๑ โจรร้าย (๓)
สำหรับคนอื่นเธอไม่ทราบ แต่หล่อนไม่รู้สึกเบื่อสักนิด กลับชอบเสียอีกที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล แล้วยังทำให้ผู้มีพระคุณมีความสุขยามได้กินอาหารอร่อยอีก
ถึงตอนแรกจะไม่ได้อยากเรียนคหกรรม ใจอยากไปสายวิทยาศาสตร์สุขภาพแต่ค่าเล่าเรียนก็แพง แม้ทางรัฐจะออกให้ส่วนหนึ่งแต่หล่อนก็ไม่อยากรบกวนคุณอาทิตย์ อีกทั้งคุณทัศนียาก็ชี้แนวทางว่าให้ไปทางด้านการเรือนดีกว่า จึงเชื่อตามคำของท่าน
“พี่ภัทรกลับมาแล้ว” แสดงความดีใจออกมาทางรอยยิ้ม รีบเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่เพิ่งกลับจากไปเที่ยวต่างประเทศ เหงามาหลายวันเพราะไม่เห็นหน้าชายในดวงใจ พออีกฝ่ายกลับถึงบ้านจึงแสดงออกอย่างไม่ปิดบัง
“ไปไหนมาเหรอ” กระเป๋าของเขาถูกแม่บ้านยกขึ้นไปไว้บนห้องเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มกำลังจะเดินเข้าบ้านก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงหวานเอ่ยเรียก หันมามองเธอแล้วเดินเข้าไปหา ก่อนยกมือลูบศีรษะมนตามความเคยชิน ไม่รู้ว่ายิ่งทำให้หล่อนตกหลุมรักถอนตัวไม่ขึ้น
แต่ก็รู้ว่าเรื่องของเราคงไม่พัฒนาไปมากกว่าพี่น้อง...
“ซื้อของเข้าบ้านค่ะ พี่ภัทรไปเที่ยวต่างประเทศเป็นยังไงบ้างคะ สนุกหรือเปล่า” หยุดยืนคุยกันอยู่หน้าบ้าน โดยที่แม่บ้านซึ่งสนิทสนมกับหล่อนก็ยังยืนคอยแล้วแอบอมยิ้มกับความเหมาะสมของคนทั้งคู่
“สนุกอะไรล่ะ น่าเบื่อจะตาย...คิดถึงอาหารฝีมือพันด้วย อยากกลับบ้านใจจะขาด” ดวงตาคมส่งสายตาหวานให้เธอ เล่นเอาคนฟังเขินม้วนต้วนไม่อาจโต้ตอบอะไรได้ แก้มร้อนผ่าวแล้วเม้มปากแน่นเกรงว่าจะเผลอยิ้มจนแก้มแตก
เขาอยากกลับบ้าน...เพราะคิดถึงเธอใช่ไหมนะ
“เกือบลืมเลย พี่มีของขวัญให้พันด้วยนะ” พึ่งนึกออกจึงรีบหยิบของขวัญจากการเป๋าเสื้อ เธอคิดว่าคงได้คุยกันยาวจึงเหลียวมองแม่บ้านที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ข้างหลัง ร่างบางเขินอายจนต้องรีบบอกให้อีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน ไม่อยากถูกล้อเลียนอีก
ยามเขินเธอทำตัวไม่ค่อยถูก...
“พี่สาเข้าไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวหนูตามเข้าไป”
เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้าบ้านจึงเหลือเพียงหล่อนกับพี่ชายสองคน เขาถือกล่องของขวัญเอาไว้เช่นนั้นโดยที่หล่อนก็นึกอยากทราบว่าของข้างในเป็นอะไร ดูจากขนาดกล่องไม่น่าจะใช่แหวน อาจเป็นกำไลข้อมือหรือสร้อยก็ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร เพียงแค่เขามีใจซื้อให้กันก็ดีใจแล้ว ยืนลุ้นขณะที่ร่างสูงเปิดกล่องอย่างเชื่องช้า แล้วสร้อยเส้นเล็กก็ปรากฏตรงหน้า
“ของขวัญอะไรคะ”
“สร้อย...พี่เห็นครั้งแรกก็คิดถึงพันทันที ดอกเดซี่...ดูบอบบางแต่แข็งแกร่งเหมือนพันของพี่ มาครับเดี๋ยวพี่ใส่ให้นะ”
เพียงแค่เห็นครั้งแรกเธอก็ชอบสร้อยเส้นนี้ทันที ยิ่งเป็นของขวัญจ้าสิรภัทรยิ่งทำให้หญิงสาวชอบมากกว่าเดิม รีบหันหลังแล้วรวบผมขึ้นโชว์ลำคอระหงให้เขาสวมสร้อยอย่างบรรจง ไม่นานสร้อยเส้นนั้นก็อยู่บนตัวของหล่อน ปากอวบอิ่มยิ้มไม่หุบทั้งยังเอ่ยชมด้วยความหลงใหล
“สวยจังเลย”
“ขอบคุณนะคะพี่ภัทร หนูชอบมากเลย” ยกมือไหว้เป็นการขอบคุณ คนให้ก็ดีใจที่เห็นว่าเธอชอบ ยกมือขึ้นลูบศีรษะมนอีกครั้งด้วยความเคยชิน เธอเองก็ไม่ได้ปัดหนีประการใด โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของพวกเขาตกอยู่ในสายตาคู่หนึ่งทุกอย่าง
“ครับ”
คุณทัศนียาเดินออกมาจากบ้านแล้วแย้มยิ้มทักทายบุตรชายของตน ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงเปลี่ยนในชั่วพริบตา ตรงเข้ามากอดแขนของสิรภัทรเอาไว้แล้วดึงให้ขยับห่างร่างบางเล็กน้อยโดยที่สาวเจ้าแทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำเพราะมัวชื่นชมของขวัญด้วยใจปีติ
“กลับมาแล้วเหรอภัทร เข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
“ครับแม่” พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในบ้าน เหลือเพียงผู้หญิงสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน หล่อนยิ้มให้คุณป้าผู้มีพระคุณของตัวเอง
“หนูพัน...เย็นนี้ป้าอยากกินริชอตโตมะนาวกับซูคีนีทำให้หน่อยนะจ๊ะ” เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนมักจะบอกเมนูอาหารที่อยากรับประทาน เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ยิ่งยินดีทำตามความต้องการของท่านด้วยความเต็มใจ
“ค่ะคุณป้า”
เธอเดินเข้าไปในบ้านแล้วแวะเข้าครัวเพื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเย็นให้คุณทัศนียา พูดคุยยิ้มแย้มกับแม่ครัวที่ได้แต่ล้อเลียนเรื่องสร้อยไม่เลิก ไม่ได้รับรู้เลยว่าตัวเองกำลังกลายเป็นหัวข้อการสนทนาของแม่ลูกคู่หนึ่ง
ร่างสูงเมาในห้องก็เริ่มจัดเสื้อผ้าบางส่วนที่สวมแล้วลงตะกร้า ส่วนที่ยังไม่ใส่ก็เอาแขวนไว้ที่เดิม โดยมีมารดาเดินตามแล้วยกมือขึ้นกอดอก จ้องแผ่นหลังของลูกชายที่เติบใหญ่อย่างรวดเร็ว ผ่านร้อนผ่านหนาด้วยกันจนได้อยู่อย่างสุขสบาย
กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่ายเลย...ต้องเสียสละบางอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขเหนือใคร
“สิรภัทร”
“ครับคุณแม่” หันมามองท่านแล้วตอบรับคำเรียกนั้น ทราบทันทีว่ากำลังจะพูดเรื่องจริงจัง ฟังจากน้ำเสียงและท่าทาง เขาจึงเลือกจะเดินไปนั่งยังโซฟาตัวยาว แล้วมองคุณทัศนียาอย่างจดจ่อเพื่อรอฟังว่าท่านจะพูดอะไร
“แกชอบยัยหนูพันเหรอ” เพียงแค่ประโยคแรกก็ทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาทันที รีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็วแล้วตอบตามความจริง
“เอาอะไรมาพูดครับ ผมคิดกับพันแค่พี่น้องไม่ได้เกินเลยมากกว่านั้น คุณแม่สบายใจได้นะครับ ผมรู้ดีว่าสะใภ้ของคุณแม่...จะต้องเป็นคนที่เหมาะสมเท่านั้น ฐานะไม่ต่ำกว่าเรา” สองแม่ลูกสบตากันอย่างคนที่เคยผ่านความทุกข์ยากจนไม่อยากกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีก
เขาไม่เคยคิดจะรักชอบหล่อนเลยสักนิด อย่างมากก็แค่หลอกใช้เพื่อหวังผลก็เท่านั้น รู้ดีว่าหญิงสาวคิดเช่นไรกับตนเอง สายตาของหล่อนบอกหมดทุกอย่าง เพียงแต่เขาไม่คิดจะเดินเกิมเพราะรู้ว่าสุดท้ายต้องจบอย่างไร
ถ้าเอาตัวลงไปเล่นทั้งหมดก็เกรงว่าต้องรับผิดชอบ...ได้ไม่คุ้มเสียหรอก
“ถ้าจะแค่เล่นๆ แม่ไม่ว่าอะไรหรอก แต่อย่าให้มันจริงจัง...ลูกของแม่ต้องคู่ควรกับคนสูงศักดิ์เท่านั้น” ท่านนั่งลงข้างบุตรชายสุดที่รัก แล้วยกมือขึ้นลูบผัวอีกฝ่ายพลางแสดงความหวังดีกับสิรภัทร ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับรู้
“ครับ ผมทราบดี”
