๓ ฐานะ (๑)
๓
ฐานะ
กลับมาถึงไทยได้ไม่เท่าไหร่ก็ออกตระเวนเที่ยวให้สมกับที่ไม่ได้มากว่าสิบห้าปี ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนเขาจำแทบไม่ได้ ตึกสูงระฟ้าผุดขึ้นเป็นดอกเห็น ชายหนุ่มละลานตาเป็นอย่างมากขณะขับรถอยู่บนถนนที่การจราจรลื่นไหล ไม่ได้ติดขัดอย่างที่นึกกลัวในตอนแรก
ตะวันฉายแต่งตัวดีกว่าเมื่อวานหน่อย ไม่ได้มอมแมมอย่างที่คิดแต่ก็ใส่เพียงเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งและรองเท้าผ้าใบที่ค่อนข้างเก่าเพราะใช้มาหลายปี เขาคิดจะมาซื้อเสื้อผ้าใหม่ยกชุดเพราะที่เอากลับมาด้วยก็ใส่แทบไม่ได้
ส่วนเครื่องนอนในห้องก็ให้แม่บ้านเป็นคนจัดการซื้อให้ยกชุด ผ่านไปสิบห้าปีเด็กชายคนนั้นโตจนจะอายุใกล้จะสามสิบแล้ว เตียงนอนก็ต้องขยายขนาด โต๊ะเขียนหนังสือไม่จำเป็นอีกต่อไป ยังดีที่ห้องของเขาแค่ถูกปิดให้ร้าง ไม่ใช่มีคนอื่นมาแทนที่
“วิว่าคุณตัดผมโกนหนวดหน่อยไม่ดีกว่าเหรอคะ เหมือนโจรยังไงไม่รู้...” สาวสวยที่อยู่ในชุดเดรสสีหวานเอ่ยถามพลางขยับออกห่างเมื่อมีสายตาหลายคู่หันมามองก่อนจะซุบซิบกันแล้วหัวเราะคิกคัก เหมือนเธอเป็นตัวตลกอย่างไรก็ไม่รู้
วิกานดา สินธ์รักวิชชาลูกสาวคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ พบกันตอนไปเรียนต่างประเทศ เธอตามจีบเขามาหลายปีจนได้รับความสนิทสนม แต่เมื่อเรียนจบก็กลับไทยเพราะครอบครัวอยากให้มาช่วยงานโรงพยาบาล
ห่างหายกันหลายปี พอเธอทราบข่าวว่าเขากลับไทยจึงนัดมาเจอที่ห้างสรรพสินค้า แต่เมื่อพบหน้าไม่คิดเลยว่าเขาจะเหมือนโจรร้ายที่เพิ่งออกจากป่า ตัวสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้ามีหนวดเครารุงรัง ผมก็ยาวประบ่าจนคนมองต้องส่ายหน้า ชุดที่สวมใส่ก็ดาษดื่นไม่มีความเป็นแฟชั่นเอาเสียเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นลูกชายของนักธุรกิจใหญ่ เธอคงไม่คบค้าสมาคมด้วยหรอก เมื่อก่อนแสนหล่อเหลา ทำไมปัจจุบันจึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้กันนะ
“วิอายเหรอที่เดินกับผม” จับมือเธอมากุมเอาไว้ถึงหญิงสาวจะพยายามปลดออกก็ตาม เธอไม่อยากแสดงให้คนภายนอกเห็นว่าสนิทสนมกับเขาด้วยซ้ำ
“เปล่าค่ะ...แค่ออกความเห็นแต่ถ้าคุณไม่อยากตัดก็ไม่เป็นไร ยังไงคุณก็หล่อที่สุดสำหรับวิ...อยู่แล้ว” ยิ้มเจื่อนให้เขาแล้วค่อยเดินขึ้นมายังโรงภาพยนตร์ที่อยู่ชั้นบน หล่อนเป็นคนเอ่ยปากชวนเขาออกมากินข้าวดูหนังแท้ๆ พอถึงเวลาจริงกลับอยากชิ่งกลับบ้านเสียอย่างนั้น
อุตส่าห์แต่งตัวซะสวยเพื่อเอาใจร่างสูง แต่ดูสภาพของเขาสิ เดินใกล้ยังนึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีเลย ต่างจากชายหนุ่มที่ยิ้มร่าได้ควงกับสาวสวย ยกมือเธอขึ้นมากอดแขนตนเอาไว้ วิกานดาทำได้เพียงจำใจยอมทำตาม
หลังจากซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยต่างก็พากันเดินมายังโซนขายของกิน แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าไปซื้อก็มีเสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง จนเขาต้องหันไปมองก่อนพบน้องชายต่างสายเลือดที่มากับน้องบุญธรรม ควงคู่กันหวานแหววจนคิ้วหนาขมวดเข้าหากัน
ไม่ทำการทำงานหรือไงถึงพาสาวมาเดินเล่นได้ เขาคิดในใจแล้วปรายตามองร่างบางที่ยังคงสวมกำไลที่ตนเป็นคนใส่ให้กับมือเมื่อคืน
ยังดีที่ไม่ถอดออก...
“สวัสดีครับพี่ฉาย ไม่คิดว่าจะเจอพี่ที่นี่” สิรภัทรทักทายคนอายุมากกว่า แล้วค่อยมองสาวสวยข้างกายโจรป่า
เหมือนโฉมงามกับเจ้าชายอสูรไม่มีผิด
ไม่เหมาะกันเลยสักนิด...เขาคิดอยู่ในใจแล้วไม่วายส่งสายตาหวานให้เจ้าหล่อนเพื่อเป็นการบอกความในใจ
ว่ากำลังสนใจ...
“นั่นสิ ไม่คิดว่าจะเจอนายกับ...เด็กที่บ้านอยู่นี่เหมือนกัน มาดูหนังเหรอ” วรรณวิสาผินมองทางอื่นเมื่อได้ยินคำที่เขาใช้เรียกตนเป็นเพียงเด็กในบ้าน ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องมากไปกว่านั้น ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้อยากจะเกี่ยวข้องกับเขาเช่นเดียวกัน
เป็นแค่เด็กในบ้านก็ดีจะได้ไม่ต้องมาข้องแวะหรือพูดคุยกันอีก
“ครับ เปิดหูเปิดตาสักหน่อย แล้วพี่มากับใครไม่คิดจะแนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยเหรอครับ” ทอดเสียงหวานยามมองสาวสวย เธอรีบปล่อยแขนหนาทันทีแล้วแนะนำตัวเองไม่ต้องรอให้ร่างสูงเป็นฝ่ายเอ่ย เพราะดูท่าว่าเขาคงจะไม่ยอมพูด
“วิกานดาค่ะ เป็นเพื่อนกับฉาย” สถานะที่บอกไปทำให้ตะวันฉายถึงกับหันมองหล่อนอย่างรวดเร็ว ท่าทางและแววตายามวิกานดามองน้องชายต่างสายเลือดไม่ธรรมดาเลยสักนิด ก่อนที่หนุ่มผมยาวจะหันกลับมามองคนที่บังเอิญเจอกัน ยกมือขึ้นกอดอกอย่างไว้ที
“ผมสิรภัทรครับ เรียกว่าภัทรเฉยๆ ก็ได้ เป็นน้องชายของพี่ฉาย แล้วผมต้องเรียกคุณว่าพี่ด้วยหรือเปล่า” เหมือนรอบข้างมีกันอยู่แค่สองคนเพราะไม่ได้หันมามองทางเขาเลยสักนิด ชายหนุ่มยิ่งหน้านิ่งมากกว่าเดิมพร้อมแววตาที่แผดเผาคนตรงหน้าได้
“ไม่ค่ะ เรียกว่าวิเฉยๆ ก็ได้”
ยังไม่ทันได้ชวนคุยมากกว่านั้นก็ถูกหนุ่มหน้าขรึมเป็นฝ่ายตัดบทเสียก่อน เขาใช้มือโอบไหล่บางเอาไว้แล้วชวนเธอเข้าไปในโรง คร้านจะคุยกับสิรภัทรที่แย้มยิ้มตลอดเวลาคล้ายกำลังเยาะเย้ยกัน ส่วนวรรณวิสาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมเงยมามองเหมือนกลัวเขาเสียเต็มประดา
หน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้มีอะไรให้กลัวก็ไม่รู้!
“ไปกันเถอะวิ หนังจะฉายแล้วอย่าเสียเวลาคุยกับคนอื่นเลย” ไม่ได้ล่ำลากับอีกฝ่าย เลือกจะเดินเข้าไปในโรงทันทีทำให้เธอนึกเสียดายที่ไม่ได้ขอช่องทางการติดต่อกับหนุ่มหล่อผู้นั้น พอจะทราบว่าเขามีน้องชายที่เป็นลูกติดแม่เลี้ยง แต่ไม่คิดว่าจะหล่อเหลาเอาการ กริยามารยาทก็สุภาพเรียบร้อย ดีกว่าชายที่เธอควงเป็นไหนๆ
“น้องชายฉายเหรอ”
“น้องบ้าอะไร ผมไม่นับมันเป็นญาติหรอก” พูดจบก็ทำหน้าบึ้งตึงแต่เธอไม่สนใจ แอบยิ้มกริ่มมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ
คนพี่น่าเบื่อเกินไป...คนน้องสิเร้าใจกว่ากันเยอะเลย!
หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเรียบร้อย เธอก็อยู่ช่วยแม่ครัวจัดการทำความสะอาดแล้วค่อยเข้าห้องนอนของตัวเอง หยิบเสื้อผ้าเข้าห้องสุขาพร้อมกับชำระร่างกายจนหอมกรุ่น ทาครีมลงบนใบหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและผ่องใส
เข้าสู่เบญจเพสทำให้เธอนึกกังวลว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดกับชีวิตหรือเปล่า จึงตื่นเช้ามาใส่บาตรทำบุญตลอด คิดว่าชีวิตจะสงบสุขเหมือนที่ผ่านมา แต่แล้วการกลับมาของตะวันฉายก็ย้ำเตือนถึงความเลวร้ายในชีวิต
ว่าเริ่มมีเคราะห์แล้ว...
ปิดประตูห้องน้ำหลังจัดการธุระเรียบร้อย เธอได้นอนห้องใหญ่ชั้นสองของบ้าน เป็นเหมือนลูกสาวอีกคนของคุณอาทิตย์ ทั้งที่เป็นเพียงลูกสาวของเพื่อนสนิทท่านเท่านั้น แม่บ้านก็ให้ความเคารพหล่อนเหมือนเจ้านายอีกคนหนึ่ง
วรรณวิสาตกใจจนเกือบเผลอส่งเสียงร้องเมื่อเห็นร่างหนานั่งอยู่บนเตียงของตน รีบหันไปมองประตูห้องนอนที่ถูกปิดสนิทพร้อมลงกลอนเรียบร้อย ไม่ทราบว่าเขาเข้ามาอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเข้ามาได้อย่างไร!
“มีความสุขล่ะสิไปเที่ยวกับผู้ชาย ระริกระรี้เป็นปลากระดี่...ลงน้ำ ชอบใจมากใช่ไหม” ร่างหนาลุกจากเตียงแล้วก้าวเข้ามาใกล้เจ้าของห้อง เธอรีบถอยห่างแต่แผ่นหลังกลับติดผนังเป็นที่เรียบร้อย เปิดโอกาสให้ร่างสูงเข้ามายันแขนไว้ที่กำแพงทั้งสองข้างเพื่อปิดกั้นทางหนีทีไล่ของเธอ
“ปลากระดี่ได้น้ำค่ะ” แก้ไขประโยคให้ถูก เข้าใจว่าตะวันฉายไปอยู่ต่างประเทศนานคงลืมสุภาษิตคำพังเพยของไทยไปบ้าง แต่เมื่อถูกสอนก็นึกโมโหจนตะโกนเสียงดังเล่นเอาเธอสะดุ้งไปด้วย หญิงสาวพยายามทำใจดีสู้เสือ ไม่แสดงท่าทีว่ากลัวเขาให้เห็นสักนิด
“ไม่ต้องมาสอน ฉันรู้หรอก!”
“ค่ะ ฉันทราบว่าคุณรู้แต่ตอนนี้คุณกำลังบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของฉัน ช่วยออกไปจากห้องฉันด้วยเพราะฉันต้องการความเป็นส่วนตัว เชิญค่ะคุณตะวันฉาย” ผายมือไปทางประตูแล้วปัดแขนหนาที่กักขังตนเอาไว้ให้พ้นทาง เขากลับยืนกรานที่จะไม่ออกไปแล้วอ้างถึงสิทธิ์ของตัวเอง
