โทษทุกคน
ห้องหัตถการ
"เจ็บตรงไหนอีกมั้ย? น้องน่าน!!"
"ไม่เป็นอะไรคะเอมมี่ อุบัติเหตุนิดหน่อย"
ร่างเล็กรีบลุกขึ้นจากพื้น พลางหันสำรวจร่างกายตัวเองว่าได้รับบาดเจ็บอะไรมากน้อยแค่ไหน ก่อนจะรีบก้มลงหยิบอุปกรณ์ต่างๆที่ร่วงหล่นอยู่ที่พื้นขึ้นมา
"เจ็บน่าดูเลยนะน้องน่าน ดีนะหัวไม่กระแทก"
ราชันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าและท่าทางตื่นตกใจ เมื่อเป็นห่วงพยาบาลสาวในฐานะคนที่คุยกันถูกคอ
"น่านไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ พอดีหัวติดมือของหมอศรัณย์เลยไม่กระแทกพื้นเต็มที่ แต่หมอศรัณย์อาจจะเจ็บมืออยู่นิดหน่อย"
"ตกใจหมดเลย ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นพวกพี่ไปทำงานต่อละเดี๋ยวหมอศรัณย์กลับมาก่อน"
เหล่าบรรดาพนักงานที่เห็นว่าพยาบาลสาวไม่เป็นอะไรมากนัก จึงรีบพากันเดินออกจากห้องไป เพื่อให้คนน้องได้เคลียร์พื้นที่ก่อนศัลยแพทย์หนุ่มจะกลับเข้ามาอีกครั้ง
"ค่ะ!!"
น่านฟ้าตอบกลับไปแค่นั้น ก่อนจะรีบใส่ถุงมือและเคลียร์อุปกรณ์ที่ตกพื้นไปเมื่อสักครู่ทิ้งไปในถังขยะ ก่อนจะหันกลับมาเคลียร์เลือดที่ไหลซึมออกมาจากรูเข็มบนใบหน้าของราชันต่อไป
"คุณหมอศรัณย์มาแล้ว"
เอมมี่โผล่หัวเข้ามาในห้องอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าศรัณยูกำลังเดินกลับมา แต่ทว่าเมื่อเขากลับเข้ามาในห้องมีแต่ความเงียบ เขาไม่หันกลับมามองหน้าพยาบาลสาวเช่นเคย แถมยังไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่จับไซริงค์ที่บรรจุโบท็อกซ์อยู่ในนั้นขึ้นมาจัดการฉีดบนใบหน้าของราชันจนเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็วแล้วก็เดินออกจากห้องไปในทันที
"ดูท่าทางคุณหมอน่าจะโมโหมากเลยนะน้องน่าน พี่ระบบหน้าไปหมดเลย"
"น่านต้องขอโทษแทนคุณหมอด้วยนะคะ คุณราชัน!!"
ใบหน้าหวานของน่านฟ้าแสดงออกถึงความตื่นตกใจ เมื่อหันกลับมามองหน้าราชันที่แดงช้ำไปด้วยร่องรอยเข็ม
"ไม่เป็นไรๆ พี่เข้าใจ"
"งั้นเดี๋ยวน่านเอาถุงน้ำแข็งประคบหน้าให้นะคะ"
ร่างเล็กรีบกุลีกุจอวิ่งออกจากห้องหัตถกรรมการไป เพื่อหาถุงซิปล็อกใส่น้ำแข็ง และกลับมาประคบใบหน้าที่บวมช้ำของราชันด้วยความเบามือมากที่สุด เพราะกลัวลูกค้าจะคอมเพลนเสียก่อน
10 นาทีผ่านไป
"ขอบคุณมากๆนะจ๊ะน้องน่าน น้ำแข็งช่วยพี่ได้เยอะเลย"
"น่านต่างหากต้องขอโทษคุณราชัน และขอบคุณที่เข้าใจเรานะคะ เดี๋ยวน่านเอาน้ำแข็งใส่ซองให้ไปประคบระหว่างเดินทางกลับบ้านนะคะ"
พยาบาลสาวยื่นถุงน้ำแข็งขนาดเล็กให้กับราชันที่กำลังเดินตามพนักงานดูแลเคสลับสายตาไปจากห้องหัตถการ น่านฟ้าถึงกลับต้องกุมขมับด้วยความเหนื่อยล้าจิตใจ เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
"เฮ้อ!! วันซวยอะไรของฉันอีกวะเนี่ย"
"เธอนะสิตัวซวย ยัยหน้าโง่"
หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ภายในห้องเงียบๆเพียงลำพัง แต่กลับต้องสะดุ้งตื่นตกใจเมื่อเสียงของศรัณยูดังแทรกขึ้นเข้ามาภายในห้อง
"หมอศรัณย์!!"
ร่างใหญ่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ภายในห้อง พลางเท้าสะเอวจ้องมองหน้าของพยาบาลสาวด้วยความโมโหกระทั่งใบหน้าและใบหูแดงก่ำจนน่านฟ้าเห็นได้ชัด
"อะไรของหมออีกค่ะ?"
"ก็เพราะอะไรละ เพราะเธอมันโง่แล้วโง่อีก โง่ไม่จบไม่สิ้น อุบัติเหตุครั้งนี้ที่มันเกิดขึ้น มันคือความผิดของเธอ"
นิ้วแกร่งชี้ตรงมาที่หน้าของน่านฟ้าในทันที ทำให้ใบหน้าหวานถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมนึกสงสัยในความไม่สมเหตุผลของเขา
"มันจะเป็นความผิดของน่านได้ยังไงคะ ก็หมอศรัณย์ไม่พูดแล้วเดินมาเงียบๆแบบนี้ใครเขาจะรู้!!"
"จะไม่รู้ไม่ได้ เธอทำงานกับฉันเธอต้องหูไวตาไวไว้ก่อน แล้วนี่อะไร โง่ไม่พอยังมายืนเป็นยัยบ้าบื้ออยู่ได้"
"ไม่เคยโทษตัวเองเลยนะคะ โทษแต่คนอื่นตลอด"
"ฉันไม่ผิด เธอต่างหากที่ผิด"
ร่างใหญ่ยังคงต่อปากต่อคำเถียงกันกับพยาบาลสาวอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่มีใครคิดจะยอมให้กันเลยในความผิดพลาดของเหตุการณ์ในครั้งนี้
"เอ๊ะ!! น่านไม่ผิด หมอศรัณย์นั่นแหละที่ต้องขอโทษน่าน เพราะหมอเป็นคนชนน่านล้มเองแท้ๆนะคะ"
"ไม่ขอโทษเว้ย!!"
พูดจบศรัณยูก้าวเท้าเข้ามาใกล้น่านฟ้ามากยิ่งขึ้น พลันทำให้คนน้องที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว รีบถอยหลังกรูติดกำแพงในทันที
"คนโง่แบบเธอฉันไม่ลดตัวลงไปขอโทษให้เสียศักดิ์ศรีหรอก ยัยสมองปลาทองเอ๊ย!!"
นิ้วชี้แกร่งกดลงที่หน้าผากของน่านฟ้าอย่างรุนแรง พร้อมๆกับเน้นย้ำลงไปตามจังหวะคำพูดที่สุดแสนจะเย้ยหยันและเหยียดหยาดเธอจากเขา ก่อนจะสะบัดตัวเดินออกจากห้องไปไม่เลี้ยวกลับมามองเธออีกเลย
"ไอ้… ไอ้หมาบ้าเอ๊ย เมื่อไหร่จะโดนจับไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าสักทีเนี่ย"
การกระทำของเขาทำให้น่านฟ้าถึงกลับสบถคำหยาบออกมาในทันที เมื่อเธอเห็นถึงความงี่เง่าและหยิ่งยโสโอหังของเขาที่มีมากเกินกว่าจะควบคุมและรับมือได้
"คนแบบนี้ต้องเจอดีเข้าสักวัน ไอ้หมอบ้า!!"
ต่อให้น่านฟ้าจะพยายามหาวิธีรับมือกับศัลยแพทย์หนุ่มมากอารมณ์คนนี้แค่ไหน แต่ถ้าศรัณยูเข้ามาประชิดตัวเธอใกล้ขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่คนอย่างเธอจะตั้งรับไว้ไม่ทัน
3 วันผ่านไป
"น้องน่านจ๊ะ มานี่หน่อย"
"ค่ะ พี่ส้มโอ"
ส้มโอเดินเข้ามาหาน่านฟ้าที่อยู่ภายในห้องหัตถการ ก่อนจะเดินจับแขนเธอออกมายังหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลที่มีในส่วนของเอกสารต่างๆมากมายกองอยู่
"อันนี้เป็นตะกร้าที่เอาไว้ใส่แฟ้มเอกสารคนไข้ที่มีนัดตัดไหมจมูกแบบ open ที่เราวันนี้ น้องน่านพาคนไข้เข้าไปตัดไหมที่จมูกได้เลยจ้ะ พี่สาลี่สอนแล้วใช่มั้ย?"
"อ๋อค่ะ สอนแล้วค่ะงั้นเดี๋ยวน่านขอเตรียมห้องและไฟก่อนนะคะ"
พยาบาลสาวเดินกลับเข้าไปในห้องหัตถการเพื่อเตรียมไฟและอุปกรณ์ของทุกอย่างตามที่สาลี่สอนเอาไว้อย่างละเอียด ก่อนจะพาคนไข้เข้าไปในห้อตามลำดับต่อไป
ห้องหัตถการ
"เจ็บนิดหน่อยนะคะคุณสิรินภา"
"ทำเบาๆนะคะ"
น้ำเสียงดุดันและเรียบเฉยของลูกค้า ทำให้ฟังแล้วไม่ค่อยรื่นหูมากเท่าไหร่นัก แถมท่าทางของเธอกลับดูไม่ค่อยเป็นมิตรเอาเสียเลย จนทำให้คนรอบข้างรู้สึกไม่ดีด้วย โดยเฉพาะน่านฟ้าที่ต้องมาทำหัตถการล้างแผลให้เธอ
"พยาบาลขออนุญาตเช็ดคราบเลือดเก่าออกก่อนนะคะ"
ความอยากสวยของสิรินภา แต่ทว่ากลับไม่ดูแลตัวเองปล่อยให้คราบเลือดแห้งเป็นก่อนแข็งเกรอะกรังเกือบปิดเต็มรูจมูก จึงต้องเป็นหน้าที่ของพยาบาลสาวที่จะต้องช่วยดูแลทำความสะอาดให้
"โอ๊ยเจ็บ เบาๆหน่อยได้มั้ยเนี่ย"
"พยายามเบามือที่สุดแล้วนะคะ คราบเลือดมันแข็งมาก มันเลยเจ็บนิดหนึ่งค่ะ คุณสิรินภา!!”
น่านฟ้าที่กำลังใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือชโลมไว้บนก้อนเลือดเพื่อให้ความแข็งที่จับกันเป็นก้อนละลายออกได้ง่ายแล้วเร็วยิ่งขึ้น แต่ทว่าลูกค้ากลับไม่ยอมเข้าใจ ส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยท่าทางไม่พอใจออกมาลั่นห้อง
15 นาทีผ่านไป
น่านฟ้าใช้เวลาเกือบ 15 นาทีในการเช็ดคราบเลือดออกจากโพรงจมูกทั้งสองข้างของสิรินภา แต่ทว่ากลับได้เพียงความไม่พอใจจากลูกค้ากลับคืนมาเท่านั้น
"คราบออกเกือบหมดแล้ว เดี๋ยวจะตัดไหมแล้วนะคะ”
พยาบาลสาวใช้เวลาในการตัดไหมในโพรงจมูกไปอย่างทุลักทุเลเมื่อสิรินภาเอาแต่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดราวกับว่าจะขาดใจตายเอาเสียให้ได้ จึงกินเวลาเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งไหมเส้นสุดท้ายหลุดออกพร้อมๆกับเลือดที่ไหลซึมออกมาจากรูไหมมาเพียงเล็กน้อย แต่กลับทำให้สิรินภาไม่พอใจน่านฟ้ามากๆ
"เลือดออกหรอ!! นี่พยาบาลทำยังไงเนี่ยฉันเจ็บนะ"
"คือเลือดมันออกตามรูของไหม...
"มันจะออกได้ยังไง เธอทำจมูกฉันเป็นแผลแน่เลยใช่มั้ย?”
สิรินภาไม่เว้นช่องว่างให้น่านฟ้าได้อธิบายเกี่ยวกับเลือดที่ไหลซึมออกมาเลยแม้แต่น้อย เธอดูตื่นตกใจเอาแต่ส่งเสียงร้องตวาดน่านฟ้าดังโวยวายลั่นภายในห้องหัตถการด้วยความโมโหสุดฤทธิ์สุดเดช
"ไม่ใช่อย่างงั้นเลยค่ะคุณสิรินภา ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ"
"ไม่เย็นแล้ว เลือดฉันออกเธอเห็นมั้ย ไปเรียกหมอมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"
แม้ว่าน่านฟ้าจะพยายามปลอบให้เธอใจเย็นลง แต่กลับไม่เป็นผล เมื่อสิรินภายังไล่ตวาดให้เธอไปตามศัลยแพทย์หนุ่มให้มาพบเธอให้เร็วที่สุด ทำให้น่านฟ้าถึงกับลอบถอนหายใจเฮือกออกมาก่อนจะเดินหนีออกจากห้องหัตถการไป
"ทำไมช่วงนี้ฉันเจอแต่คนบ้าจังเลยนะ ไม่มีเหตุผลไม่พอ ยังไม่ยอมฟังกันอีก”
พยาบาลสาวบ่นกับตัวเองด้วยท่าทางหงุดหงิด พลางเดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูลิฟต์ที่ยังคงปิดสนิทอยู่ เพื่อหาทางรับมือกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้
"เฮ้อ!! ไม่ว่าจะไปอธิบายให้หมอศรัณย์ฟังยังไง อีตาหมอบ้านี่ต้องกัดฉันอีกแน่นอนเลย"
สิ้นเสียงของพยาบาลสาว นิ้วเรียวรีบยกขึ้นกอบกุมใบหน้าเอาไว้แน่น ก่อนจะตบหน้าตัวเองเบาบางเพื่อให้มีสติคิดหาวิธีตั้งรับมือกับคน toxic ที่ชอบโยนความผิดให้คนอื่น และโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องแต่ไม่เคยโทษว่าตัวเองผิดเลยสักครั้งอย่างศรัณยูและสิรินภาต่อไป
">
