สมอง 8 พันเซลล์
ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นยะเยือกภายในห้องหัตถการ ร่างใหญ่ยังคงไม่ลดละความเกลียดชังลง เขาเดินตรงปรีเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆด้วยความโมโหสุดๆ
"นี่เธอ..."
"อะๆ อย่านะคะคุณหมอ อย่างแม้กระทั่งจะเดินเข้าใกล้น่านไปมากกว่านี้
"ยัยหน้าโง่เอ๊ย!! เธอคิดว่าเข็มแค่นี้จะทำให้ฉันกลัวหรอ? โง่ซ้ำโง่ซ้อนดีนะ"
ศรัณยูตวาดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พลางยิ้มมุมปากด้วยความสมเพชเวทนาในความโง่ของพยาบาลสาว ที่ใช้แค่ไซริงค์กับเข็มแท่งเล็กๆมาท้าทายอำนาจของเขา แต่ทว่าขาที่กำลังก้าวเขาไปใกล้เธอกลับหยุดชะงักลงเมื่อเธอยกนิ้วขึ้นสูง
"ชูวร์!!"
นิ้วชี้เรียวของพยาบาลสาวยกขึ้นแตะที่ริมฝีปาก ก่อนจะชี้นิ้วเรียวตรงไปที่กล้องวงจรปิด และตามด้วยถือกรรไกรสีแดงเข้มขึ้นมาในมือ เพื่อเตรียมพร้อมกับการปะทะในครั้งนี้ ถ้าศรัณยูยังก้าวเข้ามาใกล้เธอมากกว่าเดิม
"นะ น้องน่านใจเย็นๆลูก ใจเย็นๆ"
การกระทำของเธอ พานทำให้ริสาและศรัณยูถึงกับชะงักยืนนิ่งด้วยความตกใจ เพราะไม่มีใครคิดว่าคนอย่างน่านฟ้ามีเล่ห์เหลี่ยมกับเขาด้วย แต่ทว่าเมื่อศรัณยูได้สติกลับยิ่งโมโหเธอมากกว่าเดิม
"ยัยพยาบาลหน้าโง่ เธอคิด…"
"เอาละ คุณหมอเลิกเป็นหมาบ้าสักทีได้มั้ยคะ น่านมาเพื่อช่วยทำงานไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับหมอเลย"
พยาบาลสาวไม่เว้นแม้กระทั่งช่องว่างให้เขาได้พูดจบ เธอรีบเอ่ยสวนกลับไปในทันที พร้อมๆกับว่างไซริงค์และกรรไกรลงยังรถเข็นที่มีไว้สำหรับทำหัตถการทางการแพทย์ ก่อนจะจ้องมองดวงตาคู่คมนั้นด้วยความท้าทายและหนักแน่นกว่าเดิมที่เคยแสดงออกไป
"หึ!! ทำงานงั้นหรอ? ทำงานอะไร? เธอทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง"
"แต่น่านพร้อมเรียนรู้งานทุกอย่าง ขอแค่คุณหมอเปิดใจสอน…"
"ไม่สอนเว้ย!! พูดรู้เรื่องมั้ย ไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่ต้องมาสอนใคร โดยเฉพาะคนโง่อย่างเธอ"
ศรัณยูตวาดเสียงดังลั่นห้องหัตถการอีกครั้ง พานทำให้บรรดาพนักงานที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาลถึงกับสะดุ้ง เมื่อกำลังเอียงหูฟังการสนทนาที่เกิดขึ้นอยู่ภายในห้องด้วยความตื่นเต้นและลุ้นระทึกมากที่สุดในชีวิต
"ถ้าไม่สอนแล้วน่านจะเข้าเคสกับคุณหมอได้ยังไงละคะ ถ้าโลกใบนี้มีคนนิสัยแบบหมอศรัณย์อยู่เต็มไปหมด คนเราคงไม่ได้เรียนรู้อะไรสักอย่างหรอกค่ะ!!"
"นี่เธอกำลังว่าฉันอยู่นะยัยพยาบาลหน้าโง่"
"ใช่ค่ะ!! น่านกำลังว่าให้หมอศรัณย์คิดได้สักที"
ทันทีที่สิ้นเสียงของน่านฟ้าศรัณยูถึงกับเคล้นเสียงหัวเราะออกมาในลำคอ ด้วยสายตาที่คอยดูถูกเหยียดหยาดพยาบาลสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเอาเสียมากๆ
"เหอะ!! เธอเนี่ยหรอจะทำให้ฉันคิดได้ หน้าโง่ๆ กับสมอง 8 พันเซลล์ที่จุอยู่ในกะโหลกกลวงๆ ของเธอยังสู้หมออย่างฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ"
"เอ๊ะ หมอศรัณย์ค่ะ!!"
"สมองที่เจริญยังไม่เติมที่ของเธอสอนไปก็เหมือนคายหมากฝรั่งแปะอยู่บนผนัง ไม่ได้เรื่อง คางคกยังมีเซลล์สมองมากกว่าเธออีก ยัยหน้าโง่"
นิ้วเรียวเล็กเริ่มกำหมัดแน่น ดวงตาคู่สวยจ้องมองหน้าของหมอหนุ่มด้วยความโมโห เมื่อต้องพยายามเก็บกดความต้องการอยากจะต่อยเครื่องหน้าสวยๆของเขาสักทีสองทีเอาไว้ให้ลึกสุดใจ ก่อนจะถูกดึงสติกลับมาเมื่อศรัณยูเริ่มหันกลับไปตะคอกใส่ริสาด้วยเช่นกัน
“HR ฟังให้ดีๆนะ ผมบอกว่าต้องการพยาบาลเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งเท่านั้น แล้วได้อะไรมา พยาบาลหน้าโง่อย่างยัยนี่ ผมไม่เอาเว้ย!! โง่ๆกันแบบนี้พากันออกจากโรงพยาบาลไปทั้งคู่เลยนะแล้วไม่ต้องกลับมาอีก”
"คุณหมอศรัณย์ค่ะ ใจเย็นๆก่อนนะคะอย่างพึ่งไล่…"
"ไม่ไปค่ะ คุณหมอไม่มีเหตุผลเลยนะคะ ไม่พอใจใครก็จะไล่เขาออกอย่างเดียว ทุกคนอยู่ที่นี่ตั้งใจทำงานเพราะอยากช่วยกันให้ลูกค้าที่มาใช้บริการได้รับบริการที่ดี และยกระดับโรงพยาบาลสูงขึ้น ไม่ได้อยากมาทะเลาะกันกับคุณหมอแบบนี้ และอีกอย่างถ้าไม่มีพยาบาลคอยช่วยเหลือเคสตอนเย็นนี้ใครจะช่วยดูแลลูกค้าให้คุณหมอละคะ?"
ต่อให้น่านฟ้าจะโมโหคนพี่มากแค่ไหน แต่ทว่าสำหรับเธอแล้วเหตุผลต้องมาก่อนเสมอ เธอไม่สนใจว่าคนอื่นที่อยู่นอกห้องและศัลยแพทย์หนุ่มเจ้าอารมณ์คนนี้จะมองเธอเป็นคนแบบไหน แต่ทว่าทุกประโยคที่เธอพูดออกมานั้น มาจากจิตใต้สำนึกและความต้องการที่แท้จริงของเธอทั้งสิ้น
"เธอไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน ยัย..."
"เอาละ เอาละ พอแล้วศรัณยู หยุดก่อนๆ"
เสียงแหบของชายชราร่างสูงเอ่ยแทรกขึ้นกลางวงสนทนาในทันทีที่ยังไม่สิ้นคำพูดประโยคนั้นของศรัณยู ทำให้ทุกๆ คนที่อยู่บริเวณนั้นถึงกับต้องชะงักและหันกลับไปมองยังร่างของชายชราในชุดลายสก็อตสีแดงที่ยืนควบคู่กับเลขากันเป็นตาเดียว
"พ่อ!!"
"ผอ.!!"
ทุกสายตาต่างจับจ้องมองยังใบหน้าเหี่ยวของสุนทรีด้วยความตื่นตกใจ เมื่อเขาเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าห้องหัตถการได้สักพัก ก่อนจะได้ยินทุกการสนทนาของคนภายในห้องเฉกเช่นเดียวกันกับพนักงานคนอื่นๆที่ยืนอยู่ตรงนี้ กระทั่งเรื่องราวมันเริ่มบานปลายเมื่อลูกชายตัวดียังคงไม่ยอมเลิกหาเรื่องทะเลาะกับพยาบาลสาวที่พึ่งเข้ามาทำงานได้แค่สองวัน
"ตามฉันไปที่ห้องเดี๋ยวนี้ศรัณย์"
"พ่อ!! แต่ว่า..."
สุนทรียังคงเงียบขรึมไร้ซึ่งเสียงใดๆหลุดลอดออกมาจากเรียวปากนั้น แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นของคนเป็นพ่อกลับแสดงออกถึงความจริงจัง จนกระทั่งลูกชายถึงกับต้องหยุดชะงักทำตามคำสั่งในทันใด
"ครับ!!"
ศรัณยูตอบกลับไปเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ก่อนจะหันกลับมาจ้องใบหน้าสวยหวานของคนน้องตาแข็งขื่อ ด้วยความหงุดหงิดใจที่ถูกขัดจังหวะ ก่อนจะสะบัดตัวเดินออกไปจากห้องตามแผ่นหลังของผู้เป็นพ่อไปอย่างรวดเร็ว
10 นาทีต่อมา
ห้องทำงานผู้บริหาร
ปัง!!
ประตูห้องถูกถีบเข้ามาด้วยแรงจากฝ่าเท้าของศัลยแพทย์หนุ่ม พร้อมๆกับร่างสูงใหญ่ที่กำลังกระแทกเท้าเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทางหัวเสียสุดๆ เมื่อถูกคนเป็นพ่อขัดจังหวะในขณะต่อปากต่อคำเถียงกับพยาบาลสาวคนสำคัญในไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
"พ่อมีอะไรครับ?"
"หึ!! จะอะไรละ ก็เรื่องที่แกก่อขึ้นนี่ไง"
"ก่อขึ้น? ก่ออะไร ผมไม่ได้ก่อขึ้น ยัยบ้านั้นต่างหากที่ก่อเรื่องขึ้น"
ศรัณยูยังคงตั้งหน้าตั้งตาเถียงกับผู้เป็นพ่อฉอดๆ เมื่อเขาไม่ยอมรับความผิดกับเรื่องราวที่ตนเองเป็นคนหาเรื่องคนน้องก่อน
"เฮ้อ!! เอาละฉันไม่อยากเถียงกับแกศรัณย์"
ชายชราถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจกับลูกชายคนโตของตนเอง ที่มักจะมีนิสัยอารมณ์ร้อน ขี้เหวี่ยง ขี้วีน ปากร้ายใส่คนอื่นๆที่ด้อยกว่ามาเสมอ
"มันถึงเวลาที่แกต้องปรับทัศนคติตัวเองใหม่ ไม่ใช่จะเที่ยวเอาแต่ใจตัวเองแล้วไปไล่ด่าทอคนอื่นเรื่อยเปื่อยแบบนี้"
ตั้งแต่เด็กจนโตครอบครัวพยายามสั่งสอนและห้ามปรามนิสัยเสียของเขามาจนกระทั่งถึงตอนนี้ หมอหนุ่มยังไม่เคยแก้ไขนิสัยเดิมๆได้สักที คนเป็นพ่อได้แต่เฝ้าภาวนาว่าสักวันเมื่อศรัณยูโตขึ้นเขาจะสามารถปรับเปลี่ยนนิสัยตนเองได้ใหม่ แต่ทว่ากลับยิ่งเตลิดและทวีคูณความรุนแรงขึ้นเป็นเท่าตัว
"เฮ้อ!!…พ่อ!!"
ความเบื่อหน่ายแสดงออกมาบนใบหน้าเรียวสาย ร่างแกร่งยังคงยืนเท้าสะเอวแน่น เมื่อคนเป็นยืนพ่อจ้องหน้าเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเหนื่อยล้าจิตใจเต็มที
"การที่แกไล่ตวาดพยาบาลทุกคนไปแบบนั้นมันใช่แล้วหรอศรัณย์?"
"ทำไมจะไม่ใช่ครับพ่อ!! ก็พยาบาลพวกนั้นโฆษณาเกินจริง พอทำงานกลับไม่ได้เรื่องสักอย่าง แล้วไหนจะยัยพยาบาลหน้าโง่ที่มาใหม่นี่อีก"
ใบหน้าเรียวสวยเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดใจ เมื่อต้องพูดถึงเรื่องราวของบรรดาพยาบาลวิชาชีพที่เคยผ่านเข้ามาทำงานกับเขาในช่วงที่สาลี่ลาออกไปก่อนหน้านี้ และยังหาพยาบาลคนใหม่มาแทนไม่ได้
"เฮ้อ!! แม่หนูพยาบาลคนนั้นก็พึ่งมาประจำแทนสาลี่ได้แค่สองวันเอง!! แกจะคาดหวังอะไรขนาดนั่นละ?"
ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกถอนออกจากริมฝีปากของสุนทรี ที่แสดงออกถึงท่าทางเหนื่อยล้าและเบื่อหน่ายกับบุตรชายเอาเสียมากๆ เมื่อเรื่องราวที่ศรัณยูคอยไล่ตวาดพยาบาลคนอื่นๆและน่านฟ้าออกจากโรงพยาบาล ถูกซุบซิบนินทาหนาหูมาถึงตำแหน่งผู้บริหารของโรงพยาบาลเช่นเขา
"ก็ใช่ไงครับพ่อ รับมาได้ยังไงก็ไม่รู้ ยัยเด็กบ้านั้นไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนเลยสักนิด แถมยังปากเก่งเถียงฉอดๆ เถียงคำไม่ตกฟากทุกคำเลย"
"ฮ่าๆ นี่มันมวยถูกคู่จริงๆเลยว่ะ"
เสียงเค้นหัวเราะคลอเคลียกับคำพูดเบาบางเล็ดลอดออกจากปากของผู้เป็นพ่อ เมื่อสุนทรีนึกถึงฝีปากกล้าของน่านฟ้าที่กำลังเถียงบุตรชายของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตายในห้องหัตถการที่ผ่านมาไม่กี่นาทีนี้
"อะไรนะครับ?"
เสียงอู๋อี๋ในลำคอของสุนทรี ทำให้ศรัณยูถึงกลับต้องถามซ้ำอีกครั้ง เมื่อเขาได้ยินไม่ถนัดหู ก่อนจะชักสีหน้าสงสัยราวกับว่าสุนทรีกำลังนินทาเขาที่กำลังยืนอยู่ซึ่งๆหน้าในระยะเผาขนขนาดนี้
"เปล่า แกก็เพลาๆลงบ้าง ทำแบบนี้ใครเขาจะทนทำงานอยู่กับแกได้ศรัณย์
“…”
“แกลองให้โอกาสแม่หนูพยาบาลคนนั้นได้ทดลองทำงานสัก 3 เดือนก่อนสิ ถ้าไม่เวิร์คจริงๆ ก็แค่หาใหม่ไง"
"ไม่เอาครับพ่อ มันเสียเวลาชีวิตของผม มองแว็บแรกก็รู้แล้วว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง สมองยังพัฒนาน้อยกว่าคางคกอยู่เลย"
เมื่อเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของบุตรชายสุนทรีได้แต่กุมขมับ เมื่อรู้อยู่ภายในใจอยู่แล้วว่าการหาพยาบาลวิชาชีพที่มีประสบการณ์ด้านความงามและทำงานเข้ากับลูกชายของเขาได้นั้น เป็นเรื่องที่ยากเอามากๆ ต่อให้งบเข็มในมหาสมุทรยังดูง่ายกว่าให้หาพยาบาลเข้าเคสได้ถูกใจศรัณยู
"แกต้องรู้จักใจเย็นๆบ้างนะศรัณยู ต้องรู้จักให้โอกาสคนอื่นบ้าง!!"
"โธ่พ่อ!! เราควรให้โอกาสคนที่เป็นงานมากกว่ามั้ยครับ?"
"เป็นงานแต่ไม่มีใจมุ่งมั่น และอดทนแบบแม่หนูพยาบาลคนนั้นนะหรอ มันไม่มีประโยชน์หรอกนะศรัณย์ ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว"
"เฮ้อ!!"
ศรัณยูถึงกับถอนหายใจใหญ่ออกมา เร่งทรุดตัวหนานั่งลงที่โซฟาด้วยความเหนื่อยหน่ายและหงุดหงิดใจที่จะต้องเถียงกับคนเป็นพ่อในเวลานี้
"ต่อให้เก่งเป็นงานสักแค่ไหน ใครมาแกก็ไล่เขาไปหมด ทำงานดีให้ตายแค่ไหนไม่มีใครถูกใจแกทั้งนั้นแหละ ขนาดสาลี่ยังโดนแกกินหัวอยู่ทุกวี่ทุกวันมาไม่รู้กี่ปีมาแล้ว"
เมื่อคนเป็นพ่อเห็นว่าเขาเงียบ และกำลังครุ่นคิดตามคำพูด ชายชราจึงพยายามพูดโน้มน้าวจิตใจของลูกชายให้ยอมรับความเป็นจริงเสียที
"แกกำลังเติบโตขึ้นทุกวัน พ่อก็กำลังแกชราลงทุกวันเช่นกัน อีกไม่นานโรงพยาบาลของเราต้องเป็นของแก แต่การที่แกจะขึ้นเป็นใหญ่ในวันข้างหน้า แก่ต้องมีจิตใจที่โอบอ้อมอารี มีเหตุมีผลกว่านี้ศรัณยู แต่ถ้าแกยังคงเป็นแบบนี้อยู่นะ ตายแน่ๆ เจ๊งแน่ๆ"
"..."
ต่อให้สุนทรีพูดจาไม่เป็นมงคล แต่ทว่าสิ่งที่คนเป็นพ่อพูดมาทั้งหมดมันคือเรื่องจริงล้วนๆ
"พ่อเห็นความมุ่งมั่นในสายตาของแม่หนูพยาบาลคนนั้น ให้โอกาสน้องได้ทำงานเถอะนะศรัณย์"
"แต่พ่อครับ..."
ร่างสูงใหญ่รีบดีดตัวขึ้นจากโซฟา เพื่อคัดค้านความต้องการของผู้เป็นพ่อ แต่ทว่ากลับถูกพูดแทรกขึ้นก่อนศรัณยูจะพูดจบประโยค
"พ่อขอร้องนะศรัณย์!! แกต้องค่อยๆใจเย็นๆ ค่อยๆสอนและเรียนรู้กันไปกับแม่หนูคนนั้น เห็นแก่ครอบครัวและโรงพยาบาลของเราที่กำลังไปได้ดีนะลูก"
"เฮ้อ!!"
ฝ่ามือเหี่ยวตบลงยังไหล่กว้างของบุตรชายอย่างเบามือ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เพื่อให้ศรัณยูได้คิดทบทวนในสิ่งที่ตนเองได้พูดเอาไว้จากการสนทนา
"เออก็ได้วะ!! ถึงพ่อฉันจะให้โอกาสเธอทดลองงาน 3 เดือน แต่ฉันจะทำให้เธออยู่ไม่ถึง 3 เดือนเอง ยัยหน้าโง่"
ถึงแม้จะจำใจต้องยอมให้โอกาสน่านฟ้าตามคำขอของคนเป็นพ่อ เพราะเห็นกับครอบครัวและโรงพยาบาลที่กำลังเติบโตไปได้ดีในอนาคต แต่ทว่านัยน์ตาคู่คมและใบหน้าเรียวสวยกลับแสยะยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ เมื่อพลันนึกถึงแผนการหลายๆอย่างที่จะเฉดหัวพยาบาลสาวทิ้งลงข้างทางในเวลาไม่เกิน 3 เดือนต่อจากนี้ไป
Talk
ใจเย็นๆกับน้องหน่อยพ่อ!! ตกตีกันพอประมาณก็พอแล้ว555
กดไลน์ กดคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้หน่อยน๊าาาา จะพยายามอัพทุกๆวันต่อจากนี้เลยงับ
