บทที่ 3
“เปิดเครื่องหน่อยสิพี่แก้ว” มารีญาเอ่ยบอกพี่สาว โดยขอให้อีกฝ่ายแบตเตอรี่โทรศัพท์หมดอย่างที่คิด เพราะหากแก้วกาญหายไปด้วยสาเหตุที่วิชญ์พูดเธอต้องทำยังไง แต่ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป มารีญาก็อยากฟังจากปากพี่สาวเสียก่อน นั่นทำให้เธอส่งข้อความไปยังเบอร์ของแก้วกาญ เพื่อให้ติดต่อกลับหาโดยด่วน
ในขณะที่วิชญ์ซึ่งนั่งอยู่ในรถที่กำลังมุ่งหน้ากลับเพนต์เฮาส์ก็กำลังใช้ความคิด ต่อให้ตอนนี้มารีญาจะยังไม่รู้เรื่องแก้วกาญ แต่เขาก็มั่นใจว่าหลังจากนี้ต้องมีการติดต่อกันแน่
“ยังให้คนจับตามองน้องสาวของแก้วไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ฉันไม่เชื่อใจเธอ”
“ครับเจ้านาย” ภูมิเอ่ยรับ แล้วโทรศัพท์ไปสั่งลูกน้องอีกชุด ที่กำลังเฝ้าจับตามองมารีญาอยู่อีกทอด ก่อนจะแอบมองเจ้านายนิดหน่อย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคงทำให้วิชญ์เสียหน้าและอยากเอาคืนเป็นแน่ ถูกใครหักหลังคงไม่เจ็บใจเท่าคนใกล้ตัวที่ไว้ใจ
เพราะหากเป็นเขาก็คงทำแบบนี้ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินเพื่อตามหาคนก่อเรื่องเขาก็พร้อมจะทำ แล้วเค้นถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมถึงกล้าหักหลังคนที่รักกันได้
ทำไมถึงได้เปลี่ยนความรักให้เป็นความเกลียดชังที่ไม่มีวันให้อภัย
ทำไม...
ตั้งแต่ที่ได้รู้เรื่องของพี่สาว มารีญาก็นั่งกระวนกระวายใจ พยายามติดต่อหาแก้วกาญนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้ ซึ่งกว่าที่เธอจะข่มตาหลับก็เกือบสว่าง
มารีญางัวเงียตื่นแล้วรีบไปอาบน้ำ เพราะวันนี้เธอต้องไปสัมภาษณ์งาน เมื่อแต่งตัวเสร็จก็ลงไปหาอะไรง่ายๆ กินในครัว โดยก่อนจะออกจากบ้านก็เอาเจ้าซูชิไปคืนเจ้าของที่กลับมาจากเที่ยวต่างจังหวัดวันนี้ โดยรับค่าจ้างส่วนที่เหลือมาด้วย จากนั้นก็เดินทางไปสัมภาษณ์งานทันที
โดยไม่รู้ว่าบริษัทที่เรียกเธอไปสัมภาษณ์วันนี้จะเป็นบริษัทในเครือของวิชญ์ ซึ่งบังเอิญว่าชายหนุ่มเข้ามาประชุมวันนี้ด้วยเช่นกันและมองเห็นเธอตั้งแต่เดินเข้าประตูมา
“นายไปถามประชาสัมพันธ์ ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่” แม้จะมองเห็นว่ามารีญาเดินไปยังห้องเล็กที่มีไว้เฉพาะสัมภาษณ์พนักงานใหม่พร้อมกับพนักงานฝ่ายบุคคล ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ แต่วิชญ์ก็ยังสั่งให้ภูมิไปถามมาให้แน่ชัด
“ครับ” ภูมิเอ่ยรับแล้วทำตามที่เจ้านายบอกทันที ไม่นานก็กลับมารายงาน
“เธอมาสัมภาษณ์งานครับเจ้านาย”
“แผนกอะไร”
“จัดซื้อครับ”
“ขึ้นแบล็คลิสต์ชื่อเธอไว้ ฉันไม่อยากให้คนแบบนี้มาทำงานที่บริษัท” วิชญ์เอ่ยสั่งออกไปเสียงห้วน เพราะถือว่านี่คือบริษัทของเขาที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ภูมิกลับแย้งขึ้น
“แต่เธอกับคุณแก้วคนละคนกันละครับเจ้านาย”
“ออกตัวแทนขนาดนี้หรือว่านายชอบเธอภูมิ” เอ่ยจบวิชญ์ก็หันมาจ้องหน้าลูกน้องคนสนิท ที่รีบส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมตอบกลับในทันที
“เปล่าครับเปล่า”
“ไปทำตามที่ฉันสั่ง ยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่าเธอจะไม่รู้เรื่องพี่สาว”
“ครับ” ภูมิเอ่ยรับแล้วไปจัดการตามที่วิชญ์สั่งอย่างไร้ซึ่งข้อสงสัยใดๆ เพราะหากสงสัยหรือกล้าที่จะแย้งมากเกินไป เขาก็อาจจะตกงานแถมถูกขึ้นแบล็คลิสต์เสียเอง
เมื่อไปถ่ายทอดคำสั่งจากวิชญ์ให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลรับทราบแล้ว ภูมิก็กลับมาสมทบกับผู้เป็นเจ้านาย ที่กำลังเดินเข้าลิฟต์เพื่อประชุมกับผู้บริหารคนอื่นๆ
ในขณะที่คำสั่งของเขากลับทำลายความหวังของมารีญา จนก่อให้เกิดอาการนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อรู้ผลการสอบสัมภาษณ์ในทันทีว่าเธอนั้นสอบไม่ผ่านทั้งๆ ที่เธอมั่นใจว่าทำแบบทดสอบได้ดี รวมถึงตอนสัมภาษณ์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษก็ตอบโต้ได้อย่างชัดเจน หรือเธอยังขาดประสบการณ์ทำงาน
แม้จะพยายามขอถามถึงเหตุผลว่าเพราะอะไร แต่ทว่ากลับไม่มีใครให้คำตอบเธอได้เลย
“แล้วฉันมีสิทธิ์กลับมาสมัครงานที่นี่ได้อีกไหมคะ”
“ค่ะ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเอ่ยรับ ทั้งๆ ที่ได้รับคำสั่งมาอีกอย่างแต่ทว่าก็ไม่กล้าบอกให้มารีญารู้ตรงๆ เพราะหากไม่ติดคำสั่งนั้นมารีญาคงได้ทำงานที่นี่
และแม้จะสงสัยว่าเพราะอะไรเจ้านายอย่างวิชญ์ถึงได้ขึ้นแบล็คลิสต์มารีญา แต่ก็คงได้ต้องเก็บความสงสัยเหล่านั้นเอาไว้
มารีญากลับออกไปจากบริษัทด้วยใจห่อเหี่ยว นั่นเพราะเธอคาดหวังเอาไว้สูงว่าจะได้ทำงานที่นี่ แต่กลับมาเจอความผิดหวังเสียแล้ว ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ยอมถอดใจง่ายๆ ในเมื่อที่นี่ไม่รับก็คงต้องมีสักบริษัทที่รับเธอเข้าทำงานแน่ โดยระหว่างนี้คงต้องไล่ยื่นใบสมัครให้มากขึ้น
แต่ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เธอก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อได้เจอกับ...แก้วกาญ
“พี่แก้ว!”
“อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวมีคนได้ยิน” แก้วกาญรีบเข้ามาเอามือปิดปากน้องสาวไว้ ซึ่งมารีญาก็พยักหน้ารับแก้วกาญจึงลดมือลง
“พี่แก้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อกี้ เอานี่ไป” เอ่ยจบแก้วกาญก็ยัดเงินก้อนโตใส่มือมารีญา แต่เธอกลับส่งเงินก้อนนั้นคืนให้พี่สาวอย่างไม่ลังเลพร้อมเอ่ยปฏิเสธ
“มายด์ไม่เอาค่ะ”
“ทำไมถึงไม่เอา ไหนบอกอยากได้เงินไปซ่อมบ้านไม่ใช่หรือไง” แก้วกาญนิ่วหน้าเพราะเธออุตส่าห์เสี่ยงเอาเงินมาให้มารีญาถึงที่บ้าน แต่น้องสาวกลับบอกไม่เอา
“ใช่...แต่เงินนี่มันเป็นเงินที่พี่แก้วไปขโมยของคนอื่นมา มายด์ไม่รับ”
“นี่เธอรู้แล้วเหรอ” สีหน้าของแก้วกาญบ่งบอกว่าตกใจที่มารีญารู้เรื่องนี้แล้ว นั่นยิ่งทำให้เธอกลัวการพบหน้าเจ้าของเงินมากขึ้นไปอีก ยังไงก็ต้องหนีให้ห่างเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เพราะหากถูกคนของวิชญ์พบตัวเข้า เธออาจรักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้ รวมถึงชีวิตของคนที่เธอเลือกซึ่งไม่ใช่วิชญ์เช่นกัน เพราะโทษของการหักหลังวิชญ์ร้ายแรงจนถึงตาย
“ค่ะ...มายด์รู้แล้ว”
“เธอรู้ได้ยังไง”
“ก็เจ้าของเงินเขามาตามหาตัวพี่ถึงที่บ้าน” มารีญาเอ่ยบอกอย่างร้อนใจ เพราะดีไม่ดีตอนนี้อาจมีคนของวิชญ์จับตามองเธออยู่ก็เป็นได้
“คิดไว้แล้วไม่มีผิด” แก้วกาญหน้าเครียดทันที เธอรู้ว่ายังไงวิชญ์ต้องส่งคนมาที่นี่เพื่อตามหาตัวเธอหรือถามที่อยู่ของเธอจากมารีญา แต่ที่คิดไม่ถึงคือชายหนุ่มจะมาด้วยตัวเอง
“ทำไมพี่แก้วถึงทำแบบนี้ คุณวิชญ์เขาตบตีหรือทำร้ายพี่เหรอคะ” มารีญาเอ่ยถามพี่สาวด้วยเสียงสั่นเครือ เพราะเมื่อวานตอนวิชญ์มาหาเธอนั้น สีหน้าและแววตาเขาดูน่ากลัวมาก เธอจึงอดกลัวไม่ได้ว่าแก้วกาญอาจจะถูกวิชญ์ทำร้ายเข้า
