ์’ เหมือนกับคนอื่นๆ

“พี่มีชุดเราอยู่หลังรถ” หญิงสาวหันขวับไปมองในทันที ก็เห็นว่าชุดเดรสตัวยาวสีขาวเรียบๆ ของตัวเองถูกแขวนอยู่ เธอจำไม่ได้แล้วด้วยว่าไปลืมไว้ที่คอนโดเขาตอนไหน

“ขอบคุณนะคะ”

“แม่บ้านเตรียมมาน่ะ สงสัยจะหยิบผิด” นอกจากเขาจะเย็นชาแล้ว ยังมีความซึน...อยู่มากโข

ซึนหมายถึง...คนที่มีฟอร์มจัด แสดงออกทางความรู้สึกไม่เก่งหรือไม่ก็มักจะพยายามหลบเลี่ยงที่จะพูดหรือแสดงออกตรงๆ ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร

“ค่า...แม่บ้านหยิบผิดก็หยิบผิด!” แล้วเธอก็ส่งจมูกรั้นๆ ของตัวเองชนไปที่ข้างแก้มสากระคายของเขาเชิงให้รางวัล เธอรู้สิ...ว่าเขาใส่ใจในเรื่องนี้ มีการเตรียมความพร้อมเสมอ ในช่วงเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกัน

แม้มันจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่เธอก็จะรีบไขว่คว้าโอกาสที่จะได้ยึดครอง รู้ว่าชั่วคราว...แต่ก็ดีกว่าไม่ได้เลยไง

ความรักมันก็เป็นเสียอย่างนี้

มันทำให้เราทำในเรื่องที่ไม่ควร ได้ตลอด และไร้คำตอบ ไร้เหตุผลที่ดีเสียด้วย

“คิดถึงมากๆ เลยค่ะ” กอดกระชับต้นแขนของเขา พร้อมแนบใบหน้าลงไป ซุกกับไออุ่นอยู่อย่างนั้น แสดงความรู้สึกแบบที่ไม่ได้เห็นเลยว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาอย่างไร

“จริงเหรอ” คนที่พูดไปตามอารมณ์ชะงักเล็กน้อย

“หือ? พี่เนี่ยนะคะที่จะเป็นฝ่ายถามกลับ?” ปกติ เขาก็ต้องปล่อยให้เธออยากพูดอะไรก็พูดไปสิ ไม่ใช่มาถามกลับแบบนี้

“หรือว่า...เริ่มที่จะสนใจความรู้สึกของดีแล้ว” ว่าอย่างดีใจ พร้อมกอดกระชับต้นแขนของเขาแน่นขึ้น

“หื้อ พี่จะขับรถ” เพียงแค่คำตอบบ่ายเบี่ยงนี้ มันก็ทำให้เธอหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข

“แน๊ ที่แท้ก็คิดถึงเหมือนกันใช่มั้ยล่ะคะ” เขาเลือกที่จะไม่ตอบ เธอเองก็ไม่ชอบที่จะคาดคั้น

อันที่จริงเธอรู้แต่เพียงว่า...เขาชื่อ ธรรม์ นามสกุลอะไรเธอก็ยังไม่เคยรู้ และเรียกเขาว่า ‘พี่’ สั้นๆ

แปลกเนอะ...เรากล้าอยู่ในความสัมพันธ์ประเภทนี้กับคนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย มาขนาดนี้ได้ยังไง...

แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ ร่วม 1 ปีได้

อือ...มันเป็นความแปลกที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยแหละ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel