
บทย่อ
เสียงกระพือปีกดังสะท้อนกลางท้องฟ้าอันมืดมิด ราวกับจะฉีกท้องนภาออกเป็นเสี่ยง ๆ มังกรอสูรสีดำสนิททะยานผ่านเมฆหนา แผ่รังสีอันเยือกเย็นและอำมหิต ท่ามกลางสายลมที่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาแดงฉานของมันส่องประกายราวเปลวเพลิงอันมืดมน "เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะครอบครองดาบสลักมังกร!" เสียงหญิงสาวตะโกนขึ้น ฝ่าม่านหมอกที่คลุ้งกระจาย เธอยืนหยัดท่ามกลางความวุ่นวาย ร่างบอบบางในชุดสีแดงงามประณีต ทว่าดวงตาเต็มไปด้วยความเข้มแข็งที่ไม่อาจสั่นคลอนได้ ชายหนุ่มในชุดสีดำเข้มยืนเผชิญหน้า นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวจับจ้องไปที่หญิงสาวตรงหน้า ดาบมังกรอสูรในมือเขาส่องประกายแสงสีเงินออกมา พร้อมเสียงก้องกังวานราวกับมังกรกำลังขู่คำราม "ถ้าเจ้าไม่ยอม... ก็จงเตรียมรับผลที่จะตามมา" คำพูดของเขาเย็นเยียบและหนักแน่น ทว่าในดวงตากลับเต็มไปด้วยความสับสนที่ถูกปิดบังเอาไว้ "ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร หรือมีพลังอำนาจมากแค่ไหน แต่ดาบนี้... มันเป็นของข้า!" หญิงสาวพุ่งเข้าหาเขาอย่างไม่เกรงกลัว ดาบในมือส่องประกายแสงสีทองพุ่งสวนขึ้นกลางอากาศ การปะทะระหว่างแสงสีทองกับสีเงินทำให้เกิดแรงกระแทนจนผืนดินสั่นสะเทือน และในชั่วขณะนั้น ทั้งสองต่างรู้ดีว่า การต่อสู้นี้มิใช่เพียงเพื่อแย่งชิงอำนาจ แต่มันคือการตัดสินระหว่าง ความรัก ความแค้น และคำสาบานที่ไม่อาจถอนคืนได้
บทที่ 1: เสียงกระซิบแห่งดาบสลักมังกร
แสงจันทร์ดวงกลมโตลอยอยู่บนฟากฟ้า ราวกับดวงตาอันเย็นชาของเทพเจ้าที่จับจ้องลงมายังโลกเบื้องล่าง แสงเงินอาบไล้ท้องฟ้าและยอดกำแพงเมืองหลวงราวกับผ้าคลุมบางเบา บรรยากาศยามค่ำคืนชวนให้รู้สึกถึงความลึกลับและอันตรายที่ซ่อนเร้น
แต่ในความเงียบสงัดนั้น กลับมีเสียงฝีเท้าเบาจากผู้ที่ซ่อนเร้นอยู่ในความมืด...ราวกับเงาที่ไม่เคยมีตัวตน
หลี่เหยียน หญิงสาวอายุเพียงสิบเก้าปี รูปลักษณ์งดงามราวภาพวาด แต่ดวงตาของนางกลับเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ความเจ็บปวด และความมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับ นางย่องผ่านตรอกแคบ ๆ ในชุดสีดำที่กลืนหายไปกับเงาราตรี ความคล่องแคล่วของนางชวนให้นึกถึงแมวป่าที่กำลังล่าเหยื่อ
ในมือของนาง มีเพียงแผนที่เก่า ๆ ที่ได้มาจากพ่อค้าเร่ผู้บอกเล่าถึง “ดาบสลักมังกร” ดาบในตำนานที่ว่ากันว่าเป็นอาวุธที่สามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ และทำให้ผู้ครอบครองกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด
แต่สำหรับหลี่เหยียน ดาบนี้ไม่ได้มีค่าเพียงเพราะอำนาจ... แต่มันคือเครื่องมือที่สามารถคืนความยุติธรรมให้แก่ตระกูลของนาง ที่ถูกกำจัดด้วยความอยุติธรรมเมื่อห้าปีก่อน
เสียงฝีเท้าของนางเบาและมั่นคง ขณะที่ผ่านไปตามตรอกซอกซอยที่แคบและคดเคี้ยว บรรยากาศรอบตัวเย็นเฉียบ ความมืดรอบกายเหมือนจะกลืนกินทุกสิ่ง แต่ดวงตาของหลี่เหยียนกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น
นางไม่อาจปล่อยให้ความกลัวเข้าครอบงำ ความเจ็บปวดจากอดีตผลักดันให้นางเดินหน้าต่อไป ความโกรธที่เก็บสะสมในใจราวกับกองเพลิงที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ
ลมหายใจของหลี่เหยียนกลายเป็นเสียงเดียวที่นางได้ยินในยามค่ำคืนอันเงียบสงัด ความมืดทำให้นางต้องพึ่งพาความจำและสัญชาตญาณทุกย่างก้าว เส้นทางนี้ไม่ใช่เพียงแค่การค้นหาดาบ...แต่มันคือการเผชิญหน้ากับอดีตที่นางพยายามหลบหนีมาโดยตลอด
นางรู้ดีว่ามีผู้คนอีกมากมายที่ต้องการครอบครองดาบสลักมังกร และพวกเขาเหล่านั้นคงไม่ยอมให้ใครขวางทางโดยง่าย
เงามืดเคลื่อนไหวรอบตัวนาง ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายด้วยความระแวดระวัง ทุกย่างก้าวคือการเสี่ยงอันตราย และนางพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน
“เจ้าแน่ใจหรือ ว่าจะทำสิ่งนี้เพียงลำพัง?”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง ฉับพลันที่ได้ยิน นางหยุดฝีเท้า ดวงตาหลี่ลงอย่างระวัง ขณะที่มืออีกข้างแตะลงบนด้ามดาบที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุม
นางหันกลับไป พบกับชายหนุ่มในชุดดำสนิทที่ยืนอยู่ท่ามกลางเงามืด ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองนางอย่างเย็นชา ราวกับพญาเหยี่ยวที่จับจ้องเหยื่อ
“เซียวหาน...” หลี่เหยียนเอ่ยชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แต่หัวใจกลับเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ ชายผู้นี้เคยเป็นผู้ที่นางเชื่อใจที่สุด แต่ตอนนี้...เขาคือศัตรูที่ไม่อาจละสายตาได้
“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า” นางตอบกลับอย่างไม่ลังเล น้ำเสียงเฉียบคม แต่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและระแวดระวัง
“เจ้าพูดเหมือนคนที่คิดว่าตนเองเก่งกาจที่สุด” เซียวหานเลิกคิ้ว ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ “แต่นี่คือดาบที่สามารถครองแผ่นดินได้ เจ้าคิดหรือว่ามันจะง่ายเพียงแค่เดินไปหยิบ?”
“ไม่ว่าจะยากเพียงใด ข้าก็จะทำ” หลี่เหยียนตอบอย่างหนักแน่น ดวงตาคู่นั้นส่องประกายด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่อาจถูกทำลาย
“เจ้ารู้หรือไม่ ว่ามีคนอีกหลายคนที่ต้องการดาบนี้” เซียวหานกล่าวอย่างเยือกเย็น “และพวกเขายินดีที่จะฆ่าเจ้าถ้าจำเป็น”
“ข้าไม่สนใจ...ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิต ข้าจะไม่หยุดจนกว่าจะได้ดาบนั้น”
เซียวหานมองนางอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะถอนหายใจยาว “เจ้าดื้อดึงเหลือเกิน... ก็ได้ ข้าจะช่วยเจ้า”
“ข้าไม่ต้องการ...”
“ไม่ใช่เพื่อเจ้า” เซียวหานแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “แต่เพื่อดาบนั่น... ข้าเองก็ต้องการมันเช่นกัน”
หลี่เหยียนสบตากับเขา ความรู้สึกบางอย่างฉายวาบในดวงตาของเขาที่นางไม่เข้าใจ แต่นางก็ไม่มีเวลาจะสนใจความหมายเบื้องหลังนั้น นางพยักหน้าอย่างยอมจำนน
“ก็ได้... แต่เจ้าต้องทำตามคำสั่งของข้า”
“ฮึ...” เซียวหานยิ้มมุมปากอย่างไม่เชื่อฟัง “ข้าจะทำตามคำสั่งของเจ้า ตราบเท่าที่มันไม่ทำให้ข้าต้องตาย”
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปในความมืด ท่ามกลางความเงียบที่เหมือนจะกลืนกินพวกเขา เสียงลมพัดผ่านราวกับเสียงกระซิบที่คอยเตือนว่าเส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอันตราย
เบื้องหน้าของพวกเขา คือความท้าทายที่ไม่มีใครล่วงรู้ และความลับที่อาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง...
