บทที่ 4
“เปล่า”
“เปล่าแล้วทำไมถึงทำ”
“เพราะพี่...ช่างเถอะ พี่กำลังจะหนีออกนอกประเทศและคงไม่กลับมาที่นี่อีก ถ้าได้ที่อยู่ที่แน่นอนยังไงจะติดต่อเธอมาอีกที ฉะนั้นเธอต้องรับเงินนี่ไว้” เอ่ยจบแก้วกาญก็ยัดเงินก้อนเดิมใส่มือมารีญา ซึ่งคนรับก็ยังคงแสดงท่าทางไม่เต็มใจที่จะรับแต่อย่างใด
“พี่แก้วเอาเงินกับทุกอย่างไปคืนให้คุณวิชญ์เถอะนะคะ เขาจะไม่เอาเรื่อง”
“ของพี่ เรื่องอะไรพี่จะต้องคืน” คำปฏิเสธดังมาจากพี่สาว ในเมื่อตัดสินใจเดินทางนี้แล้วแก้วกาญก็ไม่นึกเสียใจอีก ต่อให้การอยู่กับวิชญ์เธอจะมีชีวิตที่แสนสุขสบาย อยากได้อะไรก็ได้ไม่ว่าข้าวของพวกนั้นจะราคาแพงขนาดไหน อยากไปเที่ยวที่ไหนบนโลกใบนี้ก็ได้ไป
แต่ชีวิตแบบนั้นกลับขาดอิสระ ต้องอยู่ในสายตาของเขาแทบตลอดเวลา เหมือนเธอถูกขังอยู่ในกรง แม้เขาจะรักแต่กลับไม่เคยพาไปเปิดตัว นานๆ ครั้งเขาถึงจะพาเธอออกไปดินเนอร์นอกบ้าน บรรดาเพื่อนหรือญาติพี่น้องของเขาแทบไม่รู้ว่าเธอมีตัวตนด้วยซ้ำ
จากความสุขก็เริ่มเป็นอึดอัดและคนที่เข้ามาทำให้เธอยิ้มรวมถึงทำให้กลับมามองโลกใบนี้สวยงามขึ้นคือพศิน กระทั่งตัดสินใจจะหนีไปด้วยกัน โดยเธอหยิบฉวยเงินสดและเครื่องเพชรในตู้เซฟมาด้วย ซึ่งของบางส่วนนั้นเป็นของเธอที่วิชญ์ซื้อให้ จึงไม่รู้ผิดที่จะเอามาด้วยแต่อย่างใด
“แต่ถ้าพี่หนีพี่ก็ต้องหนีไปตลอดชีวิตนะ”
“ไม่ตลอดหรอก” แก้วกาญเอ่ยบอกอย่างมั่นใจ เพราะหากเธอซ่อนตัวดีๆ อีกไม่นานวิชญ์ก็รามือไปเอง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน
“รับเงินไป แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ นะมายด์ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราถึงจะได้เจอกันอีก”
“พี่แก้ว” ดวงตาทั้งสองข้างของมารีญาแดงก่ำ เพราะตั้งแต่พ่อและแม่เสียชีวิตไป เธอก็อยู่กับพี่สาวเพียงสองคนเท่านั้น แม้หลังๆ แก้วกาญจะไม่ค่อยได้กลับมาบ้านก็ตามที
เพราะอยากมีชีวิตที่ดี ทำให้แก้วกาญเลือกลงทุนกับการดูแลรูปร่างของตัวเอง แล้วรับงานเป็นพริตตี้เพื่อทำงานหาเงินส่งเธอเรียน และเลือกที่จะคบหาเฉพาะคนที่มีฐานะกระทั่งมาคบกับคนล่าสุดคือวิชญ์
“พี่ต้องไปแล้ว” เอ่ยบอกเสร็จแก้วกาญก็รีบกลับออกไปสมทบกับพศิน ที่เวลานี้จอดรถรออยู่ก่อนแล้วโดยเลือกมุมที่ไกลสายตาคนมากหน่อย พร้อมกวาดสายตามองสิ่งผิดปกติรอบๆ ตัว เนื่องจากไม่อยากมาตายเพราะคนของอดีตเจ้านายที่นี่เช่นกัน
แต่เพราะแก้วกาญขอร้องให้เขาพาเธอมาหาน้องสาว พศินจึงไม่อยากขัดใจแม้จะเสี่ยงมากก็ตาม และทันทีที่แก้วกาญกลับมาที่รถทั้งคู่ก็ขับรถออกไปทันที
ทันทีที่แก้วกาญจากไป มารีญาก็ถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น โดยในมือนั้นก็ยังคงถือเงินที่แก้วกาญยัดเยียดให้อยู่ ซึ่งมารีญาบอกกับตัวเองว่าเธอไม่มีวันเอาเงินก้อนนี้มาใช้แม้แต่บาทเดียว
ในขณะที่พศินที่กำลังขับอยู่นั้นก็สังเกตเห็นความไม่ปกติ เพราะชายหนุ่มขับรถเร็วขึ้นจนแก้วกาญต้องเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือเปล่า”
“มีคนขับรถตามเรามา”
“จริงเหรอ” แก้วกาญตกใจจนหน้าตาตื่น เธอรีบหันกลับไปมองหลังรถก็เห็นรถเก๋งติดฟิล์มสีดำขับตามมาจริงๆ นั่นยิ่งทำให้แก้วกาญกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับพศินที่คุมอารมณ์ตัวเองได้ดี
“จะใช่คนของคุณวิชญ์หรือเปล่า” น้ำเสียงสั่นๆ ของแก้วกาญเอ่ยถามขึ้น
“ใช่...และมันก็ขับตามมาตั้งแต่เราออกจากบ้านคุณแล้ว”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี”
“ไม่ต้องห่วงผมสลัดมันหลุดได้แน่” พศินเอ่ยอย่างมั่นใจ ก่อนจะเริ่มขับรถเปลี่ยนเส้นทางเพื่อปั่นหัวคนที่สะกดรอยตามมา กระทั่งสลัดหลุด
“พวกนั้นยังตามมาอยู่อีกไหม” แก้วกาญที่นั่งลุ้นมาตลอดทางเอ่ยถามขึ้น เพราะไม่เห็นท่าทางร้อนใจของพศินแล้วนั่นเอง
“ไม่แล้วครับ”
“โล่งอกไปที” เอ่ยบอกเสร็จแก้วกาญก็เป่าลมออกปากหนักๆ
“หลังจากนี้คุณวิชญ์คงยิ่งจับตามองน้องสาวคุณแน่” พศินเอ่ยบอกอย่างมั่นใจ เพราะจากที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี ไม่เคยมีใครกล้าทำกับวิชญ์แบบนี้มาก่อน และคนแบบวิชญ์ก็คงไม่รามือที่จะตามหาเขากับแก้วกาญง่ายๆ แน่ ฉะนั้นเขากับเธอต้องอยู่ให้เงียบที่สุด
“ฉันเชื่อว่ามายด์จะเอาตัวรอดได้ ว่าแต่เราจะไปไหนกัน”
“เวียงจันทน์ครับ เราจะข้ามไปใช้ชีวิตอิสระที่นั่น” เหตุผลที่เลือกเวียงจันทน์เพราะพศินมีญาติอาศัยอยู่ที่นั่น รวมถึงสถานที่ อาหาร ภาษาก็ไม่ได้ต่างจากไทยมากแก้วกาญน่าจะปรับตัวได้ไม่ยาก
“ฉันอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีเธออยู่ด้วย”
“ครับ” พศินเอ่ยรับก่อนจะคว้ามือนุ่มของแก้วกาญขึ้นมาจูบ แววตาที่แสดงออกมานั้นบ่งบอกว่าเขารักเธอมากเหลือเกิน มากจนสามารถมอบชีวิตนี้ให้ได้
แม้จะรู้ว่าการตัดสินใจแบบนี้สร้างปัญหาให้ไม่รู้จบ แต่ถ้าให้เลือกพศินก็ยังคงเลือกแก้วกาญ และวาดฝันว่าชีวิตหลังจากนี้ของเขาและเธอจะได้เจอแต่ความสุข ยิ่งมีเงินสดหลายล้านกับเครื่องเพชรติดตัวมาด้วยแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เขาหายกังวล
