๔ ไร้ค่า (๓)
“วันหยุดก็ต้องนอนพักผ่อนสิครับคุณพ่อ จะออกไปข้างนอกให้เหนื่อยทำไมล่ะ หน้าที่รองประธานฯ อย่างผมก็แค่เซ็นเอกสาร งานง่ายจะตายครับ” ยิ้มกว้างเมื่อเอ่ยถึงตำแหน่งของตัวเอง ช่วงนี้เขางานยุ่งเป็นอย่างมากแทบไม่ได้กลับมากินข้าวพร้อมทุกคน
โครงการใหม่ที่ได้รับมอบหมายก็อยากทำให้ดีที่สุด อย่างไรก็ต้องสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ เพื่อกลบข่าวลือเรื่องการศึกษา โดยเขาไม่ได้แก้ไขความเข้าใจของคนทุกคน ให้คิดไปอย่างนั้นแหละ แม่เลี้ยงจะได้ไม่ต้องมาเล่นงานลับหลังอีก
“ง่ายจนผมอยากไปทำบ้างเลยนะครับ...คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมออกไปทำงานก่อนนะครับ” สิรภัทรรู้ดีว่าคนที่นั่งข้างกันกำลังวางอำนาจอวดเบ่งจึงไม่อาจทนฝืนรับประทานอาหารต่อไปได้ วางแก้วกาแฟลงแล้วหยิบเสื้อสูทมาพาดแขนเอาไว้ ก่อนยกมือไหว้บุพการี
ทว่ายังไม่ทันจะได้เดินออกจากห้องอาหาร เสียงของตะวันฉายก็ยังดังตามไม่หยุด “ทีหลังก็คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดแบบฉันสิ แต่อย่างว่าแหละบุญวาสนามันแข่งกันไม่ได้ สวรรค์คงชังนายมั้งเลยส่งมาเกิดกับคนชอบแย่งผัวชาวบ้าน” แสยะยิ้มสมใจเล่นเอาคุณอาทิตย์ถึงกับเดือดจนตบตะเสียงดังแล้วตะโกนเรียกชื่อบุตรชายของตนเป็นการปราม
สิรภัทรคร้านจะต่อเถียงจึงรีบเดินออกไป เหลือเพียงบรรยากาศมาคุจนวรรณวิสาเริ่มรับประทานอาหารไม่ลง เธอทำได้เพียงก้มหน้าแล้วกินข้าวในชามให้หมดโดยเร็ว จะได้ออกไปจากห้องอาหารที่เริ่มสงครามย่อมๆ สักที
“ไอ้ฉาย!”
“ตะวันฉายครับ ชื่อนี้คุณพ่อตั้งให้คล้องกับคุณพ่อไงครับ อาทิตย์กับตะวันฉาย” ลอยหน้าลอยตาตอบอย่างไม่ยีหระ ยิ่งสร้างความโมโหให้คนเป็นพ่อเพิ่มขึ้นอีก เขาไม่ได้สนใจอาการโกรธของท่าน กลับเหลือบตามองหญิงสาวที่ตนกอดอยู่ทุกค่ำคืนแล้วยักคิ้วให้หล่อนเมื่อฝ่ายหญิงเงยหน้าขึ้นมาสบตาพอดี
เธอรีบเฉไฉผินมองไปทางอื่นไม่อยากสนใจคนชอบหาเรื่อง ขณะที่คุณทัศนียาเห็นหมดทุกอย่างจึงทำเป็นใจเย็นปลอบสามี
“ช่างเถอะค่ะคุณ ฉันไม่ถือหรอก...” เอามือเข้าลูบตามแขนของคู่ชีวิตเพื่อให้คลายโทสะ
จากนั้นค่อยก้มลงรับประทานอาหาร พร้อมหยิบน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อเข้าประเด็นสำคัญ สองฝ่ายต่างหาเรื่องกันไม่หยุด แล้วแต่ยกว่าใครจะชนะ ซึ่งคราวนี้นางมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ปราชัย
“ตอนเช้าน้าเห็นคุณฉายออกมาจากห้องหนูพัน เข้าไปทำอะไรในห้องน้องคะ” วรรณวิสาถึงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หัวใจหลุดไปอยู่ตาตุ่มจนไม่กล้าพูดอะไร เหลือบมองตะวันฉายที่มีใบหน้าเฉยชาไม่รู้สึกรู้สา
“ถามเรื่องอาหารเช้า ผมกินน้อยเลยหิวแต่เช้า คุณแม่เลี้ยงมีปัญหาอะไรไม่ทราบครับ” เขาตอบราวกับการเข้าห้องผู้หญิงตอนเช้าเป็นเรื่องปกติ ดวงตาเรียบเฉยไม่ตระหนกสักทีแล้วยังตักอาหารเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย ต่างจากสามคนที่เหลือกลับมองร่างหนาเป็นตาเดียว
คุณทัศนียาเห็นอย่างนั้นก็ไม่ยอมแพ้ แสร้งตีหน้าเศร้าพร้อมเอ่ยถึงความไม่เหมาะสม จนคุณอาทิตย์เริ่มคล้อยตามคำพูดนั้น แต่ท่านยังไม่ทันจะพูดอะไรตะวันฉายก็ขัดอย่างรู้ทันถึงความต้องการของอีกฝ่าย
ที่เขาไม่มีวันยอมทำตาม!
“เข้าไปถามกันในห้องเหรอคะ น้าคิดว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่ ยังไงน้องก็เป็นผู้หญิงเกิดมีเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาจะทำยังไง...ถ้าตบแต่งแล้วก็ว่าไปอย่าง” ท้ายประโยคเป็นการชี้นำคุณอาทิตย์ให้เห็นด้วยซึ่งท่านก็ขมวดคิ้วเชื่อตามคำพูดของภรรยา
“นี่คุณแม่เลี้ยงกำลังจะบอกให้ผมรับผิดชอบพันลี้ด้วยการแต่งงานเพียงเพราะเข้าไปถามเรื่องอาหารในห้องเหรอครับ เผด็จการเกินไปหรือเปล่า” รับประทานข้าวต้มจนเกือบหมดถ้วยแล้วหยิบขนมปังมาทาแยมก่อนกัดกินไปครึ่งแผ่น จ้องแม่เลี้ยงนิ่งอยากรู้ว่าจะทำเช่นไรต่อ
“คุณทัศยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แกอย่าตีตนไปก่อนไข้ได้ไหม”
“ไม่ได้หรอกครับ อยู่กับคุณแม่เลี้ยงนี่ผมคิดน้อยไม่ได้หรอก ต้องคิดเยอะเอาไว้ก่อนจะได้ปลอดภัย” ได้รับบทเรียนมาแล้วจึงต้องทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ แต่สงสัยเรื่องของวรรณวิสาเขาอาจคิดน้อยไปหน่อย
ไม่นึกว่าออกมาเช้าแล้วยังมีคนเห็นอีก ทั้งยังเป็นผู้หญิงมากเล่ห์ร้อยเล่มเกวียน คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะใช้ไม้นี้
“ไม่ต้องไปฟังมันหรอก ปล่อยให้มันบ้าของมันเอง” คุณอาทิตย์หันไปปลอบภรรยา แล้วมองเลยไปยังหลานสาวผู้นั่งเงียบไม่มีปากเสียงอะไร ไม่รู้ความจริงเป็นเช่นไรแต่ก็กลัววรรณวิสาเสียหาย จึงเริ่มคิดเรื่องจะให้บุตรชายรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดบ้างแล้ว
“แต่น้าก็คิดว่ามันไม่เหมาะสมค่ะ คราวหน้าก็ระวังหน่อยนะคะ ยังไงน้องก็เป็นผู้หญิงคุณฉายอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องนิดเดียว...แต่น้ำแค่หยดเดียวเนี่ยแหละค่ะที่ฆ่าคนมานักต่อนักแล้ว” บอกเสียงเรียบ
รู้ดีว่าตอนนี้คงยังไม่ได้ผล นางเพียงแค่หย่อนเบ็ดเอาไว้ก็เท่านั้น อีกไม่นานสามีก็คงเห็นถึงความผิดปกติของคนทั้งสอง แล้วอาจจะจัดการจับคู่หลานสุดที่รักกับลูกนอกคอกก็เป็นได้
“หึ ครับ ผมจะจำคำคุณแม่เลี้ยงเอาไว้แล้วกัน”
พูดจบก็กัดขนมปังที่เหลือจนหมด ค่อยยกน้ำมาดื่มตามแล้วซับปากเมื่อรับประทานอาหารจนอิ่ม เขาปรายตามองร่างบางก่อนจะหันมาสบตากับแม่เลี้ยงอีกครั้ง มีความตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป ที่สองแม่ลูกต้องกระอักเป็นแน่หากเห็นเขาไปได้ดี
“ถ้าคิดจะจับผมแต่งงานกับยัยนี่ก็ต้องขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะครับ เพราะผมมีคนที่คิดจะแต่งงานด้วย เหมาะสมกับฐานะสะใภ้คนโตของบ้านไกรวรวงศ์แล้ว” ทุกสายตาจับจ้องชายหนุ่มด้วยความอยากรู้
“ใคร”
“วิกานดาครับ...ลูกสาวคุณลุงโกศลเจ้าของโรงพยาบาลที่เป็นเพื่อนกับคุณพ่อไง” พูดจบก็เดินขึ้นห้องทันที ปล่อยทุกคนในห้องอาหารให้มองตามด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง
คุณทัศนียากำมือแน่นด้วยความโมโหเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะได้ทุกอย่างไปครอง ทั้งหน้าที่การงานและผู้หญิงที่เพียบพร้อม อย่างไรก็ต้องขัดขวางให้ถึงที่สุด ตะวันฉายต้องไม่ได้รับสิ่งที่ดี
ขณะที่วรรณวิสานึกอับอายที่โดนกระทำและหยามเกียรติมากขนาดนี้
สงสัยเธอคงต้องล็อคห้องแน่นหนาไม่ให้ผู้ชายคนนั้นเข้ามาได้เป็นอันขาด!
คำพูดของตะวันฉายในวันนั้นไม่ใช่เพียงแค่การกล่าวอ้าง เพราะไม่กี่วันต่อมาคุณอาทิตย์ก็ไปพูดสู่ขอลูกสาวคนเดียวของเพื่อนสนิทให้แต่งงานกับบุตรชายของตน ซึ่งฝ่ายหญิงก็ตอบตกลงในทันทีพร้อมเริ่มเตรียมงานเพราะระยะเวลาค่อนข้างกระชั้นชิด
อีกแค่สามเดือนงานแต่งก็จะถูกจัดขึ้นแล้ว...
งานใหญ่ซึ่งเป็นการดองกันของสองตระกูลทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง รูปของบ่าวสาวเด่นหราในโซเชียล ต่างชื่นชมความหล่อเหลาของตะวันฉายกันเป็นแถบ เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มออกสื่อจึงมีคนไปค้นประวัติแล้วพบว่าเขามีความสามารถมากแค่ไหน
