บท
ตั้งค่า

ความวุ่นวายใจ

ห้องประชุม

"เอาละๆ อย่าไปสนใจศรัณยูเลย ลูกชายผมชอบเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้แหละ ประชุมกันต่อเถอะ"

หลังจากที่ศรัณยูออกไปจากห้องทุกคนกลับมาพูดคุยถึงรายละเอียดข้อผิดพลาดกันต่อเนื่องจากเดิมและช่วยกันเสนอแนวทางในการแก้ไขเรื่องนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเกิดขึ้นอีกในอนาคต

"หนูพยาบาล"

"ค่ะ อาจารย์"

"จากที่ผมได้ฟังๆเรื่องราวทั้งหมดมาแล้วนี่นะ หนูยังมีปัญหาเรื่องการตัดไหมที่จมูกอยู่ใช่มั้ย?"

สุนทรถามขึ้นด้วยท่าทางเป็นห่วงก่อนจะถอดแว่นตาออกจากใบหน้าที่เหี่ยวย่นและวางมันลงที่พื้นโต๊ะของห้องประชุมด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้า

"ใช่ค่ะ!! อาจารย์"

"ผมมีเพื่อนเป็นศัลยแพทย์ฝีมือดีอยู่ที่เชียงใหม่ หนูสนใจอยากจะไปเรียนรู้กับเพื่อนผมในเสาร์อาทิตย์นี้มั้ยละ?"

น่านฟ้าที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุนทรีอุตส่าห์มอบโอกาสและประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่ไหนอีกให้กับเธอง่ายๆแบบนี้

"สนใจค่ะ!! สนใจมากๆเลยค่ะอาจารย์!!"

"หึ!! งั้นดีเลย"

เมื่อเห็นแววตาและท่าทางของน่านฟ้าที่เปล่งประกายความต้องการและความใฝ่รู้ออกมาอย่างเห็นได้ชัดผ่าน ทำให้สุนทรีย์ฉีกยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจที่เขาเลือกที่จะให้โอกาสเธอได้ทำงานในโรงพยาบาลมากกว่าขับไล่เธอออกไปจากโรงพยาบาลของเขาเพียงเพราะความผิดพลาดเพียงแค่หนึ่งครั้งเท่านั้น

"เอาละเรื่องที่เหลือก็ตามนั้นเลยนะ ส่วนหนูพยาบาลเตรียมตัวได้เลย"

สุนทรีย์สั่งการและประสานงานให้กับทีมบริหารที่เกี่ยวข้องนำเรื่องราวและแนวทางการแก้ไขไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มทยอยออกจากห้องประชุมไปเหลือไว้เพียงแค่ไม่กี่คนที่ยังคงเก็บของอยู่

"อะ อาจารย์ค่ะ!!"

เสียงเรียกสุนทรีย์ดังแทรกขึ้นจากด้านหลัง เมื่อเขากำลังจะเดินพ้นบานประตูออกไปจากห้องประชุม ทำให้ใบหน้าเหี่ยวหันกลับมามองจ้องพยาบาลสาวด้วยความสงสัย

"น่านขอบคุณมากๆนะคะอาจารย์!! ที่เมตตาและให้โอกาสน่านทำงานต่อ"

"คนเราต่างเคยทำผิดพลาดกันมาทั้งนั้น  แต่ถ้าผิดแล้วรู้จักยอมรับผิด ปรับปรุงและรู้จักค้นคว้าหาความรู้และพัฒนาตัวเองถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ"

"ค่ะอาจารย์"

สุนทรีส่งยิ้มจางๆให้กับพยาบาลสาว ทำให้น่านฟ้ารู้สึกโล่งอกและอบอุ่นใจมากขึ้นที่ได้รับความเมตตาและโอกาสจากสุนทรีอีกครั้ง เธอตั้งใจจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองได้รับประสบการณ์มากที่สุดและนำ กลับมาใช้พัฒนาฝีมือของตนเอง เพื่อยกระดับการบริการในโรงพยาบาลนี้ให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

"เอาละ เรื่องรายละเอียดทุกอย่างในการดูงาน ผมจะให้ริสาเป็นคนจัดการทั้งหมดแล้วกันนะ"

"ได้ค่ะ ผอ!!"

ชายชราหันกลับมาสั่งการและรายละเอียดทุกอย่างกับริสา ให้เป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเลขาคู่ใจที่ดูแลกันมานานเกือบ 4 ปี

"น้องน่าน ได้โอกาสแล้วสู้ไปด้วยกันนะลูก"

"ค่ะพี่ริสา"

รองอวบอั๋นของริสารีบเดินตรงเข้ามากุมมือของคนน้องด้วยความห่วงใย คอยส่งกำลังใจให้กับนางฟ้าด้วยรอยยิ้มและคำพูดที่เสริมสร้างพลังบวกให้กับพยาบาลสาวได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ทั้งสองร่างจะเดินออกจากห้องประชุมไปในเวลาต่อมา

ลานจอดรถ VIP ของโรงพยาบาล

ร่างสูงโปร่งของชายชราที่กำลังจะเดินขึ้นรถที่เลขาจัดเตรียมไว้ให้แต่สายตากลับหันไปเจอร่างของศัลยแพทย์หนุ่มที่คุ้นเคยเดินออกมาจากภายในตัวอาการด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก

 "ศรัณย์หยุดก่อน!!"คนเป็นพ่อจึงรีบเข้าไปทักทายก่อนที่ศรัณยูจะกลับคอนโดไป

"พ่อมีอะไรอีกครับ?"

ใบหน้าเรียวสวยยังคงแสดงออกถึงความหงุดหงิดใจเมื่อถูกคนเป็นพ่อขัดใจตั้งแต่อยู่ในห้องประชุมเมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"เสาร์ อาทิตย์นี้ เพื่อนฉันที่เชียงใหม่เขาจะเปิดให้ความรู้ในเรื่องของการเย็บแผลที่จมูกและแนวการตัดไหมที่ถูกต้อง ฉันอยากให้แกไปดูงานเพื่อเป็นประสบการณ์และนำมาปรับใช้กับโรงพยาบาลของเรา"

"ที่ผ่านมาผมก็ทำได้ดีมาตลอดนิครับ ทำไมต้องไปดูกับคนอื่นด้วย ไม่เข้าใจ?”

เขาตอบผู้เป็นพ่อไปด้วยท่าทางหัวเสีย เมื่อความต้องการของผู้เป็นพ่อไม่ตรงตามความต้องการของเขาเองในเวลานี้

"แกอยากทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วแบบนี้ มันไม่มีผลดีกับตัวแกเอง และโรงพยาบาลของเราเลยนะ"

"เฮ้อ!!"

"พ่ออยากให้แกไปดูงานเพื่อเอาไอเดียมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในโรงพยาบาลเรา ไม่ใช่ให้แกทำตัวเย่อหยิ่งผยองแบบนี้"

ร่างใหญ่ถึงกลับต้องยืนเท้าสะเอวด้วยความหงุดหงิดใจ พลางหันหน้าไปทางอื่นราวกับว่าไม่อยากที่จะสนใจคนเป็นพ่อที่ยืนคุยกับเขาอยู่ตรงหน้า

"เอาละ ถ้าแกไม่ตอบก็เตรียมตัวไว้ละกันเสาร์อาทิตย์นี้ ไปพร้อมๆกับหนูน่านฟ้าเลย"

"ห๊ะ!! เดี๋ยวๆนะครับ พ่อจะให้ผมไปกับยัยหน้าโง่นั้นเหรอ? ผมไม่ไป ไม่เอาด้วยหรอก”

ศรัณยูรีบปฏิเสธพ่อขึ้นในทันทีที่รู้ว่าเขาจะต้องไปกับใคร ต่อให้หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาจะไม่ยอมไปกับคนน้องอย่างแน่นอน

"แกอย่าเอาอคติส่วนตัวมารวมกับงานศรัณย์ แยกแยะให้ออกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานส่วนรวม"

"ผมไม่ได้รวมครับพ่อ แต่จะให้ผมไปกับยัยนั้นผมไม่ไป ยังไงก็ไม่ไปแน่นอน!!"

ร่างใหญ่เริ่มหงุดหงิดขึ้นอีกครั้งเมื่อพ่อยังคงหว่านล้อมให้เขาไปกับคนที่เกลียดชังขี้หน้ามากที่สุดในเวลานี้

"ฉันละเบื่อนิสัยของแกจริงๆศรัณย์"

"แต่พ่อครับ พ่อจะให้…"

"แกก็รู้ว่าต่อไปในอนาคตไม่ไกลนี้ แกต้องขึ้นเป็นใหญ่ในโรงพยาบาล แต่ถ้าแกยังคงเป็นแบบนี้อยู่โรงพยาบาลคงไม่ไปถึงไหนสักที เฮ้อ!! ถ้ายัยสารินเอาดีทางนี้ได้เหมือนแกก็คงดี"

"พ่อหมายความว่ายังไง?"

สิ้นสุดเสียงของสุนทรีย์ศรัณยูถึงกับหันมาจ้องมองใบหน้าเหี่ยวย่นของคนเป็นพ่อตาแข็งขื่อ เมื่อเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดภายในใจเพิ่มขึ้นจนทำให้เกิดความโมโห เมื่อพ่อพูดราวกับว่าถ้าน้องสาวของเขาไม่เอาดีทางด้านอื่นจะยกโรงพยาบาลให้สารินขึ้นเป็นใหญ่แทนเขาในอนาคต

"แกกับน้องนิสัยต่างกันลิบลับ แกไม่คิดสงสัยบางหรอกศรัณย์ว่าทำไมฉันแก่ปูนนี้แล้วยังไม่วางมือสักที ต้องมานั่งค่อยดูแลโรงพยาบาลอยู่อย่างนี้ แทนที่จะได้ใช้ชีวิตบั้นปลายสบายๆกับแม่ของแก"

ศรัณยูถึงกับชะงักกับคำพูดของสุนทรี ก่อนจะกวาดสายตาคมจ้องมองลงพื้นของลานจอดรถพร้อมๆกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

"เป็นเพราะแกไง"

"เพราะผม ทำไม?"

ใบหน้าเรียวสวยหันกลับมาจ้องมองสบตาผู้เป็นพ่ออีกครั้งพร้อมกับคิ้วหนาทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

"เพราะแกนิสัยแบบนี้ไง ฉันถึงไม่กล้ายกโรงพยาบาลให้แก"

"อะไรนะ?"

"ฉันเคยเชื่อมาตลอดว่าถึงเวลาที่แกโตขึ้น แกจะคิดเปลี่ยนแปลงนิสัยเสียๆของตัวเองได้สักที แต่ฉันคิดผิด"

"พ่อ!!"

เมื่อได้ฟังความคิดเห็นจากผู้เป็นพ่อทำให้ศรัณยูถึงกับอุทานเสียงดัง เพราะไม่คิดว่าสุนทรีจะกล้าต่อว่าเขาขนาดนี้ นิ้วแกร่งรีบกุมขมับตัวเอง พร้อมกับออกแรงบีบมันแน่นด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองจิตใจ

"ไว้แกปรับปรุงตัวเองได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคุยกันเรื่องบริหารโรงพยาบาล"

ร่างสูงโปร่งของชายชราเดินห่างไปจากเขาในทันทีที่พูดจบ  แต่ทว่าสุนทรีกับเดินไปได้ไม่กี่ก้าวต้องหยุดชะงัก

"อย่าลืมวันเสาร์อาทิตย์นี้แล้วกัน ฉันให้คนจองทุกอย่างไว้แล้ว"

"ยังไงผมก็ไม่ไปกับยัยนั้นแน่ๆ"

"หึ!!"

รอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้าเหี่ยวของชายชรา รีบเดินห่างจากลูกชายไปพร้อมกับเลขาคนสนิท ปล่อยให้ศรัณยูถึงกับหัวเสียอยู่คนเดียวที่ลานจอดรถในส่วน VIP ของโรงพยาบาล

คอนโดศรัณยู

ปัง!!

บานประตูห้องถูกแรงกระแทกจากด้านนอกอย่างรุนแรง ก่อนจะเปิดออกและปรากฏร่างใหญ่ของศัลยแพทย์หนุ่มที่เดินตรงเข้ามา พร้อมๆกับเหวี่ยงโทรศัพท์มือถือลงไปบนโซฟาเสียเต็มกำลัง พลันทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาด้วยความหงุดหงิดพลางคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่คนเป็นพ่อพูดที่ลานจอดรถของวันนี้

"เฮ้อ!!"

ศรัณยูถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยในจิตใจก่อนจะนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้สมองคิดทบทวนเรื่องที่ต้องไปเชียงใหม่ กับคนน้องที่เขาไม่ชอบขี้หน้า และไม่อยากจะเสวนาด้วย แต่ทว่าถ้าคิดแบบกลางๆ มีเหตุมีผล เขาควรจะไปให้มันจบๆ เพื่อให้คนเป็นพ่อสบายใจ และเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมของโรงพยาบาล

"ทำไมชีวิตต้องมายุ่งวุ่นวายกับยัยพยาบาลหน้าโง่นี้ด้วยวะ"

เมื่อนึกถึงเวลาที่คนน้องเถียงตัวเองฉอดๆ ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ศรัณยูถึงกลับรู้สึกหมั่นไส้ไม่อยากจะอยู่ใกล้เธอ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่ายังไงแล้วซะเขาและน่านฟ้าจะต้องเปิดศึกสงครามกันอีกเป็นแน่แท้ ทำให้ศรัณยูคิดไม่ตก และรู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตนเองหลายอย่าง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากโซฟาและเดินเข้าห้องน้ำไปในทันที

Talk

เนี่ย เพราะเป็นแบบนี้ไงพ่อเขาถึงไม่อยากยกมรดกให้สักที5555 

คุณพรี่ถามว่าทำไมชีวิตต้องมายุ่งวุ่นวายกับยัยน้อง   คุณพรี่ต่างหากที่ไปวุ่นวายกับชีวิตเค้าาาาาา!!!!!!555

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel