๕ เปลี่ยนตัว (๓)
“ก็เดินรับแขกจนเหนื่อยไงครับพี่ฉาย ผมเป็นห่วงน่ะครับเลยบอกเผื่อไว้ก่อน” ไหลลื่นไปทางอื่นเมื่อเจอสายตาปรามของวิกานดา เขาผินหน้ามองไปทางอื่นขณะที่ตะวันฉายยิ้มกว้างไม่ได้ถือสาหาความอะไร หันมาขอความเห็นของว่าที่เจ้าสาว
“ดีใจจริงมีน้องชายเป็นห่วง แสนดีนะครับน้องชายผม...วิคิดเหมือนกันหรือเปล่า”
“ค่ะ”
อาหารมื้อนั้นแสนอร่อยในความรู้สึกของตะวันฉาย ต่างจากอีกสองคนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำเพียงลอบมองกันด้วยความรักเท่านั้น...
ร่างบางฮัมเพลงอย่างมีความสุขเมื่อเปลี่ยนกลอนใหม่เรียบร้อย คิดว่าอย่างไรเขาก็คงไม่สามารถเข้ามาในห้องนอนของเธอได้ แต่แล้วเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เป็นเหมือนเดิมคือเห็นร่างหนานั่งอยู่บนเตียงอย่างสุขอุรา
จากใบหน้าที่ยิ้มแย้มแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที พลางตะโกนถามเสียงดังด้วยความตกใจ ถอยร่นจนแผ่นหลังชิดผนัง
“เข้ามาได้ไง!” เบิกตากว้างด้วยความตกใจ มองเขาเหมือนเห็นสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน
ตะวันฉายมีเวทมนต์หรือไงนะจึงได้เข้านอกออกในห้องหล่อนอย่างสบาย ทั้งที่เธอเป็นคนล็อคทั้งประตูและหน้าต่างหมดทุกทาง แถมยังเปลี่ยนกลอนประตูใหม่เพราะทราบว่าเขามีกุญแจสำรองประตูห้องของเธออีก
ตอนนี้ชายหนุ่มต้องอยู่ห้องตัวเองไม่สามารถย่างกรายเข้ามาใกล้หล่อนได้ แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้นเลย!
“หายตัวไง หรือดำดินมานะ...คิดเหรอว่าแค่กลอนประตูง่อยๆ จะทำให้ฉันเข้าห้องเธอไม่ได้ หน้าต่างก็มีฉันเข้าทางนั้นก็ได้” ชี้ไปทางหน้าต่างที่ตัวเองสะเดาะกลอนเข้ามาได้ เธอเห็นอย่างนั้นก็นึกหงุดหงิดเพราะตัวเองคงไม่สามารถเปลี่ยนหน้าต่างโดยไม่ให้คนอื่นสงสัยได้
สิ่งที่หญิงสาวทำคือเดินเข้าไปใกล้ร่างหนาแล้วพยายามฉุดให้ลุกขึ้น แต่ชายหนุ่มกลับนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว เอาแต่มองร่างแบบบางที่อยู่ในชุดนอนผ้าลื่นสายเดี่ยวกับกางเกงขาสั้น สงสัยเธอคงคิดว่าปิดกั้นทุกทางไม่ให้เขาเข้ามาได้แล้วจึงสวมชุดนอนตามสบาย ทั้งที่ปกติใส่เสื้อยืดกางเกงขายาวแท้ๆ
แต่งแบบนี้เขาก็แย่สิ...แก่นกลางปวดหนึบจนต้องหยิบหมอนมาปิดบังเอาไว้
“ออกไปนะ ออกไป” เมื่อยื้อเขาให้ลุกไม่ได้ก็เลือกจะหยิบข้าวของใกล้มือปาใส่เล่นเอาร่างหนาหมดอารมณ์จะมองร่างสวย ต้องหาหมอนมาบังหน้าตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงได้เจ็บตัวเป็นแน่
“เฮ้ยๆ โยนมาทำไม”
“ออกไป”
“ไม่ออก บอกแล้วไงว่าฉันจะนอนที่นี่” ตะโกนกลับเช่นเดียวกัน
เธอโยนของทุกอย่างไปที่เขาจนมันระเกะระกะบนเตียงและพื้น หอบหายใจเหนื่อยแล้วมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว ทั้งยังโกรธจนหน้าดำหน้าแดงไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้าเข้ามาในห้องของเธออย่างอุดอาจ
ทั้งที่พรุ่งนี้เขากำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับหญิงอื่น!
“คุณเป็นบ้าอะไร จะแต่งงานอยู่แล้วมาทำแบบนี้กับฉันทำไม ต้องการอะไรกันแน่ การแกล้งฉันมันสนุกนักหรือไงคนบ้า!” โกรธจนร้องไห้ก่อนจะโดนร่างหนารวบกายเข้ามากอด ดึงเธอขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วโอบไว้จากทางด้านหลัง กอดรัดเอวบางพร้อมกระซิบที่ข้างหูหล่อน สูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอขาวจนเธออ่อนแรงในอ้อมกอดตน
“สนุกดีนะ สีสันชีวิต”
ขณะที่ถูกเขากอดเธอก็นึกอดสูกับชีวิตตัวเอง โดนตะวันฉายกระทำราวกับไม่มีหัวใจ ไม่ให้เกียรติกันเลยสักนิด เห็นเธอเป็นเพียงของเล่นที่อยู่ใกล้มืออยากทำอะไรก็ได้สินะ เธอร้องไห้จนตัวโยนทำเอาเขาต้องรีบปรามเพราะไม่อยากได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาว
“ร้องไห้ทำไม อย่าร้อง! บอกว่าห้ามร้องไห้ไง เงียบสิ” เจ้าตัวพยายามเม้มปากแน่นไม่ให้มีเสียงร้องออกไป แต่แล้วความรู้สึกเสียวกระสันกลับมาแทนที่เมื่อทรวงอกที่ไม่มีบราปิดทับถูกสัมผัสด้วยมือสากของคนที่กำลังกอดจนจากด้านหลัง เขาขย้ำก้อนกลมกลึงราวกับเห็นว่ามันคือดินน้ำมัน แล้วใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดจนชูชัน
“ออกไป ออกไปๆๆ อ่า” เธอดิ้นเอาตัวรอดจากมือมัจจุราชแต่ไม่อาจหลุดพ้นได้ เผลอส่งเสียงครางกับสัมผัสซาบซ่านที่ตนเองไม่เคยพานพบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสื้อถูกเลิกขึ้นมาเหนือเนินอกตอนไหน หล่อนรู้เพียงรู้สึกมวนท้องไปหมด ปลายเท้าจิกเตียงจนผ้าปูยับย่น
เผลอเอนกายพิงอกกว้างแล้วเผยอปากครางโดยไม่รู้ตัว ช่องทางแคบเริ่มเปียกชื้นพร้อมกับมือหนาที่ล้วงเข้าไปในกางเกงของหล่อน ใช้นิ้วแหย่เข้าไปในช่องทางสีหวานอย่างเชื่องช้าจนเธอเบิกตากว้างเพิ่งรับรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“อย่า อย่านะ...” พยายามห้ามแต่เสียงก็สั่นและเบาอยู่ในลำคอ หล่อนแทบจะอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของเขา จากตอนแรกที่คิดขัดขืน เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติแปลกใหม่ก็ไม่สามารถห้ามความต้องการส่วนลึกของตัวเองได้
“เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง”
จบคำพูดนั้นเขาก็จัดการช่วยให้เธอได้สำเร็จอารมณ์เป็นครั้งแรก ห้องกว้างเต็มไปด้วยเสียงครางหวานหู ขณะที่เขาก็ปวดหนึบแก่นกายชายเพียงแค่ไม่อาจทำอะไรได้ เมื่อช่วยหล่อนเสร็จแล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไปสร้างความสุขให้ตัวเองบ้าง
ค่อยออกมานอนกอดเธอแล้วหลับอย่างสบายอุรา ถึงเวลาตีสองค่อยกลับห้องของตัวเอง
เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น...
“ว่าไงนะ! เจ้าสาวหายตัวไป!”
เสียงดังไปทั่วห้องพักในโรงแรมหรู พิธีหมั้นช่วงเช้าและฉลองมงคลสมรสช่วงบ่ายจัดขึ้นที่โรงแรมห้าดาวชื่อดังใจกลางกรุงซึ่งสะดวกต่อการเดินทางและมีลานจอดรถกว้างเพียงพอต่อการต้อนรับแขกจำนวนมาก
แต่สิ่งที่ทำให้น่าตกใจคือฝ่ายเจ้าสาวเข้ามาในห้องเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ ใบหน้าของเพื่อนบิดาเต็มไปด้วยความวิตก ก่อนตัดสินใจบอกความจริงออกไปเนื่องจากหมดหนทางจะตามหาตัวบุตรสาว
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันกำลังให้คนออกตามหายัยวิ คิดว่าน่าจะทันก่อนถึงฤกษ์....” คนเป็นแม่ทั้งห่วงลูกสาวและห่วงงานแต่งที่ดูท่าว่ากำลังจะล่ม
