บทที่ 5 ไม่อยากเกาะใครกิน
“อะไร?” หญิงสาวกำลังตักอาหารเช้าเข้าปากอยู่ ๆ คนที่นั่งตรงข้ามก็สไลด์อะไรสักอย่างมาให้
“วันนี้ไม่ว่างไปส่งเอาคันนี้ไปใช้” พูดจบมันก็ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มทั้งที่สายตาก็ยังคงจับจ้องไอแพดไม่วางตา
“ไม่เอาอะ เดี๋ยวแม็กล้อไปขูดอีก”
“จอดไว้ที่บ้านเดี๋ยวให้เด็กไปเอา วันเสาร์ต้องเข้าปากไปหาพ่อไม่ใช่หรือไง?”
“...........” ตามตะวันได้ยินแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
เมื่อมีแต่ความเงียบเป็นคำตอบ คนถามจึงเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหญิงสาวรู้สึกอะไร แต่อยากรู้ว่าตอนนี้มันคิดยังไงต่างหาก
“ฉันไม่อยากกลับบ้าน...ฉันไม่อยากเสียประสาทใกล้จะปิดงบแล้วฉันต้องใช้สมาธิ”
“ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ อะไรที่ฝืนใจก็ไม่จำเป็นต้องทำ”
“แต่ถ้าไม่กลับพ่อจะยกห้องที่ฉันอยู่ให้กับติน่าแทน”
“มันเป็นชื่อแกเท่ากับมันคือของแก แกไม่ออกใครจะบังคับแกได้” ตามตะวันสบตามองคนพูด
นัยน์ตาโศกฉายแววกังวลอยู่เพียงครู่ ก่อนจะก้มลงมองที่ชามข้าวต้มของตนเอง ติณณภัทร์กดปิดหน้าจอไอแพด และใช้นิ้วมือเคาะลงบนโต๊ะอาหารเป็นจังหวะราวกับกำลังให้สติคนที่เหม่อลอย
“แกก็รู้ว่าฉันต้องเก็บห้องนั้นไว้ทำไม...เพราะมันคือห้องที่มีความทรงจำของแม่อยู่ที่นั่น” ติณณภัทร์รับฟังโดยที่เขาไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มจึงทำแค่เพียงมองใบหน้าเรียบนิ่งของผู้หญิงที่แสร้งทำว่าตัวว่าเข้มแข็ง
“งั้นก็กลับไป ทน ๆ เอาหน่อย อย่าไปต่อปากต่อคำ” ดวงตาเรียวรีวาววับขึ้นมา
“แกพูดเหมือนฉันไปหาเรื่องคนพวกนั้นนัก เสวนาสักคำฉันยังไม่อยากจะพูดด้วยเลย!”
“นั่นสิ...ทำไมแม่เลี้ยงกับน้องสาวแกถึงได้เกลียดแกนักนะ ทั้งที่แกก็น่ารักออกอย่างนี้ท่านผู้จัดการธนาคารผู้ยิ่งใหญ่”
“อย่ามาประชด! แกก็รู้ว่าที่ฉันต้องมาทำงานมันเพราะใคร?” ติณณภัทร์ระเบิดหัวเราะ ก่อนจะชี้มาที่ตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“ก็มันทำให้แกลืมตาอ้าปากได้ไหมเล่า! และแกเรียนจบทางนี้มาไม่ให้ทำงานการเงินจะทำงานอะไร?” ตามตะวันขบริมฝีปากเมื่อดูท่าวันนี้เธอจะเถียงสู้ไอ้คนตรงหน้าไม่ได้เลย!
“ฉันถึงได้ต้องกู้หนี้ยืมสินค้ำประกันให้พ่อจนใช้หนี้หัวโตอยู่นี่ไง!” เงินที่เอาไปค้ำจุนบริษัทที่บ้านวงเงินการกู้หลายสิบล้านบาท!!
“ฉันให้แกไปทำงานหาเงิน ไม่ได้ให้ทำงานหาหนี้ และฉันบอกแกแล้วว่าอย่าไปค้ำให้พ่อ แกก็ไม่เชื่อฉันและจะให้ฉันทำยังไงในเมื่อให้เงินแกยืมก็ไม่เอาอีก” เมื่อติณณภัทร์หาเหตุผลมาหักล้างก็ทำเอาตามตะวันพูดไม่ออก
“ฉันยอมเป็นหนี้ทุกคนแต่ฉันไม่ยอมเป็นหนี้แกหรอก...ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาว่าฉันเกาะแกกิน แค่นี้คนก็คิดว่าแกเลี้ยงดูฉันแล้ว” ติณณภัทร์พยักหน้าและเอามือเท้าคางพร้อมกับสาดสายตามองหญิงสาวด้วยดวงตาแพรวพราวระคนเอ็นดู
“พูดไม่ได้เกรงใจกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ เลย นั่นก็เงินฉันไอ้ตาม!!”
“แหะแหะ ก็กระเป๋าไม่นับไง...รองเท้าก็ไม่นับด้วย” และมันก็ทำปากจู๋ใส่เขา! ให้ตายเหอะ!
