ตอนที่ 1-4
หากไล่ลำดับเครือญาติ จางหยูเฟยเป็นธิดาของจางจิ้นเหอ ซึ่งเป็นพี่ชายคนละแม่ของฮองเฮา นางจึงมีศักดิ์เป็นถึงหลานสาวฮองเฮา และบัดนี้พระองค์ก็ยังไม่ได้ตั้งสนมชายาคนใดขึ้นรับตำแหน่งฮองเฮาที่ว่างเว้น พระองค์อยากสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองเพราะไม่ไว้ใจให้ใครสืบ
เป็นจังหวะเดียวกับที่จางหยูเฟยออกมาตามพวกเด็กๆ ที่พากันออกมาเที่ยวตลาดให้กลับจวนกันได้แล้ว ฮั่นหลิวตี้หันไปยิ้มหวานขอบคุณหญิงวัยกลางคนผู้นั้นแล้วมองไปที่ซารังน้อย ก่อนจะยอบกายลงไปให้เท่ากับความสูงของเด็กแล้วกระซิบเสียงเบา
“ข้าเห็นนะว่าเจ้าอยากกินลูกซานจาเคลือบน้ำตาล ข้าจะเหมาซานจาทั้งหมดให้เจ้ากับเพื่อนๆ กินจนอิ่ม แต่เจ้าต้อง
ช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”
“พี่สาวจะให้ข้าช่วยเรื่องใดหรือเจ้าคะ” เด็กน้อยทำตาโตแล้วมองสตรีตรงหน้า “ไม่เอาดีกว่า ข้าว่าแค่ซานจาเคลือบน้ำตาลคงไม่คุ้มแล้ว”
“พวกเจ้าตามข้ากลับจวนได้แล้ว” เสียงของจางหยูเฟยขัดขึ้น ยิ่งนางย่างกรายเข้ามาใกล้ๆ ฮั่นหลิวตี้เพิ่งค้นพบว่าหัวใจเต้นระส่ำมันมีอาการเช่นนี้นี่เอง
พระองค์เกลียดเด็กแล้วยังมาเจอเด็กช่างต่อรอง แต่ทำอย่างไรได้ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ ริมฝีปากที่เคลือบสีแดงเอาไว้อย่างงดงามก้มลงไปที่ข้างหูเล็กๆ
“ข้าจะเลี้ยงซานจาเคลือบน้ำตาลเจ้า แล้วเพิ่มซาลาเปากับทำขนมหยวนเซียวให้พวกเจ้ากินอีกด้วย” พระองค์ทำอาหารเป็นที่ไหน หากเด็กบ้าพวกนี้ตอบตกลง พระองค์ค่อยโยนหน้าที่นี้ให้เว่ยกงกงรับไป “แต่พวกเจ้าต้องช่วยผลักดันข้ารู้ไหม”
ซารังน้อยกลอกตามองบนแล้วส่งยิ้มเผล่ “ข้าตกลงเจ้าค่ะ”
ฮั่นหลิวตี้ถอนหายใจโล่งอก
***‘เด็กบ้า’***
เมื่อจางหยูเฟยเดินมาถึงกลุ่มเด็กๆ สตรีงดงามนางหนึ่งก็พุ่งพรวดเข้ามาหา
“คุณหนูเจ้าขา ข้ากงลี่ถิงเป็นม่ายสามีตายในสนามรบ ต้องเลี้ยงแม่สามีที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ข้าได้ยินคุณหนูป่าวประกาศหาพี่เลี้ยงเด็ก ลี่ถิงเป็นคนรักเด็ก หวังว่าคุณหนูจะเมตตาให้ข้าน้อยได้รับใช้คุณหนูด้วยนะเจ้าค่ะ”
เว่ยกงกงที่แต่งกายเป็นฮูหยินม่ายต้องคุกเข่าตามและทำท่าโก่งคอไอเรียกความสงสาร
จางหยูเฟยเอียงศีรษะมองสตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า จะมองว่างามก็ใช่ แต่มองไปมองมารู้สึกว่างามอย่างประหลาด ท่าทางไม่เห็นมีวี่แววว่าเป็นคนรักเด็กแต่ประการใด
“ข้าต้องการพี่เลี้ยงเด็ก เพราะสาวใช้ในสกุลจางต้องทำงานที่โรงเครื่องปั้นดินเผาจึงไม่มีเวลามาเลี้ยงเด็ก ส่วนเจ้าบอกว่ามีแม่สามีต้องดูแล และนางก็กำลังป่วย ข้าคงรับเจ้าเข้ามาทำงานไม่ได้ เพราะเจ้าคงไม่มีเวลาดูแลเด็กๆ ให้ข้า” จางหยูเฟยพูดรวบรัดหมดจด แต่ก่อนจะเดินไปนางหยิบถุงเงินออกมาแล้วยัดใส่มือสตรีแปลกหน้า “ข้าให้ เจ้าพาแม่สามีไปหาหมอเถอะ แล้วหางานที่เหมาะสมกับเจ้าดีกว่า”
จางหยูเฟยหันหลังกลับกำลังจะเดินหนี ทว่ามือขาวสะอาดเมื่อครู่รั้งมือบางของนางไว้ นางรู้สึกประหลาดวูบวาบ มองมือที่สัมผัสกันนิ่งๆ
ขณะที่ฮั่นหลิวตี้จับมือเรียวยาวของนางไว้ไม่ยอมปล่อย ดวงตามังกรจ้องมองสตรีตรงหน้า แม้ตัวเขาจะไม่ได้บึกบึนเฉกเช่นแม่ทัพนายกอง แต่สูงโปร่ง และเรี่ยวแรงจากการฝึก
วรยุทธ์มีมาก
คนเจ้าเล่ห์ลอบยิ้มมุมปาก ออกแรงดึงแขนจางหยูเฟยเบาๆ ก็ทำให้คนไม่ทันระวังเสียหลักล้มลง
“อุ๊ย!”
ฮั่นหลิวตี้รอเวลานี้อยู่แล้ว เขาใช้ความเร็วปานสายลมปราดเข้าประคองร่างบอบบางของนางเอาไว้ แล้วยังใช้ร่างของพระองค์รองรับร่างของจางหยูเฟยเอาไว้ก่อนที่จะล้มลงไปด้วยกัน
ฮั่นหลิวตี้ลอบเสียดาย เหตุใดสถานการณ์ตอนนี้พระองค์ต้องหงายหลังล้มลงกลางตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านโดยมีจางหยูเฟยคนงามคร่อมทับอยู่ หากเปลี่ยนจากกลางตลาดเป็นล้มลงไปบนพระแท่นบรรทมด้วยกันสองต่อสองคงจะดีกว่านี้ไม่น้อย
