๕ เปลี่ยนตัว (๑)
๕
เปลี่ยนตัว
วันนี้ทั้งวันหล่อนเลือกจะขลุกตัวอยู่ในครัวเพราะตะวันฉายใช้วันพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ไม่อยากออกไปเห็นเขาให้ต้องโดนรังแกอีก ทุกค่ำคืนชายหนุ่มมักจะมาหาเธอแล้วนอนร่วมเตียงเดียวกัน ถึงจะไม่มีอะไรเกินเลยแต่มันก็ไม่สมควร
หล่อนล็อคห้องก็แล้ว ไม่เปิดก็แล้วสุดท้ายเขาก็ยังหาทางเข้ามาจนได้ จึงหมดหนทางจะห้ามปราม...
ไม่อยากยอมรับว่าลึกในใจก็กลายเป็นความเคยชินที่ได้รับอ้อมกอดอบอุ่นจากเขา ทำให้นอนหลับสนิททุกคืนไม่ได้ฝันร้ายถึงวันที่บุพการีจากไปอีกแล้ว
วรรณวิสาอาบน้ำสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ออกจากห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวนอนแต่หัววันจะได้ตื่นเช้าทันเวลา ไม่เห็นคนตัวสูงนั่งบนเตียงก็นึกโล่งอกที่เขาไม่ได้เข้ามาในห้องนอนของตน ทว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกคว้าเอาไปกอดจากทางด้านหลัง เธอตกใจเผลอส่งเสียงร้องขณะที่หันมามองตัวต้นเหตุ
“คุณ!”
นึกว่าเขาไม่ได้เข้ามาเสียอีก!
ตกใจเมื่อเห็นดวงหน้าคมยิ้มแป้น พยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมกอด ทั้งยังแกะมือหนาออกจากเอวตน ทั้งยังหยิกจนอีกฝ่ายถึงกับสูดปากด้วยความเจ็บ จนต้องโยนร่างแบบบางลงบนเตียงก่อนตามมาทาบทับเอาไว้
“เรียกซะเสียงดัง ยังไม่ชินอีกหรือไง” ลอยหน้าลอยตาถาม เธอผลักเขาออกอย่างรวดเร็วแล้วรีบลุกจากเตียงมายืนกอดอกมองคนบุกรุกที่มาทุกค่ำคืน ขนาดอีกไม่กี่วันจะถึงงานแต่งอยู่แล้ว ยังทำนิสัยเสียด้วยการเข้ามานอนกอดเธออีก
เพราะเธอไร้ค่าไม่มีราคาสินะ...เขาจึงได้ทำทุกอย่างตามใจโดยไม่ให้เกียรติกันเลยสักนิด!
“ออกไปจากห้องของฉัน” สั่งเสียงเข้ม
ร่างหนานอนเอกเขนกอยู่บนเตียงกว้างด้วยความเคยชิน ติดกลิ่นของเธอไปแล้วพอนอนห้องคนเดียวก็ตื่นกลางดึกแล้วสะดุ้งอยู่อย่างนั้นจนนอนไม่หลับ ต่างจากนอนที่นี่หลับสนิทตื่นอีกทีก็ยามรุ่งสาง แล้วจะไม่ให้มาได้อย่างไร
“ไม่ออก จะนอนที่นี่ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของฉัน ฉันจะนอนห้องไหนก็ได้...เข้าใจหรือเปล่า” ยืนกรานเสียงแข็งแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมกาย นอนสบายต่างจากเจ้าของห้องที่ยืนจ้องเขานิ่งเหมือนต้องการไล่ให้ออกไป
เรื่องอะไรจะออก...อุตส่าห์เข้ามาได้แล้วเชียว
ต่อให้เธอจะล็อคแน่นหนาแค่ไหนเขาก็มีกุญแจไขเข้ามาได้ตลอด ไม่อย่างนั้นก็เข้าทางระเบียงแทนเพราะสามารถสะเดาะกลอนได้ โดยที่หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเข้ามาตอนไหน
“จะยืนอีกนานไหม รีบมานอนได้แล้ว ง่วงจะตายอยู่แล้ว” เมื่อเห็นหล่อนยังไม่มานอนสักทีก็กวักมือเรียกพลางยกมือปิดปากหาว ไม่รู้ทำไมถึงได้ง่วงเช่นนี้
“นอนทั้งวันยังง่วงอีกเหรอ” อดประชดประชันไม่ได้
อยู่บ้านก็เอาแต่กินและนอนทั้งวัน แม่บ้านทำทั้งอาหารคาวอาหารหวานไปเสิร์ฟไม่มีหยุด ขณะที่คนอื่นออกไปทำธุระข้างนอกกันหมด มีเพียงตะวันฉายเนี่ยแหละที่สบายกว่าใครเพื่อน คิดแล้วก็นึกหงุดหงิดยามมองใบหน้าคม
คนอะไรอาแต่ใจตัวเองและเผด็จการเป็นที่สุด!
“รู้ได้ไงว่าฉันนอนทั้งวัน จับตาดูฉันตลอดเวลาเหรอ แอบชอบฉันก็บอกมาเถอะ” ยกยิ้มมุมปากแล้วถามเธอกลับ หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็เดินมานั่งลงข้างเตียงแล้วเลิกผ้าห่มขึ้นเพื่อคลุมกาย นอนหันหลังให้เขาแล้วตอบเสียงหนัก
“ประสาท ใครจะชอบคุณลง” ชายหนุ่มได้โอกาสก็อวดเสน่ห์ของตัวเองทันที
อยู่เมืองนอกใช่ว่าเขาจะขี้ริ้วขี้เหร่เสียเมื่อไหร่ ทั้งคนไทยทั้งต่างชาติต่อแถวเข้าหาไม่เว้นวัน เพียงแค่ตอนนั้นไม่มีเงินมากพอให้สุรุ่นสุร่าย ต้องทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนและเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อเอาตัวรอดในเมืองใหญ่ให้ได้
“เยอะแยะ ตอนอยู่เมกาผู้หญิงมาขอเดทฉันเป็นว่าเล่น แต่พอดีเรื่องเรียนสำคัญที่สุดสำหรับฉันเลยต้องปฏิเสธผู้หญิงพวกนั้นไปก่อน นึกแล้วก็ยังเสียดายอยู่เลยนะ ฉันน่าจะตอบรับแล้วใช้ชีวิตวัยรุ่นสุดเหวี่ยงกว่านี้อีกสักหน่อย” แทบไม่เคยได้ยินเขาพูดเรื่องตอนที่ไปอยู่ต่างประเทศให้ฟัง นี่น่าจะเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ แต่หล่อนไม่ได้อยากรู้เสียหน่อย
“จะแต่งงานแล้วยังคิดเรื่องนี้อีกเหรอ”
“หึงหรือไง” เขาชะโงกหน้ามองเสี้ยวหน้าหวาน เธอรีบยกผ้าห่มขึ้นปิดใบหน้าแล้วตอบตามความจริง แต่น่าแปลกที่มันทำให้คนฟังหงุดหงิดมากกว่าเดิม จนต้องกระชากผ้าห่มผืนหน้าออกแล้วตรึงไหล่เล็กให้หันมามองตัวเอง
“หึงน่ะเอาไว้ใช้กับคนที่รักกัน แต่ฉันไม่ได้รักคุณ” เธอแทบจะตะโกนใส่หน้าเขาด้วยซ้ำ ตะวันฉายกัดฟันกรอดแล้วถามเสียงหยัน คล้ายกำลังจะเยาะหล่อนอยู่กรายๆ
“เธอรักไอ้ภัทรสินะ หึ ระวังอกหักน้ำตาเช็ดหัวเข่าล่ะ คนแบบนั้นไม่จริงใจกับใครหรอก”
“ก็ยังดีกว่าคนชอบหาเรื่องไปเรื่อย ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ ชอบเอาเปรียบรังแกคนไม่มีทางสู้ ปากจัดยิ่งกว่าผู้หญิง...” ใช้โอกาสนี้พูดถึงข้อเสียของชายหนุ่มที่เขาคงไม่รู้ตัวสักนิดว่าตนเองเป็นคนเช่นนั้น พอเจ้าตัวได้ฟังถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“นั่นเธอด่าฉันเหรอ”
“ก็พูดไปเรื่อย ถ้าคุณอยากรับก็รับไปสิ” พูดจบก็ปัดมือเขาออกจากไหล่แล้วนอนหันหลังให้อีกฝ่ายทันที
ตะวันฉายได้โอกาสขยับเข้าไปคว้าตัวเธอมากอดเอาไว้จากทางด้านหลัง เจ้าตัวถึงกับร้องลั่นเมื่อแขนหนาโอบรัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก เหมือนเขาต้องการแกล้งกันอย่างไรอย่างนั้น “โอ๊ย! กอดแน่นไปแล้ว” ร่างหนาไม่สะท้านยังคงกอดเธออยู่แบบนั้นเพราะต้องการลงโทษที่กล้ามาว่าตน
“ทำไม ฉันจะกอดเธอเอาไว้อย่างนี้ทั้งคืนเป็นการลงโทษ” คนฟังถอนหายใจเสียงดัง ถามด้วยความสงสัยและนึกสงสารเจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานกับเขา
“คุณทำแบบนี้ทำไม ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณนะ...คุณกำลังจะแต่งงานแต่มานอนกอดผู้หญิงคนอื่น ไม่สงสารคนที่...”
“ไม่ต้องมาออกความเห็นเรื่องของฉัน ขืนเธอยังพูดอีกฉันจะจูบจนปากเปื่อยเลยคอยดูสิ” พอเจอคำขู่เข้าไปก็ต้องปิดปากเงียบทันที
นั่นสินะ...ไม่ใช่เรื่องของหล่อนสักหน่อยอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่า
“คนบ้า...” พยายามจะดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดก็ทำไม่ได้ สุดท้ายจำต้องนอนแบบนั้นแล้วพึมพำบ่นเขาเสียงเบา แต่กลับได้รับสัมผัสอุ่นที่ข้างแก้มแทน พร้อมเสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูจนเธอถึงกับตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรงจนกลัวร่างหนาได้ยิน
“ราตรีสวัสดิ์”
อ่อนโยนกับเขาก็เป็นเหมือนกันเหรอ...ไม่เคยเห็นตะวันฉายในมุมนี้เลย
