มัดมือชก
เช้าวันต่อมา
โรงพยาบาล BDM
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะที่สุนทรีกำลังดื่มด่ำอยู่กับกาแฟสูตรโปรดปรานที่เลขาคนสนิทนำมาให้ก่อนหน้านี้ ใบหน้าเหี่ยวรีบหันกลับไปมองยังบานประตูกะทันหันก่อนจะเปล่งเสียงเล็ดลอดออกไปเพื่ออนุญาตให้คนข้างนอกเข้ามา
"เข้ามา!!"
บานประตูนั้นเปิดกว้างมากขึ้น สุนทรีถึงกับเผยยิ้มกว้างบนใบหน้าในทันทีที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าไม่พอใจมากนัก
"ผมยอมไปกับยัยหน้าโง่นั้นก็ได้"
สุนทรยิ้มออกมามุมปากราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้ศรัณยูจะต้องเข้ามาและยอมสยบให้กับความต้องการของเขาที่ได้บอกไปเมื่อวาน
"อะไรทำให้แกเปลี่ยนใจได้ศรัณยู?"
"เพราะเห็นแกโรงพยาบาลเราไงครับ!!"
"แน่ใจว่าแค่นั้นจริงๆ"
ชายชรายิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยแต่ทว่าเขากลับไม่อยากคะยั้นคะยอเอาคำตอบจากบุตรชายมากนัก เพราะกลัวว่าศรัณยูอาจจะเปลี่ยนใจในภายหลังได้
"ดี ฉันไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่นักหนาหรอกว่าเพราะสาเหตุอะไร แต่ถ้ายึดความเป็นส่วนรวมมากกว่าตัวเองก็ถือว่าแกมีความรับผิดชอบในระดับที่ดี"
สิ้นเสียงของผู้เป็นพ่อศรัณยูรีบหันหลังเดินก้าวขาออกจากห้องไปในทันทีด้วยความไม่พอใจ แต่ทว่ากลับสร้างรอยยิ้มและความพึงพอใจให้กับสุนทรีมากที่สุดในเช้าของวันนี้
ร้านอาหารในโรงพยาบาล
เวลา 12.10 นาที
ร้านอาหารขนาดกลางที่เต็มไปด้วยพนักงานของโรงพยาบาลกำลังต่อแถวกันสั่งซื้ออาหารกลางวันอย่างชุลมุนวุ่นวายโดยไม่มีใครได้สนใจร่างของชายชราที่กำลังเดินเข้ามาภายในร้านอาหารเงียบๆ พร้อมกับเลขาคนสนิทก่อนจะมายืนหยุดอยู่แผ่นหลังของพยาบาลสาวที่คุ้นเคย
"อ้าว สวัสดีค่ะอาจารย์"
น่านฟ้ารีบวางจานอาหารลงบนโต๊ะในทันใด ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ชายชราผู้อาวุโสกว่าด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรและท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตัว
"สวัสดีหนูน่านฟ้า เจอตัวหนูก็ดีเลย ผมจะแจ้งเรื่องไปเชียงใหม่พรุ่งนี้"
"ค่ะอาจารย์?"
น่านฟ้าถึงกับคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย และความกังวลกลัวว่าโอกาสครั้งนี้ของเธอจะถูกปฏิเสธและถูกยกเลิกไปก่อนถึงวันนัด
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ไฟล์บิน 9 โมงไปพร้อมๆกับศรัณย์เลยนะ"
"อะ อะไรนะคะ?"
ดวงตาคู่กลมเปิดกว้างมากขึ้นพร้อมกับกะพริบตาปริบๆทันทีด้วยความตื่นตกใจ เพราะเธอไม่คิดว่าคนอย่างศรัณยูจะยอมไปกับเธอได้ง่ายๆ เมื่อใครๆต่างรู้ดีว่าเขาและเธอนั้นจ้องจะทะเลาะกันตลอดเวลา
"หนูฟังไม่ผิดหรอก ผมให้ศรัณย์ไปด้วย เพื่อไปดูงานกับเพื่อนผม"
ถึงแม้ว่าภายในใจของสุนทรีจะรู้ดีว่าทั้งสองไม่ค่อยสมานฉันท์กันแต่ควรจะเห็นส่วนรวมมากกว่าเรื่องอคติส่วนตัว
"หนูไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?"
"ค่ะอาจารย์ แต่ว่าหมอศรัณย์จะยอมไปกับน่านเหรอคะ?"
"หึหึ!!"
ชายชราได้แต่หัวเราะออกมาบางเบา ใบหน้าเหี่ยวฉีกยิ้มกว้างให้กับพยาบาลสาวด้วยความโล่งอกขึ้นมาในระดับหนึ่ง เมื่อรู้ว่าน่านฟ้าไม่ปฏิเสธโอกาสที่เขาหยิบยื่นไปให้
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก หนูเตรียมตัวเถอะนะ"
พูดจบสุนทรรีบเดินจากน่านฟ้าออกไปพร้อมกับเลขาคู่ใจคนสนิททิ้งไว้แค่พยาบาลสาวที่ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกเป็นกังวล เมื่อต้องไปกับศัลยแพทย์หนุ่มเจ้ามากเรื่อง แทนที่จะได้รับประสบการณ์จากการดูงานกลับมาประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาล กลายเป็นว่าอาจจะเกิดโศกนาฏกรรมที่เชียงใหม่ได้ค่อนข้างสูงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยก็ได้
"อะไรวะเนี่ย หมอศรัณย์ไปด้วยจริงๆหรอ?"
"แต่ช่างเถอะ คิดซะว่าเราไปเอาประสบการณ์แล้วกัน"
เมื่อความต้องการมีมากกว่าความเกลียดชัง เธอเริ่มเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ยอมเปลี่ยนความคิดและทัศนคติใหม่มองไปในทางที่ดีขึ้น ก่อนจะรีบคว้าจานข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารไปเข้าชั้นเหมือนเดิม
เช้าวันเสาร์
เวลา 07.10 นาที
แสงสว่างอยู่ภายนอกตัวคอนโดส่องแสงลอดผ่านผ้าม่านเข้ามายังห้องนอนของหญิงสาว กระตุ้นเปลือกตากลมค่อยๆลืมตาขึ้นมองสภาวะรอบๆห้อง แต่ทว่ากับต้องสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เธอจะต้องรีบไปขึ้นเครื่องไปเชียงใหม่พร้อมๆกับศัลยแพทย์หนุ่มจอมมากเรื่อง หญิงสาวรีบคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาดูเวลาอย่างกะทันหัน ก่อนจะสะดุ้งตกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อมันบ่งบอกเวลา 7 โมงเช้ากว่าแล้ว
"ตายแล้ว สายแล้ว"
ร่างเล็กอรชรรีบตะเกียกตะกายลงจากเตียงนอนอย่างทุลักทุเล เธอตั้งใจจะรีบวิ่งเข้าไปห้องน้ำอาบน้ำให้เร็วที่สุด แต่ทว่าต้องเสียอาการเมื่อสะดุดกับอะไรบางอย่าง
โครม!!
"โอ๊ย!! เจ็บจัง อือ!!"
เท้าเล็กเกาะเกี่ยวกับผ้าห่มล้มลงข้างเตียงอย่างรุนแรง ทำให้หญิงสาวต้องร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดเมื่อหัวเข่าทั้งสองข้างกระแทกลงที่พื้น จำเป็นต้องนั่งลูบหัวเข่าตัวเองอยู่อย่างนั้นนานสักพักก่อนจะรีบลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำในทันใด
สนามบิน
ร่างใหญ่ยังคงเดินวนไปวนมาอยู่หน้าทางเข้าของสายการบินชื่อดังด้วยความกังวลใจ เมื่อใกล้ถึงเวลาเข้าเครื่องขึ้นแล้ว แต่ทว่าพยาบาลสาวคู่เวรคู่กรรมยังไม่โผล่หัวมาตามเวลาที่ได้นัดกันเอาไว้ในตอนนี้
"ยัยหน้าโง่เอ๊ย เมื่อไหร่จะโผล่หัวมาสักทีวะ อย่าบอกนะว่าตื่นสายเนี่ย"
ภายในใจของศรัณยูเริ่มรู้สึกกังวล โดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวว่าทำไมจะต้องรู้สึกหัวเสียและหงุดหงิดใจที่ไม่ได้เจอเธอในวันนี้ ยิ่งเขาจ้องมองนาฬิกาเรือนหรูที่อยู่บนข้อมือของตนเองยิ่งทำให้ศรัณยูรู้สึกหงุดหงิดและหัวเสียมากขึ้นในขณะเดียวกัน
"จะหงุดหงิดทำไมวะ ยัยนั้นตกเครื่องก็ดีแล้วปะ จะได้ไม่ต้องไปด้วยน่ารำคาญจะตาย"
เสียงพร่ำบ่นบอกกับตัวเองบางเบา เมื่อเขาควรจะดีใจเสียอีกที่ไม่มีเธอไปคอยขวางหูขวางตาเขาที่เชียงใหม่
"เชิญผู้โดยสารที่จะเดินทางไปท่าอากาศยานเชียงใหม่ขึ้นเครื่องค่ะ ฯลฯ"
เสียงเจ้าหน้าที่อยู่หน้าประตูทางเข้าเครื่องประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องในเวลาที่กำหนด ทำให้ศรัณยูยิ่งร้อนรนใจมากยิ่งขึ้นอย่างลืมตัว สายตาคู่คมคอยสอดส่องจ้องมองไปยังทางเข้าของสนามบินหลายต่อหลายครั้ง ไร้ซึ่งเงาของพยาบาลสาวเช่นเคย จนกระทั่งเขาเริ่มถอดใจหันหลังกลับไปเดินต่อแถวเพื่อขึ้นเครื่องในเวลาต่อมา
"หมอศรัณย์ค่ะ!! หมอศรัณย์!! รอน่านด้วย"
ร่างเล็กวิ่งสะพายกระเป๋าตาลีตาเหลือกมาหาเขาได้ทันเวลาพอดิบพอดี พานทำให้ศรัณยูถึงกลับลอบถอนหายใจด้วยความวุ่นวายใจที่เห็นสภาพผมยุ่งเหยิงของคนน้อง แต่ทว่าเขากลับรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่เกลียดขี้หน้าเธอจะเป็นจะตาย
"เธอนี่มันนอกจากหน้าโง่แล้วยังไม่มีระเบียบวินัยเลยจริงๆ"
"เฮ้อ!! ขอโทษค่ะน่านลืมตั้งนาฬิกาปลุก"
"ทำไมไม่ถอดใจไปซะ จะมาทำไมเกะกะลูกตา มาทำไมก็ไม่รู้ น่ารำคาญจริงๆเลย"
ศรัณยูกัดฟันกร่อน ถึงจะโมโหคนน้องแต่ทว่าเขาทำได้แต่พูดกับน่านฟ้าเสียงบางเบา เพราะกลัวว่าผู้โดยสารคนอื่นๆจะมาได้ยิน ก่อนจะสะบัดตัวเดินห่างน่านฟ้าไปอย่างไร้เยื่อใย
2 ชั่วโมงผ่านไป
เชียงใหม่
โรงแรม Viva
"สวัสดีค่ะ"
เสียงพนักงานต้อนรับเอ่ยทักทายสองร่างที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เพื่อติดต่อเช็กอินเข้าที่พักตามเวลาที่กำหนด
"ผมมาเช็กอินตามที่จองไว้ครับ!!"
"จองไว้ในชื่อคุณอะไรคะ?"
"ศรัณยูครับ!!"
"รอสักครู่นะคะ"
หลังจากที่พนักงานตรวจสองรายชื่อการจองในระบบโรงแรมกลับต้องขมวดคิ้ว เมื่อไม่พบชื่อของศรัณยูจองเข้ามา
"เอ๊ะ!! ไม่มีชื่อคุณศรัณยูจองห้องมาในระบบนะคะ"
"ไม่มีงั้นหรือครับ?"
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยท่าทางครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะหันกลับไปมองใบหน้าหวานของคนน้องด้วยความงุนงง
"งั้นลองเป็นชื่อมาริสาได้มั้ยค่ะ?"
สิ้นเสียงของน่านฟ้าพนักงานพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธออย่างเบาบาง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อไป
"คุณมาริสา จองห้อง Grand Superior ไว้ 1 ห้องนะคะ?"
"เดี๋ยวนะครับ แค่ 1 ห้องเองเหรอครับ?"
ใบหน้าเรียวสวยแสดงออกถึงความตกใจมากที่สุดเมื่อพนักงานแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการจองห้องไว้เพียงแค่หนึ่งห้องเท่านั้นซึ่งต่างจากสิ่งที่เขาคิดไว้ ศรัณยูจึงถามย้ำกับพนังงานต้อนรับอีกครั้ง
"ใช่ค่ะ? ดิฉันดูในระบบจองเป็นชื่อคุณมาริสาจองไว้แค่ 1 ห้องเท่านั้นค่ะ"
ยิ่งได้รับคำยืนยันจากพนักงานสาวยิ่งทำให้ศรัณยูถึงกับควันออกหูใบหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่ทางฝ่ายบุคคลจองห้องมาแค่ห้องเดียวโดยที่เขาเองก็ยืนยันกับผู้เป็นพ่อไปแล้วว่าจะมาที่นี่พร้อมกับน่านฟ้าด้วยคน
"งั้นผมขอห้องเพิ่มอีกหนึ่งห้องครับ!!"
"ต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณผู้ชายเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลและช่วงไฮซีซั่นของเชียงใหม่ ตอนนี้ห้องเราถูกจองเต็มหมดแล้วค่ะ"
"อะไรนะครับ?"
"ห้องเต็มหมดแล้วค่ะ"
น้ำเสียงที่อ่อนหวานของพนักงานสาว ทำให้ศรัณยูถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความโมโหก่อนจะหันหลังเดินกลับออกมาด้วยท่าทางหัวเสียสุดๆ เมื่อไม่มีห้องว่างสำหรับเขา ด้วยความเจ้าอารมณ์ศัลยแพทย์หนุ่มรีบยกมือถือขึ้นมากดทัชสกรีน ก่อนจะโทรหาใครสักคนด้วยท่าทางหงุดหงิดสุดชีวิต
"ฮะ ฮัลโหลค่ะคุณหมอ?"
"จองห้องอะไรของ HR วะ ทำไมจองไว้แค่ห้องเดียวห๊ะ?"
น้ำเสียงดุดันกระแทกส่งไปยังปลายสายที่กำลังอึกๆอักๆด้วยความตกใจ
"ห้องอะไรคะ คุณหมอ?"
"ก็ห้องที่เชียงใหม่นี่ไง ถ้าโรงแรมนี้มันไม่มีห้องทำไมไม่ไปจองที่โรงแรมอื่นวะ"
"เชียงใหม่หรือคะ? เอ๊ะเดี๋ยวนะคะ คุณหมอไปทำอะไรที่เชียงใหม่ค่ะ?"
ยิ่งศรัณยูพูดมายิ่งทำให้ริสางงกันไปใหญ่ เพราะจากข้อมูลที่เธอได้รับมาจากเลขาส่วนตัวของสุนทรีคือมีเพียงน่านฟ้าคนเดียวที่ไปดูงานที่เชียงใหม่ ไม่มีใครแจ้งรายละเอียดกับนิสาเลยว่ามีศรัณยูไปด้วยอีกคน
"ก็มาดูงานนะสิ พ่อผมไม่ได้บอกคุณไว้หรือยังไงห๊ะ?"
"ผอ. ไม่ได้แจ้งริสาว่าคุณหมอศรัณย์จะไปด้วย ริสาเลยจองไว้ให้แค่น้องน่านคนเดียวค่ะคุณหมอ!!"
"อะไรนะ? โธ่เว้ย!!"
ยิ่งได้รู้ความจริงทำให้ศรัณยูยิ่งโมโหเขาไปกันใหญ่ แต่ทว่าจะให้เขานอนห้องเดียวกันกับน่านฟ้าคงเป็นเรื่องยาก และจะไม่มีวันที่เขาจะต้องนอนร่วมกันกับน่านฟ้าแน่นอน ก่อนจะรีบตัดสายไปในทันทีด้วยความหัวเสียสุดขีด และกดโทรศัพท์มือถือโทรหาใครสักคนอีกครั้ง
"ฮัลโหล?"
"พ่อขอร้องให้ผมมา แล้วทำไมพ่อไม่บอกให้ฝ่ายบุคคลจองห้องไว้ให้ผมครับ"
ด้วยความโมโหทำให้ศรัณยูตะคอกใส่ปลายสายที่ส่งตรงไปยังสุนทรีที่ยังคงยิ้มหน้าระเรื่ออยู่อีกฝั่งด้วยความพึงพอใจ
"โธ่เอ๊ย!! ฉันลืมว่าแกก็ไปด้วยคน ฉันขอโทษจริงๆศรัณย์”
"พ่อ!! มันจะลืมได้ยังไงในเมื่อผมบอกพ่อไปแล้ว โอ้พระเจ้า!!"
นิ้วยาวถึงกลับต้องกุมขมับแน่น พลางอุทานออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายจิตใจสุดๆในตอนนี้
"แก ก็เปิดห้องใหม่สิมันจะไปยากอะไรศรัณยู"
"มันยากตรงที่ห้องมันเต็มแล้วนะสิครับพ่อ"
"งั้นแก..."
เขาไม่รอให้ผู้เป็นพ่อได้พูดจบประโยค ศรัณยูรีบตัดสายสุนทรีในทันทีก่อนจะกำหมัดแน่น เพื่อควบคุมสภาวะอารมณ์ของตนเองให้คงที่ก่อนที่จะระเบิดออกมา พลางหันกลับมาจ้องมองใบหน้าหวานของคนน้องที่ยืนมองเขาด้วยความเหนื่อยหน่ายจิตใจเช่นกัน
"มองอะไรไปขึ้นรถ ฉันจะไปหาโรงแรมอื่น"
ด้วยความหัวเสียศรัณย์อยู่รีบเดินไปขึ้นรถที่เช่ามาจากสนามบิน พร้อมๆกับร่างเล็กที่กุลีกุจอวิ่งตามเขาไปขึ้นรถอย่างทุลักทุเล ก่อนที่รถยนต์จะขับพุ่งตัวออกไปยังโรงแรมอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียง
"มันต้องมีสักที่สิวะ"
เขาใช้เวลาตรวจดูรายละเอียดของโรงแรมในเว็บไซต์ต่างๆ วนไปวนมาหลายๆรอบ และยังเสียเวลาขับรถหาหลายโรงแรมที่ถูกใจ แต่ก็ไม่มีที่ไหนว่างได้ตรงตามความต้องการของเขาเลยสักที ถึงแม้จะมีแต่ทว่ากับเป็นส่วนของโรงแรมขนาดเล็ก เช่น ม่านรูด เป็นต้น
Talk
หาให้ได้นะพ่อ หาให้เจอนะโรงแรมในฝันอะ5555
อย่านะ อย่าให้เห็นนะ!!
