บทที่ 3 เงาแห่งมังกรดำ
ลมหนาวพัดผ่านเหมือนเสียงกระซิบที่คอยเตือนถึงอันตรายที่แฝงตัวอยู่ในหมอกหนาทึบ เส้นทางที่หลี่เหยียนและเซียวหานเดินไปดูราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ความหนาวเย็นที่ปกคลุมทำให้การหายใจยากลำบาก ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
“เราจะเดินต่อไปได้อีกไกลแค่ไหน?” หลี่เหยียนถามพลางยกมือขึ้นมากอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาว
“ตราบใดที่เจ้ายังมีแรงเดิน ข้าก็จะไม่หยุด” เซียวหานตอบ ดวงตาคมกริบจับจ้องไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่
เสียงบางอย่างดังก้องออกมาจากความมืด คล้ายเสียงโซ่เหล็กที่เสียดสีกับพื้นหิน ความเงียบที่ครอบคลุมทำให้เสียงนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น
“นั่นอะไร?” หลี่เหยียนถาม ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“เงาของมังกรดำ...” เซียวหานตอบอย่างเคร่งเครียด “มันคือผู้พิทักษ์ที่ถูกปลุกขึ้นมาเพื่อขับไล่ผู้บุกรุก”
หลี่เหยียนมองไปยังเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเประหว่างความหวาดกลัวและความมุ่งมั่น นางรู้ดีว่าเส้นทางนี้เต็มไปด้วยอันตราย แต่ความปรารถนาที่จะทวงคืนเกียรติยศของตระกูลกลับผลักดันให้นางก้าวเดินต่อไป
“ถ้าเช่นนั้น เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม” หลี่เหยียนกล่าว ดวงตาของนางส่องประกายด้วยความมุ่งมั่น
“ถูกต้อง...” เซียวหานพยักหน้า “ไม่มีที่สำหรับผู้ที่ไม่กล้า”
เสียงคำรามต่ำเบาแทรกผ่านความเงียบ ราวกับมังกรที่กำลังตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนาน พื้นดินสั่นสะเทือนเบา ๆ ราวกับการเต้นของหัวใจที่กำลังเร่งเร้า
“มันมาแล้ว...” เซียวหานกล่าวอย่างจริงจัง
หลี่เหยียนเตรียมพร้อม ดาบในมือของนางส่องประกายแสงสีเงินที่ตัดกับความมืดรอบตัว นางไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์ที่พวกเขากำลังจะเผชิญหน้าคืออะไร แต่สิ่งหนึ่งที่นางมั่นใจคือ...นางจะไม่ยอมให้มันหยุดยั้งการเดินทางของนางได้
“เจ้าพร้อมหรือไม่?” เซียวหานถามพลางเหลือบตามองหลี่เหยียน
“ข้าพร้อม...” หลี่เหยียนตอบอย่างหนักแน่น
พวกเขายืนเคียงข้างกัน รอคอยสิ่งที่กำลังจะปรากฏขึ้นในเงามืดที่ไม่มีใครคาดเดาได้...
เสียงโซ่เหล็กที่เสียดสีกันยังคงดังก้องอยู่ในความมืด เสียงกึกก้องราวกับคำเตือนที่มาจากอดีตที่ถูกลืมเลือน
“นี่ไม่ใช่เสียงของสัตว์ธรรมดา...” เซียวหานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เข้มข้น ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังทิศทางที่เสียงนั้นดังมา
“มันคือผู้พิทักษ์ที่แท้จริงหรือไม่?” หลี่เหยียนถาม ความหวาดกลัวในดวงตาของนางถูกบดบังด้วยความกล้าหาญที่ไม่เคยลดน้อยลง
“อาจจะเป็น หรืออาจจะไม่ใช่...” เซียวหานกล่าวพลางยิ้มมุมปาก “แต่เราต้องพร้อมเผชิญหน้ากับมันไม่ว่าจะเป็นอะไร”
พวกเขาเดินต่อไปในความมืด เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหินที่เย็นเฉียบ ความหนาวเย็นซึมซับเข้าสู่กระดูก ราวกับหมอกที่หนาปกคลุมจิตใจให้มืดมน
หลี่เหยียนรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่รอบตัว เหมือนสายตานับร้อยคู่ที่จ้องมองพวกเขาอยู่ในความมืดมิด
“เซียวหาน...” นางเอ่ยชื่อเขาเบา ๆ ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบตัวด้วยความระแวดระวัง
“ข้าเห็นแล้ว...” เซียวหานตอบเบา ๆ ขณะที่เขาชักดาบออกมา ดาบคมที่สะท้อนแสงจันทร์ส่องประกายอย่างน่าขนลุก
ทันใดนั้น เสียงคำรามที่ดังกึกก้องไปทั่วราวกับอากาศถูกฉีกขาด เสียงนั้นมาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้พื้นดินสะท้าน
“ผู้พิทักษ์...” หลี่เหยียนกระซิบเบา ๆ ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก
“อย่าหวาดกลัว...” เซียวหานกล่าวขณะยืนเคียงข้างนาง “เราจะต้องต่อสู้ และผ่านมันไปให้ได้”
เบื้องหน้าพวกเขา ร่างใหญ่โตของสิ่งที่ดูคล้ายมังกรปรากฏขึ้นในความมืด เปลวเพลิงที่พุ่งออกจากปากของมันส่องประกายแดงเจิดจ้าในหมอกหนาทึบ
“จงระวังตัวให้ดี...” เซียวหานกล่าวอย่างจริงจัง ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะทุกอุปสรรคที่ขวางหน้า
การต่อสู้ที่พวกเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้กำลังจะเริ่มขึ้น...
เสียงคำรามของมังกรดำดังกึกก้องไปทั่วราวกับคำเตือน เสียงโซ่ที่พันธนาการมันอยู่เสียดสีกันอย่างดุเดือด มันกำลังดิ้นรนเพื่อปลดปล่อยตนเองออกจากพันธนาการแห่งคำสาบาน
หลี่เหยียนจ้องมองไปยังมังกรดำอย่างตั้งใจ ดาบในมือของนางส่องประกายราวกับเป็นแสงเดียวที่คอยนำทางในความมืดมิด
“เซียวหาน ข้าจะล่อมันไว้ เจ้าจงหาทางเข้าไปในสุสาน” นางเอ่ยอย่างมุ่งมั่น
“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ?” เซียวหานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง “เจ้าคิดว่าตัวคนเดียวจะสู้กับมันได้หรือ?”
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าต้องเสี่ยง...” หลี่เหยียนกล่าวขณะจ้องมองไปยังมังกรดำที่กำลังคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
เซียวหานนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น...เราจะต้องทำให้สำเร็จ”
พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มขึ้น โดยไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร...
