บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 12 หัวโขกเต้าหู้

หลังจากฝูหลินออกไปได้ไม่นาน ไท่จื่อทรงขึ้นจากบ่อน้ำพุร้อน พระวรกายท่อนล่างสวมพระภูษาขาวสะอาดตา ทรงทอดพระเนตรเห็นปิ่นเงินคล้ายหางอะไรสักอย่าง มีพระดำริว่าคงเป็นหางหงส์ ที่หญิงสาวผู้นั้นลืมไว้ จึงเสกให้เลือนหายโดยพลัน อีกทั้งยังแย้มพระสรวล

ฝูหลินกลับมายังไป๋หลานกง รีบไปที่อ่างน้ำไม่ช้าแทบกระโจนลงไปในอ่าง ฝูหลินดำน้ำลงไปรู้สึกอับอายย่างยิ่ง แก้มนวลเนียนดั่งลูกไหน ไม่อาจหลบซ่อนได้ เมื่อนึกถึงสายพระเนตรทอดมองมาที่ตัวเอง ครั้งตกไปในบ่อน้ำพุร้อน

‘ความจริงแล้วมีข้ากับเขาที่อยู่เพียงสองไม่มีใครอื่น ทำไมต้องอายด้วย แต่เรื่องของเรื่องนั้น โอ๊ยข้าอยากจะเอาหัวโขกเต้าหู้ให้ตายไปเลย ไม่เคยรู้สึกอับอายถึงเพียงนี้’

“กงจู่เพคะ” เสียงของซู่เหยาดังขึ้นทำให้ฝูหลินขึ้นมาเหนือน้ำ เอามือทั้งสองข้างลูบใบหน้า ซู่เหยาจึงกล่าวต่อระคนสงสัย

“กงจู่สรงน้ำทำไมไม่ให้หม่อมฉันช่วยปลดอาภรณ์เพคะ”

“คือข้า…ร้อนจึงอยากอาบน้ำ จึงลืมถอด” ฝูหลินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ซู่เหยาที่ยืนฟังรู้สึกงุนงงยิ่งนัก อยากอาบน้ำแค่ไหนก็ไม่ควรอาบน้ำทั้งชุดเช่นนี้

ฝูหลินก้าวเดินออกจากสระน้ำ นางกำนัลสามคนเปลี่ยนอาภรณ์ให้นางทันที พวกนางดูแลฝูหลินดั่งเป็นกุ้ยเฟยแคว้นหยาง พอแต่งอาภรณ์เสร็จสิ้นจึงเดินไปยังกระจกเพื่อตรวจดู กลับพบว่า

“ปิ่นหางหงส์ของข้า ปิ่นหางหงส์ของข้าหายไปไหน” ฝูหลินเอ่ยถาม จับตามตัวแล้วเปิดหมอน ไปดูยังอ่าง

“ช่วยองค์หญิงหาเร็ว” ซู่เหยาเอ่ยบอกนางกำนัลด้วยความร้อนใจ เมื่อของรักของกงจู่หายไป หนี่อู่เดินเข้ามาในไป๋หลานกง มองดูความวุ่นวาย

“มีอะไรหรือฝูหลิน เหตุใดจึงวุ่นวายถึงเพียงนี้”

“ปิ่นหางหงส์ของข้าหายไป ไม่รู้ว่าไปทำตกไว้ที่ใด” ฝูหลินเอ่ยบอก แต่นางนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยไล่นางกำนัล

“พวกเจ้าไม่ต้องหาแล้ว ออกกันไปก่อนเถิด”

นางกำนัลถวายบังคมลาออกไปทั้งหมดเหลือเพียงหนี่อู่ ฝูหลินจึงกล่าวด้วยความร้อนใจ

“เจ้าคิดออกแล้วหรือว่าปิ่นหางหงส์นั้นอยู่ที่ใด” หนี่อู่เอ่ยถามเชิงสงสัย

“เมื่อวานหลังจากข้ากินงานเลี้ยงที่ตำหนัก แล้วพอเดินผ่านอุทยานจันทราประกาศิต ข้าถูกเซียนบุรุษผู้หนึ่งวิ่งไล่ตาม จนข้าหนีมายังบ่อน้ำพุร้อน กลับตกลงไปในบ่อน้ำพุร้อน แต่ข้ากลับเจอไท่จื่อที่ทรงอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนนั้นด้วย ข้าพูดคุยกับเขาไม่กี่ประโยคแล้วรีบขึ้นโดยทันที คิดว่าตอนที่เดินออกมาปิ่นตกไว้แถวนั้น” ฝูหลินเอ่ยกล่าวด้วยความร้อนใจ

“เจ้าจะทำเช่นไรต่อ” หนี่อู่เอ่ยถาม แต่ฝูหลินลุกขึ้นทันทีหมายจะเดินออกนอกตำหนัก หนี่อู่ถามอีกครั้ง

“ฝูหลินเจ้าจะไปไหน”

“ข้าจะไปเอาปิ่นหางหงส์ของข้าคืน” ฝูหลินเอ่ยกล่าวแล้วก้าวเดินออกไปโดยทันที

“เมื่อจะหลีกก็หนีไม่พ้น พอจะหนีก็หนีไม่ได้” หนี่อู่เอ่ยเช่นนี้ แล้วถอนหายใจมองฝูหลินที่วิ่งออกไปสุดสายตา

ฝูหลินยืนแอบข้างกำแพงลู่เหวินกง นางรอทหารเวรเปลี่ยนผลัดทุกค่ำคืน นางมองไปยังท้องนภาบัดนี้ยามจื่อ เค่อสุดท้าย ทหารเปลี่ยนเวรกันในช่วงเวลานี้ ฝูหลินพลังเซียนไม่ได้มากที่จะเร้นกายเข้าไปได้ เมื่อถึงเวลานี้แล้ว ทหารเปลี่ยนเวรกันนางจึงย่องเข้าไปทันที (ยามจื่อ ช่วงเวลา 23.00 – 00.59 / เค่อ = 15 นาที 1 ชั่วยาม = 8 เค่อ)

ฝูหลินเข้ามาในลู่เหวินกงหลบอยู่ข้างแจกันลายดอกไห่ถังใบใหญ่ ไท่จื่อทรงอ่านพระสูตรอยู่บนพระแท่นบรรทมเนิ่นนาน ไม่ช้าก็ทรงวางลงบนถาดไม้กฤษณา พระองค์เสด็จไปยังแท่นจุดกำยาน ทรงจุดกำยานเพิ่ม ไท่จื่อเสด็จไปที่ราวแขวนผ้า ถอดฉลองพระองค์ขาวสะอาดตัวนอกออก วางพาดไว้กับราวแขวนผ้า แต่ว่าฝูหลินหันหน้าหนีแทบไม่ทัน พอนางหันมาอีกทีไท่จื่อประทับนอนตะแคงบนแท่นบรรทมเสียแล้ว ฝูหลินจึงรีบก้าวเดินหาปิ่นหางหงส์ทันที ฝูหลินเดินไปหาจนทั่วห้องก็ไม่ ตอนนี้สิ่งที่นางคิดคงมีอยู่ที่เดียวคือบนแท่นบรรทม ฝูหลินจึงตัดสินใจร่ายมนตร์นิทราใส่พระองค์แล้วเอ่ยกล่าวเบาๆ

“คิดว่าอิทธิฤทธิ์ท่านสูงส่งยิ่ง คงต้องร่ายมนตร์นิทราถึงสองครั้งท่านถึงจะหลับสนิท” ฝูหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วจึงร่ายมนตร์นิทราอีกครั้ง เมื่อมองดูว่าไท่จื่อหันไปกอดหมอนข้าง ลมพระหทัยสม่ำเสมอคิดว่าคงหลับสนิทแล้ว นางขึ้นพระแท่นบรรทมไล่หาตามหมอน ตามผ้าคลุมพระแท่นก็หามีไม่ ฝูหลินจึงเกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้น

“อิ๋งหง ท่านเอาปิ่นของข้าไปซ้อนไว้ที่ไหน”

ฝูหลินฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าในพระวรกายของไท่จื่อที่นางยังไม่ได้หา ฝูหลินจึงจับเขาหงายพระองค์ พอนางได้สบพระพักตร์ ทำหวนรำลึกถึงความหลัง เมื่อครั้งอยู่แคว้นหยาง พระพักตร์ของอิ๋งหงไม่ต่างจากเจิ้นเหวินต้าหวางแม้แต่น้อย พระวรกายขาวสะอาด พระพักตร์งดงาม พระโอษฐ์หนาสีกลีบบัว พระนาสิกโด่งเป็นสัน พระเกศานิลกาฬหนาสลวย นางรักต้าหวางอย่างหมดหัวใจ พระองค์ทรงดีกับนางทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่านางกล่าวสิ่งใดพระองค์จะคล้อยตามเสมอมา ต่างจากบุรุษอื่นคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่เหนือฟูเหรินของพวกเขา แต่พระองค์ให้เกียรตินางเสมอมา แม้ว่าตอนแรกๆ นั้นพระองค์จะขู่บังขับก็ตามที แต่ว่านางรักพระองค์ อาจเพราะความดีและแสดงความจริงใจที่มีให้

มารู้ตัวอีกทีมือของนางสัมผัสพระปรางค์ของพระองค์เบาๆ จึงชักมือออก ฝูหลินหันมองไปทางอื่น แต่มือของนางควานหาตามพระองค์ จนกระทั่งมาหยุดที่แท่งยาวๆ เรียวเล็กนางจึงหันกลับไปดู เป็นเสื้อผาวจึงหันล่วงเข้าไปใต้เสื้อ เป็นปิ่นหางหงส์ของนางนั้นเอง นางเอาออกมา มองด้วยความดีใจปักลงผมด้านหลังที่ถักเปียเอาไว้ แล้วถอยหลังก้าวลงจากแท่นบรรทมไม้กฤษณา เดินมาที่หน้าพระทวาร นางรู้สึกลืมตาไม่ขึ้น สติของนางหลุดดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา ไท่จื่อเข้ามาประคองและโอบอุ้มนางเอาไว้ได้ทันก่อนที่นางจะทรุดลงไปที่พื้นของพระตำหนัก

“เจ้าไปเรียนกับซ่างจวินมาหลายพันปี กลับไม่ทราบว่า มนต์นิทราไม่สามารถใช้กับเทพชั้นสูง เช่นข้าได้” ไท่จื่อตรัสเช่นนี้ แล้วแย้มพระโอษฐ์ แล้วดึงปิ่นหางหงส์ออกจากรัดเกล้าของนาง เสกหายไปโดยพลัน

ฝูหลินนอนบนเตียงไม้ประดู่หมอนไปทาง ผ้าห่มไปทาง ตัวนางอยู่บนหมอนข้าง นอนกอดหมอนข้างไว้ เสียงของซู่เหยาทำให้นางลืมตาขึ้นมองซู่เหยา ที่ถือชามาให้น้ำดื่มตอนตื่นนอนทุกครั้ง ฝูหลินนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองต้องอยู่ลู่เหวินกง

ทำไมรู้สึกว่าร่ายมนตร์นิทราเสร็จแล้ว ก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย แล้วตอนนี้พึ่งลืมตาขึ้นเจอซู่เหยาที่ยืนตรงหน้า

“ซู่เหยาข้ากลับตำหนักมาได้อย่างไร” ฝูหลินเอ่ยถามแล้วรับถ้วยชาขึ้นดื่มช้าๆ ซู่เหยาจึงยิ้มกว้าง

“ทูลกงจู่ เมื่อคืนองค์ไท่จื่อมาส่งท่านที่ตำหนัก และยังกล่าวว่าท่านเดินละเมอไปยังลู่เหวินกง” ซู่เหยาไม่ทันกล่าวจบฝูหลินเกือบสำลักชาที่ดื่มอยู่

“กงจู่ท่านเป็นอะไรหรือไม่” ซู่เหยาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เอาผ้าซับน้ำที่ข้างริมฝีปากของนาง ฝูหลินจึงดึงผ้ามาเช็ดเอง ฝูหลินมองไปยังกระจก แล้วจึงเดินเข้าไปใกล้นางมองจากด้านหลังอีกกระจกไม่เห็นปิ่นหางหงส์ที่ไปเอาคืนจากอิ๋งหงไท่จื่อ นางคิดต่อว่า

เขาต้องเอาปิ่นหางหงส์ของข้าไปอีกแน่

นางจึงสาวเท้าเดินออกไปนอกตำหนักด้วยความโกรธา ซู่เหยาร้องเรียกนางหลายครั้ง

“กงจู่จะเสด็จที่ใด ต้องเตรียมตัวเดินทางไปแดนบุพชาติ ไปพบหมิ่นหลังกงจู่ กราบเป็นศิษย์”

แล้วเสียงฝูหลินตะโกนกลับมาทันที

“ข้าไปเอาของเดี๋ยว เดี๋ยวข้ามา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel