บทที่ 2
คนขับรถรีบลงจากรถแล้วเดินเข้ามาเปิดประตูให้เจ้านาย ซึ่งวิชญ์ก็ก้าวลงไปพร้อมกับคว้าแว่นกันแดดขึ้นมาสวมลงไปบนใบหน้าอันหล่อเหลา แต่ทว่ากลับยิ่งส่งให้ชายหนุ่มน่ามองมากขึ้นไปอีก
ภูมิทำหน้าที่กดออดเพื่อบอกเจ้าของบ้านว่าตอนนี้มีแขกมาขอพบ ทำซ้ำอยู่สองสามครั้ง แต่ทว่ากลับไม่มีใครออกมาเปิดประตู
“น้องสาวคุณแก้วอาจไม่อยู่บ้านครับเจ้านาย”
“อยู่สิ เพราะกลอนมันถูกใส่จากข้างใน กดออดต่อไปจนกว่าเธอจะยอมออกมาเปิด”
“ครับ” ภูมิเอ่ยรับแล้วทำตามที่วิชญ์บอกทันที ในขณะที่มารีญาซึ่งกำลังจัดการอาบน้ำให้สุนัขอยู่หลังบ้านก็เหมือนจะได้ยินเสียงออดดังแว่วมา
“อยู่นิ่งๆ ก่อนนะซูชิ” น้ำเสียงสดใสเอ่ยบอกน้องหมาพันธุ์ปอมเมอริเนียนสีขาวที่เพื่อนบ้านนำมาฝากเลี้ยงขึ้น จากนั้นก็รีบลุกขึ้นจัดการปัดเนื้อปัดตัวลวกๆ แล้วเดินจ้ำไปยังหน้าบ้าน ซึ่งก็พบกับชายสามคืนยืนรออยู่ โดยหนึ่งในนั้นคือคนที่มารีญาพอจะคุ้นหน้าคุ้นตา
“สวัสดีค่ะคุณภูมิ”
“สวัสดีครับคุณมาย์ด อ้อ...นี่คุณวิชญ์ เจ้านายผมครับ” ภูมิรีบแนะนำมารีญาให้รู้จักกับวิชญ์ทันที เพราะดูจากแววตาของเธอแล้วก็เหมือนจะสงสัยอยู่ว่าคนที่มาพร้อมกับเขานั้นเป็นใคร
“คุณวิชญ์” มารีญารู้ได้ทันทีว่าผู้ชายที่ภูมิเอ่ยบอกว่าเป็นเจ้านายนั้นคือใคร เพราะต่อให้ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือเคยพบหน้ากันมาก่อน แต่การที่พี่สาวของเธอกำลังคบหาอยู่กับวิชญ์ ก็เหมือนเป็นการรู้จักกันไปโดยปริยาย ทำให้เธอตามข่าวของชายหนุ่มอยู่เรื่อยๆ
โดยก่อนหน้านี้พี่สาวเองก็หมั่นโทรศัพท์มาเล่าเรื่องความเป็นอยู่ที่สุขสบายเพราะวิชญ์นั้นดูแลดี ให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ แม้ระยะหลังมานี้จะไม่ค่อยได้เอ่ยถึงก็ตาม
ในขณะที่วิชญ์ก็เพ่งมองเธอผ่านเลนส์แว่นกันแดดแบรนด์ดังเช่นกัน โดยไล้สายตามองมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลยก็ว่าได้ เพราะนี่คือครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน โครงหน้าของสองพี่น้องช่างคล้ายคลึงกัน แต่แก้วกาญออกแนวเซ็กซี่ทันสมัยมากกว่าน้องสาวที่ดูเรียบร้อยจนดูเฉิ่ม ยิ่งตอนนี้เธอดูมอมแมมก็ยิ่งตลก
“ผมกับเจ้านายขอเข้าไปในบ้านเพื่อคุยธุระอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ”
“แต่วันนี้ฉันไม่ค่อยสะดวกจริงๆ ค่ะ” มารีญาก้มมองสภาพของตัวเอง แม้จะเสียมารยาทแต่เธอยังไม่พร้อมรับแขกจริงๆ
“บอกเธอไปว่าฉันรอได้” แม้จะไม่ได้อยู่ไกลกันแต่ วิชญ์กลับคุยกับมารีญาผ่านภูมิ
“เจ้านายผมบอกว่ารอได้ครับ” ภูมิรีบบอก ซึ่ง มารีญาก็คิ้วผูกโบเล็กๆ เพราะแทนที่วิชญ์จะคุยกับเธอตรงๆ ทั้งๆ ที่เธอกับเขาก็ยืนใกล้กันขนาดนี้ แต่เขากลับคุยกับเธอผ่านลูกน้องตัวเองอีกที คนอะไรทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก
“นานนะคะ เพราะฉันกำลังเอาเจ้าซูชิอาบน้ำด้วย”
“บอกเธอไป ฉันจะรอ” เสียงของวิชญ์ดังขึ้น ซึ่งภูมิก็หยิบคำพูดนั้นมาคุยกับมารีญาอีกทอด
“รอได้ครับ”
“งั้นก็ได้ค่ะ” มารีญาเอ่ยรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะเชื้อเชิญให้ทั้งสองคนเข้ามาในบ้าน เมื่อนำน้ำมาเสิร์ฟให้แขกเสร็จ เธอก็รีบออกไปจัดการเจ้าซูชิรวมถึงจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย
โดยระหว่างนั่งรออยู่นั้น วิชญ์ก็สำรวจรอบๆ บ้านของเธอไปด้วย แม้ภายนอกจะดูทรุดโทรมจากดินฟ้าอากาศ แต่ทว่าภายในบ้านก็ยังคงสะอาดสะอ้านดี ไม่มีอะไรให้รกหูรกตา กระทั่งสายตาหันไปเห็นรูปของ แก้วกาญที่วางอยู่ อารมณ์ของวิชญ์ก็ปั่นป่วนทันที
กระทั่งผ่านไปเกือบๆ หนึ่งชั่วโมง มารีญาที่เอาซูชิเข้ากรงไปแล้วรวมถึงตัวเธอเองก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ จึงกลับเข้ามานั่งคุยกับแขกทั้งสองคน ซึ่งคนหนึ่งนั่งอีกคนหนึ่งยืน คนที่นั่งคือวิชญ์ส่วนคนที่ยืนดูความเรียบร้อยคือภูมิ
“ขอโทษที่ให้รอนานค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” คนที่เอ่ยตอบมารีญากลับมาคือภูมิ ในขณะที่วิชญ์ซึ่งยังคงสวมแว่นกันแดดอยู่ได้แต่นั่งไขว่ห้างรอฟังคำตอบเงียบๆ เท่านั้น
“แล้วสองสามวันมานี้ คุณมายด์ได้คุยกับคุณแก้วบ้างหรือเปล่า” ภูมิเป็นตัวแทนของวิชญ์เอ่ยถามมารีญาขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เลยค่ะ ว่าแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่แก้วหรือคะ” นั่นเพราะเธอกับพี่สาวไม่ได้คุยกันทุกวัน และคำถามของภูมิรวมถึงการที่จู่ๆ วิชญ์ก็โผล่มาที่บ้านคนเดียวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วถามถึงพี่สาวเธอแบบนี้ ก็ยิ่งสร้างความสงสัยให้มารีญาเป็นอย่างมาก
“พี่เธอหักหลังฉันแถมยังขโมยเงินกับเครื่องเพชรฉันไปอีก” วิชญ์เอ่ยตอบด้วยเสียงห้วนๆ ซึ่งมารีญาก็แย้งให้พี่สาวทันทีเช่นกัน
“ไม่จริง พี่แก้วไม่ใช่คนแบบนั้น”
“เธอก็คิดว่าฉันโกหก หาเรื่องพี่สาวเธองั้นสิ”
“ต่อให้พี่แก้วทำจริงก็คงมีเหตุผล” ยังไงมารีญาก็ยืนกระต่ายขาเดียวเพื่อเข้าข้างพี่สาวของเธอ เพราะต่อให้วิชญ์กับแก้วกาญจะได้ชื่อว่าเป็นคนรักกัน แต่ยังไงชายหนุ่มก็ยังเป็นคนอื่น
“นั่นสิ เพราะฉันก็อยากฟังเหตุผลที่ว่าเหมือนกัน” รอยยิ้มของวิชญ์บ่งบอกว่าเขาไม่ได้เป็นมิตรแต่อย่างใด และเขาก็ดูเย็นชาเสียจนมารีญารู้สึกหวั่นใจ กลัวเขาทำอะไรพี่สาวเธอ
“งั้นฉันจะโทรหาพี่แก้วตอนนี้เลย” เอ่ยบอกเสร็จ มารีญาก็คว้าโทรศัพท์ออกมากดโทรออกหาแก้วกาญ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับปิดเครื่อง
“ติดต่อไม่ได้ใช่ไหม”
“แบตพี่แก้วอาจจะหมดก็ได้”
“แก้ต่างให้กันดีสมกับเป็นพี่น้อง” วิชญ์เอ่ยประชดประชัน แม้ประโยคที่ได้ยินจะทำให้รู้สึกจี๊ดในความรู้สึกแต่ถึงอย่างนั้นมารีญาก็ต้องเก็บซ่อนเอาไว้
“เอาเป็นว่าหลังจากนี้ถ้าเธอติดต่อพี่สาวได้ ก็ช่วยบอกให้เอาของทุกอย่างมาคืนฉันด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รับรองความปลอดภัย” เอ่ยบอกเสร็จวิชญ์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปอย่างหงุดหงิด ในขณะที่ภูมิก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากรีบตามเจ้านายไปเช่นกัน
ทันทีที่ทั้งสองกลับออกไปแล้ว มารีญาถึงกับนั่งหน้าเครียดมากกว่าเดิม กระทั่งได้ยินเสียงรถของวิชญ์เคลื่อนตัวออกไปจากหน้าบ้าน เธอจึงคว้าโทรศัพท์มากดโทรออกหาพี่สาวอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม ยิ่งคำพูดทิ้งท้ายของวิชญ์ที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวก็ยิ่งทำให้เธอนึกห่วง
