๑ โจรร้าย (๒)
“เดือนหน้ามีประชุมผู้ถือหุ้นใช่ไหมคะ”
“ใช่ ทำไมเหรอ” พยักหน้าไปตามเรื่อง
“ก็...คุณไม่คิดจะยกหุ้นให้ตาภัทรหน่อยเหรอคะ ลูกก็ทำงานมาหลายปีแล้วยังไม่เคยได้เข้าประชุมสักครั้ง” เพียงแค่ยกเรื่องหุ้นขึ้นมาพูด ท่านก็ชะงักทันทีแล้วหลุบตามองชามข้าวต้มตรงหน้า
หลายครั้งที่ภรรยาเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไร เพราะบริษัทนี้ไม่ใช่เขาที่สร้างขึ้นมา แต่เป็นครอบครัวของภรรยาที่เป็นคนเริ่มแล้วเขาก็มาสานต่อเพราะครอบครัวของเธอเสียชีวิตจากเครื่องบินตก คุณฉันทนาจึงนั่งบริหารงานเอง พอแต่งงานถึงได้มีคุณอาทิตย์เข้ามาช่วย
หุ้นในส่วนของอดีตภรรยากลายเป็นของบุตรชายที่อยู่ต่างประเทศ...
ขนาดหุ้นในส่วนของเขายังไม่เยอะเท่าของตะวันฉายเลย เพราะคุณฉันทนาทำพินัยกรรมไว้และยกทุกอย่างในส่วนของตนให้บุตรชายเพียงผู้เดียวจนหมด
“เอาไว้ก่อนแล้วกัน ช่วงนี้ผมยุ่ง” ยังไม่ยอมบอกความจริงเรื่องนี้ จึงบอกปัดจนภรรยาจำต้องตามน้ำ ซุกซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ค่ะ”
การรับประทานอาหารดำเนินไป พอดีกับชายหนุ่มที่ลงมาจากบนห้องพอดี เท้าหนักก้าวเข้ามาในห้องอาหารแล้วนั่งลงยังเก้าอี้ประจำของตัวเอง กลิ่นอาหารหอมเย้ายวนชวนให้ท้องร้องตั้งแต่ยังไม่ลงมาข้างล่าง
“ลงมาพอดีเลยลูก มากินข้าวเร็ว” เรียกบุตรชายของตน
สิรภัทรเป็นลูกติดภรรยาที่คุณอาทิตย์ไม่ได้นึกรังเกียจ กลับมอบโอกาสให้และรักเหมือนลูกชาย ยอมให้อีกฝ่ายใช้นามสกุลของตัวเอง ทิ้งความมอมแมมในอดีตที่เป็นเพียงเด็กในสลัมไปจนหมด มีเพียงชายหนุ่มหล่อเหลาผู้เพียบพร้อมไปหมดทุกสิ่งอย่าง
สาวในวงสังคมต่างหมายปอง เพียงแต่เขาไม่ได้มอบใจให้ใครเป็นพิเศษ ยังคงครองตัวโสดมาหลายปีไม่เปิดตัวหวานใจสักที
“ครับคุณแม่”
ตักอาหารเข้าปากคำแรกก็ต้องชื่นชมน้องสาวที่เติบโตมาด้วยกันถึงจะคนละสายเลือดก็ตาม วรรณวิสาเป็นคนว่านอนสอนง่าย ทั้งยังมองเขาเป็นฮีโร่เสมอมา บอกให้ทำอะไรก็ยอมทำตามคำขอร้องทุกอย่าง รายงานหลายเล่มที่อาจารย์สั่งให้ทำก็ได้หล่อนคอยช่วยเหลือ
เพียงแค่พูดจาหว่านล้อมหน่อยเดียวก็แทบไม่ต้องใช้สมองหรือลงแรงอะไร เธอยินดีและเต็มใจช่วยเขาเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยขึ้นจากสระน้ำเสมอ
“อร่อยเหมือนเดิมเลยนะพัน สมกับที่เรียนคหกรรมจริงๆ เก่งงานบ้านไปทุกอย่าง ใครได้ไปเป็นภรรยาต้องโชคดีมากแน่เลย” คนฟังเขินจนแก้วแดงจนต้องซ่อนความเขินอายด้วยการตักข้าวเข้าปากแทบจะไม่ได้เคี้ยวก็กลืนลงคอ
เขากำลังพูดเป็นนัยว่าอยากแต่งงานกับหล่อนหรือเปล่านะ เพ้อฝันไปไกลจนคุณอาทิตย์ได้ทีก็ถามถึงความรักของหลานสาว
“ชอบใครบ้างหรือเปล่า ถ้ามีก็พามาบ้านบ้างนะ ลุงจะได้ดูว่าเป็นคนดีไหม” เจ้าตัวรีบส่ายหน้า ปฏิเสธท่าเดียวกลัวว่าใครบางคนจะเข้าใจผิด
“ไม่มีหรอกค่ะ อยู่คนเดียวมีความสุขมากกว่า”
“หือ...ไม่มีคนถูกใจบ้างเหรอ” ถามด้วยความสงสัย
วรรณวิสาไม่ใช่คนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ มีความสวยประจักษ์บนใบหน้า ไหนจะกริยามารยาทที่เพียบพร้อมอีก ไม่มีผู้ชายเข้าหาสักคนก็น่าแปลกหน่อยสำหรับท่าน ซึ่งหล่อนก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เพราะไม่ได้มองใครเป็นพิเศษ
มีเพียงคนเดียวที่เธอชอบ แต่เขาก็ไม่ส่งสัญญาณอะไรมาให้เป็นพิเศษ นอกจากบอกว่าหล่อนคือน้องสาวที่ดีเท่านั้น
“ไม่ ไม่มีค่ะคุณลุง” ส่ายหน้าแล้วย้ำอีกรอบ ท่านเลยไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรอีก มีเพียงคุณทัศนียาที่เอ่ยขึ้นบ้างเมื่อเห็นแววตาของคนข้างกายกำลังส่งให้บุตรชายของตน ใบหน้าก็ตึงขึ้นมาทันทีแต่ยังคงเปล่งเสียงหวานยามพูดกับสามี
“สงสัยคุณต้องหาหลานเขยให้หนูพันแล้วมั้งคะ” เจ้าของชื่อรีบหันมองคุณป้าที่พูดเย้าแกมหยอก
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่แบบนี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ มีคุณลุงคุณป้าพี่ภัทรแล้วก็น้องเนเน่...” กล่าวถึงทุกคนโดยเว้นผู้ชายคนสุดท้ายที่ไม่ได้พบหน้าหลายสิบปีเอาไว้ ความจริงเธอไม่ได้ลืมเขาเพราะยังคงเขียนจดหมายหาชายหนุ่มเสมอ มันจะส่งเพียงแค่เดือนล่ะฉบับ แล้วก็ไม่ได้ส่งมาแล้วสามเดือนก็ตาม
“ลืมพี่ฉายด้วยหรือไงจ๊ะ” คุณป้าถามย้ำแต่เจ้าตัวก็ทำเพียงยิ้มแหยะ
“อ้อ ไม่ลืมค่ะ”
ไม่ได้ลืมแต่ไม่อยากให้เขากลับมาต่างหาก ชีวิตของเธอสงบสุขดีแล้ว หากชายหนุ่มกลับมาไม่รู้จะเป็นอย่างไร ได้ข่าวว่าสำมะเลเทเมาชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว คนแบบนั้นขออยู่ให้ห่างมากสุดน่าจะดีกว่า คิดเช่นนั้น
“พูดถึงตะวันฉาย...มันบอกคุณหรือเปล่าว่าจะกลับไทยวันไหน เอาแต่ผลาญเงินอยู่เมกาไม่ยอมกลับมาบ้านสักที เรียนอะไรไม่จบเหมือนคนอื่นสักอย่าง ส่งเงินให้เท่าไหร่ก็หมด...ผมเหนื่อยใจกับลูกคนนี้จริงๆ” ยิ่งพูดถึงบุตรชายของตนก็ยิ่งส่ายหน้า
ใช้เงินเป็นเบี้ยส่งให้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอสักครั้ง ยังดีที่ได้ภรรยามาเป็นตัวกลางคอยพูดคุย ไม่อย่างนั้นเกรงว่าอาจจะเส้นเลือดในสมองแตกเข้าก็ได้ถ้าได้คุยเอง นับวันก็ยิ่งห่างเหินกับลูกมากเข้าไปทุกที
“ไว้ฉันจะถามลูกให้นะคะว่ากลับวันไหน” ตอบรับแล้วยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีกเลย มีเพียงวรรณวิสาที่ทำหน้าเคร่ง
‘ขออย่าให้เป็นเร็วๆ นี้เถอะ’ คิดในใจแล้วก็ได้แต่หวังว่าคงไม่ใช่เร็วนี้ที่ร่างสูงจะหวนกลับคืนบ้าน
การมีเขาร่วมบ้าน...มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหล่อนเท่าไหร่
บ้านหลังใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้สูงและสวนสวยเนื่องจากได้รับการดูแลอย่างดี ร่างบางเสร็จจากงานครัวก็มาช่วยปลูกต้นไม้ จากนั้นจึงไปซื้อเครื่องใช้ที่ขาดเข้าบ้าน เธอได้รับเงินเดือนจากเจ้าของบ้านทุกเดือน ซึ่งส่วนมากก็เป็นเงินเก็บไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ เพราะมีเงินซื้อของเข้าครัวแยกต่างหาก
เงินเก็บก็มีหลักแสน ไม่ต้องออกไปเผชิญกับการจราจรที่ติดขัด แถมยังทำงานอดิเรกด้วยการปักลายผ้าเช็ดหน้าขายอีก แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ ไม่ได้ต้องการงานที่มีเกียรติให้คนยกย่อง หรือชื่อเสียงมากไปกว่าความสุขกายสบายใจในแต่ละวัน
ร่างแบบบางเดินผ่านรั้วขนาดเล็กระหว่างนั้นก็คุยกับคนข้างกายซึ่งเป็นแม่บ้านที่เพิ่งรับเข้ามาทำงานได้ไม่กี่สัปดาห์ แต่อายุใกล้เคียงหล่อนจึงเข้ากันได้เป็นอย่างดี กลายเป็นว่าเธอมีเพื่อนคุยไปโดยปริยาย เพราะเพื่อนสนิทก็แยกย้ายไปทำงานคนละที่หมดแล้ว นัดรวมตัวกันก็แสนยากเย็น
เพื่อนในที่ทำงานของเธอก็คือแม่บ้านและแม่ครัวที่เห็นมาแต่เด็ก เพื่อนต่างก็ถามว่าไม่เบื่อบ้างหรือที่เรียนจบยังต้องมาทำงานอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน
