บทที่ 2 เงามืดแห่งคำสาบาน
ลมหนาวพัดผ่านยอดเขาอันสูงตระหง่าน ท้องฟ้าเหนือภูผาเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆหมอกหนาทึบ ความเย็นเยียบชวนให้รู้สึกถึงความอ้างว้างอันไร้ที่สิ้นสุด
หลี่เหยียนและเซียวหานเดินทางอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวัน โดยไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แผนที่เก่าที่อยู่ในมือของหลี่เหยียนนำทางพวกเขาไปยังสถานที่ที่ถูกลืมเลือน...สุสานมังกรดำ
“อีกไม่นานเราก็จะถึงแล้ว” หลี่เหยียนกล่าว พลางมองแผนที่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความระมัดระวัง
เซียวหานที่เดินอยู่ข้าง ๆ จ้องมองนางอย่างเงียบ ๆ ดวงตาของเขามีแววสงสัยและระแวดระวัง ความลับที่ซ่อนอยู่ในแผนที่นั้นทำให้เขารู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้
“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าทำไมสถานที่นี้ถึงถูกลืมเลือน?” เซียวหานเอ่ยถาม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“เพราะมันเป็นที่ต้องห้าม” หลี่เหยียนตอบโดยไม่ลังเล “ว่ากันว่าผู้ที่พยายามเข้าไปจะต้องเผชิญหน้ากับคำสาปที่ไม่มีวันหลุดพ้น”
“เจ้าไม่กลัวหรือ?” เซียวหานถามพลางเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ข้ากลัว...” หลี่เหยียนตอบพลางมองไปยังเส้นทางที่ทอดยาว “แต่ความกลัวนั้นไม่มีความหมายเมื่อข้ามาถึงจุดนี้แล้ว”
เซียวหานยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เจ้าช่างดื้อดึงเสียจริง”
หลี่เหยียนยักไหล่ก่อนจะหันหลังเดินต่อไป เส้นทางที่พวกเขาเดินนั้นเต็มไปด้วยหินแหลมคมและพืชพันธุ์ที่เหี่ยวแห้งจากความเย็นเยียบของภูผา
“เซียวหาน...” หลี่เหยียนเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ทำไมเจ้าถึงต้องการดาบสลักมังกร?”
“เพราะมันคือสิ่งที่จะทำให้ข้ากลับคืนสู่สิ่งที่ข้าสูญเสียไป” เซียวหานตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด
“สิ่งที่สูญเสียไป?” หลี่เหยียนถามต่อ แต่เซียวหานกลับไม่ตอบ เขาเพียงมองไปยังเส้นทางข้างหน้าอย่างเงียบงัน
ทั้งสองเดินทางไปอย่างเงียบงัน ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาราวกับกำแพงที่ไม่อาจทำลายได้
หมอกหนาปกคลุมรอบตัวพวกเขา ดวงตาของหลี่เหยียนเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ เสียงกระซิบเบา ๆ ราวกับเสียงของผู้คนที่หลงทาง ก้องสะท้อนอยู่ในอากาศ
“ได้ยินหรือไม่?” หลี่เหยียนถาม ขณะที่ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบตัวอย่างระแวดระวัง
“ได้ยิน...” เซียวหานพยักหน้า ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หมอกหนาที่ยังคงเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ
พวกเขาเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง เมื่ออยู่ท่ามกลางหมอกนี้ ทุกอย่างดูราวกับเป็นภาพลวงตา เส้นทางที่ควรจะทอดยาวไปข้างหน้ากลับบิดเบี้ยวเป็นทางตัน
“นี่มัน...กับดัก?” หลี่เหยียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะพูดถูก” เซียวหานตอบ พลางชักดาบออกมาจากฝัก “พวกเขาไม่ได้ต้องการให้ใครเข้ามาได้ง่าย ๆ”
เสียงก้องกังวานดังขึ้นจากเบื้องหลัง ราวกับเสียงของบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
“เตรียมตัวให้พร้อม...” เซียวหานเตือน พลางก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ดวงตาคมกริบจ้องไปยังหมอกเบื้องหน้า
หลี่เหยียนจับดาบของนางแน่น ความหวาดกลัวที่เคยเกาะกุมจิตใจกลับแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น ทุกย่างก้าวที่พวกเขาเดินเข้าไปในสุสานมังกรดำ ราวกับกำลังเดินเข้าไปสู่เงามืดที่ไม่มีวันหวนคืน
“เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า บางครั้งสิ่งที่เราตามหาอาจจะเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความหายนะ” เซียวหานเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาราวกับกำลังทดสอบความตั้งใจของนาง
“ข้าเคยคิด...” หลี่เหยียนตอบอย่างจริงจัง “แต่ถ้าข้าถอยกลับตอนนี้ สิ่งที่ข้าสูญเสียไปก็จะไม่มีวันได้คืนมา”
เซียวหานมองนางด้วยสายตาที่ลึกซึ้งก่อนจะพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น เราก็ต้องเดินต่อไป...แม้ว่ามันจะนำพาไปสู่จุดจบก็ตาม”
พวกเขาเดินต่อไปในหมอกที่หนาแน่น ยิ่งลึกเข้าไป ความหนาวเย็นก็ยิ่งทวีคูณขึ้น และความรู้สึกของการถูกจ้องมองก็ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกย่างก้าว
เบื้องหน้าของพวกเขา คือดินแดนต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป
เสียงโซ่เหล็กที่เสียดสีกันดังขึ้นในความมืด เสียงคล้ายคำรามที่ต่ำเบา แต่ทรงพลัง ดังมาจากทิศทางที่พวกเขากำลังจะไป
“มันไม่ใช่แค่กับดัก...” เซียวหานกล่าวอย่างเคร่งเครียด “มีบางสิ่งที่เฝ้าดูเราอยู่”
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อ?” หลี่เหยียนถาม ขณะที่ความหวาดหวั่นเริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจ
“เดินต่อไป...” เซียวหานกล่าวอย่างมั่นใจ “เพราะการถอยกลับไม่ใช่ทางเลือก”
พวกเขาก้าวเดินต่อไปในหมอกอันหนาทึบ โดยไม่รู้เลยว่ากำลังมุ่งหน้าไปสู่ชะตากรรมที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า...
