จ้องจะกินหัว
เวลา18.00 นาที
เวลาผ่านไปบรรดาลูกค้าทั้งชายและหญิงที่นัดมาเสริมความงามกับศรัณยูเริ่มทยอยกันกลับบ้าน หลังจากได้รับการดูแลใบหน้าให้สวยงามตามความต้องการ เหลือเพียงพนักงานและลูกค้าบางคนที่ยังคงค้างการปรึกษาอยู่ประปราย
"น้องน่านหลังเลิกงานแล้วมีนัดมั้ย?"
เสียงจุ๊บแจงถามน่านฟ้าอยู่ด้านนอกของห้องหัตถการ ฉุดให้คนน้องที่กำลังเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์และโต๊ะต่างๆภายในห้องเดินออกมาส่งยิ้มหวานให้กับคนพี่อย่างเป็นมิตร
"ไม่มีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่จุ๊บแจง?"
"พี่จะชวนไปหาของอร่อยๆกินที่ตลอด ยัยส้มโอ และก็แม่ริสาก็ไปด้วยสนใจมั้ย?"
ใบหน้าหวานแสดงออกถึงความตื่นเต้นกับคำพูดของจุ๊บแจง เมื่อท้องของเธอกำลังร้องโครกครากเพราะหิวข้าวสุดจะทนเช่นเดียวกัน
"ไปค่ะ น่านกำลังหิวพอดีเลย"
"งั้นดีเลยเดี๋ยว 2 ทุ่มไปตลาดซอย 14 กัน รับรองอิ่มท้องของกินเพรียบ"
"โอเค!! เดี๋ยวน่านไป..."
"เสียงดังจังวะ คุยกันเบาๆไม่ได้หรือยังไง?"
ยังไม่ทันที่น่านฟ้าจะพูดจบประโยคนั้นสองสาวที่กำลังยืนคุยกันอยู่ต้องรีบหันตามเสียงตวาดในทันที เมื่อศรัณยูออกมาจากห้องตรวจยืนเท้าสะเอวจ้องมองมาด้วยแววตาและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด พานทำให้พยาบาลสาวถึงกับงุนงงว่าเขาได้ยินที่เธอคุยกันได้ยังไงในเมื่อห้องตรวจอยู่ห่างกันกับจุดที่เธอยืนไกลพอสมควร
"จุ๊บแจงขอโทษค่ะหมอศรัณย์"
ร่างสูงโปร่งของพนักงานขายคอร์สหันกลับมาก้มศีรษะขอโทษศัลยแพทย์หนุ่ม พร้อมๆกับก้าวเท้าขยับออกห่างจากคนน้องไป เหลือไว้เพียงแต่น่านฟ้าที่กำลังยืนมองเครื่องหน้าสุดสวยนั้นยับยู่ยี่อยู่อีกฝั่ง
"พ่อกับแม่เคยสอนเรื่องมารยาทมั้ยห๊ะ?"
"สอนมาดีค่ะ ก็เหมือนกับใครบางคนที่บ้านก็สอนมาดี๊ดี แต่นิสัยไม่เห็นดีเลย"
คนน้องพูดขึ้นเสียงดังฟังชัด ก่อนจะลอยหน้าลอยตาหันไปมองทางอื่นด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้สุดๆ
"เธอกล้าดียังไงมายอกย้อนฉัน ยัยพยาบาลหน้าโง่"
ศรัณยูรีบก้าวขายาวเดินตรงเข้ามาหาน่านฟ้าอย่างรวดเร็ว ด้วยอารมณ์และความโมโหที่กำลังจะเดือดในอีกไม่ช้า
"น่านไม่ได้ยอกย้อนหมอศรัณย์นะคะ ใครอยากรับก็รับไปสิ"
"เธอ!!…"
"แล้วก็อีกอย่างเลิกด่าเหมารวมอาชีพสักทีได้มั้ยคะ สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสันดานนะคะ ไม่ได้ส่อสกุลอย่างเดียว"
นิ้วแกร่งเริ่มกำหมัดแน่น เมื่อเขายังพูดไม่ทันได้จบประโยค ต้องหยุดชะงักทันใด เมื่อคนน้องมีโอกาสว่าเขากลับมาเช่นกัน
"น่านฟ้า!!"
หลังจากสิ้นเสียงของคนน้อง เสียงตวาดเรียกชื่อเธอดังลั่นหน้าห้องหัตถการ ยิ่งทำให้ศัลยแพทย์หนุ่มแทบจะกดอารมณ์และความโมโหเอาไว้ไม่ไหว นิ้วมือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นจ้องมองหน้าตาและท่าทางกวนๆของเธอตาแข็งทื่อ ราวกับว่าจะคาบหัวเธอและสะบัดมันหลุดออกจากบ่าไหล่ให้ซะรู้แล้วรู้รอดในตอนนี้ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของคนเป็นพ่อทำให้นิ้วแกร่งที่กำหมัดแน่นในคราแรกคลี่คลายลง พร้อมๆกับสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน
"จะทำอะไรหัดเกรงใจคนอื่นบ้าง ไม่ใช่ใช้แต่เสียงอย่างเดียว"
"มันก็ไม่ได้เสียงดังขนาดนั้นนะคะ เสียงทีวียังดังกว่าเลย"
นิ้วชี้เรียวตรงไปยังทีวีกลางห้องโถงที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อคนน้อยลง ซึ่งดังยิ่งกว่าเสียงเธอและจุ๊บแจงคุยกันเสียอีก
"เธอนี่นอกจากโง่แล้วยังเถียงฉอดๆเก่งอีกนะ ยัย..."
"หมอศรัณย์เองก็หาเรื่องมาเถียงกับน่านเก่งเหมือนกันค่ะ"
ศรัณยูที่พยายามเก็บอารมณ์ตัวเองเอาไว้ยังไม่วายเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขาชี้หน้าเธอด้วยความโมโห แต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักพูดไม่จบประโยคก็ต้องถูกน่านฟ้าแทรกขึ้นอีกจนได้
"เอ่อ!! คุณหมอศรัณย์ค่ะ คุณลิตารอนานแล้วนะคะ"
พนักงานดูแลลูกค้าที่อยู่ในห้องเห็นว่าศัลยแพทย์หนุ่มค้างการสนทนากับลูกค้าไว้นานพอสมควร เธอจึงเสียมารยาทเข้ามาขัดจังหวะเมื่อเห็นลิตาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายนับครั้งไม่ถ้วนที่ต้องมานั่งรอหมอในห้องตรวจแบบนี้
"ฝากไว้ก่อนนะยัยหน้าโง่"
ร่างใหญ่เดินสะบัดเสื้อกาวน์กลับไปยังห้องตรวจในทันที ก่อนที่จุ๊บแจงจะที่เดินกลับมาหาน่านฟ้าที่ยืนกอดอกจ้องมองคนพี่หายลับตาไปในห้องตรวจ
"ได้ยินเราคุยกันได้ยังไงอะน้องน่าน"
"หมาบ้ามากเลย อยู่ไกลขนาดนั้นได้ยินอีก จ้องจะหาเรื่องน่านชัดๆ"
น่านฟ้าถึงกับหน้ามุ่ยด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่เรื่องนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก
"พี่ก็ว่าแบบนั้นแหละ"
จุ๊บแจงส่งยิ้มเจื่อนให้กับคนน้องด้วยความเหนื่อยใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ก่อนจะลูบบ่าไหล่น่านฟ้าเบาบางเพื่อเป็นการปลอบขวัญที่เกือบจะโดนศรัณยูเด็ดหัวไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
"เฮ้อ!! ทำเหมือนน่านไปฆ่าใครตายมา"
ลมหายใจม้วนใหญ่ถูกพ่นออกมาจากเรียวปากอมชมพูของพยาบาลสาว เธอได้แต่ถอนหายใจใหญ่ด้วยความหมั่นไส้พร้อมๆกับความเกลียดชัง ที่เขาเอาแต่จ้องจะหาเรื่องเธอทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดใหญ่โตขนาดนั้น
1 สัปดาห์ผ่านไป
คอนโดน่านฟ้า
แม้เวลาจะผ่านไปเพียงแค่ 1 สัปดาห์ แต่ทว่าน่านฟ้ากลับรู้สึกเหนื่อยล้าและปวดประสาททุกๆครั้งที่ต้องไปทำงานร่วมกันกับศรัณยู ในทุกๆวันเขาจะหาเรื่องมาทะเลาะตบตีกับเธอตลอด แม้แต่เรื่องเล็กๆขี้ปะติ๋วยังทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนได้กับคนนี้ แต่มีหรือคนอย่างน่านฟ้าจะยอมแพ้ ถ้าวันไหนเขาและเธอไม่ได้ทะเลาะกันก่อนกลายเป็นว่าไม่เป็นอันทำการทำงานได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
"ไม่ตบไม่ตีไม่ดีขึ้นเลยกับคนเนี่ย พี่เหนือ"
"แล้วทำไมยังทนให้เขาโขกสับขนาดนั้นอะน่าน พี่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ"
น้ำเสียงและแววตาของน้ำเหนือที่เอ่ยถามน้องสาวผ่านทางวิดีโอคอล ดูเป็นกังวลและหนักใจแทนน้องสาวที่ต้องร่วมงานกับคน Toxic แบบนั้นเอาเสียมากๆ
"น่านต้องอดทนพี่เหนือ เพื่อให้ได้ประสบการณ์มากกว่านี้ก่อนอะ"
"ประสบการณ์เรื่องอะไร ความงามนี่นะหรอ?"
น้ำเหนือถามน้องกลับไปด้วยความเป็นห่วง คลอเคลียกับใบหน้าสวยคมที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด
"น่านอยากได้ประสบการณ์ในห้องผ่าตัด อยากช่วยเข้าเคสพวกเสริมจมูก ทำตา ทำปาก ทำนมในห้องผ่าตัดด้วยอะ แต่ตอนนี้ต้องยอมอดทนรบราฆ่าฟันกับหมอศรัณย์ไปก่อน"
"เฮ้อ!! โธ่เอ๊ยน่าน!!"
"ถ้าน่านมีประสบการณ์ตรงนั้นอย่างน้อย สัก 5-6 เดือนนะ น่านจะลาออกไปหาทำที่อื่น แบบหมอดีๆไม่ toxic แบบไอ้หมาบ้านี่ไง อย่างน้อยประสบการณ์พวกนี้ยังเป็นใบเบิกทางให้น่านเดินในสายความงามนี้ได้ง่ายขึ้นนะพี่เหนือ"
คนน้องพยายามหาเหตุผลต่างๆมาช่วยซัพพอร์ตคำพูดของตนเอง เพื่อให้พี่สาวยอมวางใจ และคลายความกังวลลง เพราะจากสีหน้าและท่าทางของน้ำเหนือพานทำให้น่านฟ้าเป็นกังวลกลัวเช่นกัน เธอกลัวว่าคนพี่จะไม่ยอมให้ทำงานแบบนี้ต่อไปเพราะความเป็นห่วงน้องมากกว่า
"แล้วน่านจะรู้ได้ยังไงว่าที่อื่นจะไม่มีหมอแบบนี้อีกอะ?"
"น่านก็ไม่รู้หรอกว่าจะเจอหรือไม่เจออะ"
"พี่ไม่สบายใจเลย"
ใบหน้าของน้ำเหนือขมวดคิ้วผูกกับเป็นก้อนกลมอย่างเห็นได้ชัดเจนถึงความตึงเครียดและเป็นห่วงน้องมากที่สุด
"พี่เหนืออย่างพึ่งเครียดไป น่านจะอดทนเพราะมันจะเป็นทางเดียวที่ทำให้น่านมีทางเลือกมากขึ้นในอนาคตนะ"
"เฮ้อ!! ตามใจน่านแล้วกัน แต่อย่าให้เขาทำร้ายน่านได้ก็พอ พี่เป็นห่วงมากรู้มั้ย?"
น้ำเหนือรู้ดีว่าน่านฟ้าเป็นคนมีเหตุมีผล ถ้าคนน้องคิดจะทำอะไรมักจะชังน้ำหนักถึงความเป็นไปได้สอดคล้องกับหลักของเหตุผลมาเสมอ เธอจึงไม่อยากจะขัดใจและอยากให้น่านฟ้ามีความสุขกับเส้นทางที่คนน้องเลือกตัดสินใจเอง
"รู้สิพี่ น่านไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำร้ายได้ง่ายๆหรอก คนอย่างหมอศรัณย์ยังร้ายน้อยกว่า…
น่านฟ้าหยุดชะงักและเงียบลงในทันที เมื่อนึกถึงเรื่องราวของพ่อเลี้ยงที่เมามาทีไร ชอบไล่ทุบตีตัวเธอกับพี่สาวมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งน้ำเหนือเองก็พอจะรู้ดีว่าน่านฟ้าเงียบไปเพราะเรื่องของใคร
"เราเหลือกันแค่สองคนแล้วนะน่าน ถ้าเป็นอะไรไปพี่จะอยู่ยังไง อึก ฮือๆ"
"โธ่พี่เหนือไม่เอาไม่ร้องนะ น่านเอาตัวรอดเก่งอยู่แล้ว น้องสาวพี่เก่งมาตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว พี่จำไม่ได้ไงเล่า"
น้ำเสียงสั่นเครือพร้อมๆกับหยดน้ำตาแห่งความกลัว และความห่วงใยน้องสาวหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย เธอไม่สามารถเก็บกลั่นหยาดน้ำตาเอาไว้ได้ ต้องร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่พ่อเลี้ยงเมามามักจะทำร้ายแม่และก็ลูกสาวทั้งสองคนตลอดมานานหลายปี
"น่านยังจำสัญญาที่เคยให้กับพี่ได้มั้ย อึก อือๆ"
"จำได้สิ น่านไม่เคยจะคิดลืมเลยนะพี่เหนือ"
รอยยิ้มจางๆของคนหน้าหวาน ส่งยิ้มให้พี่สาวด้วยความอ่อนโยน น้ำเหนือทำได้แต่พยายามเช็ดคราบหยดน้ำตาออกจากแก้ม และพยายามไม่คิดถึงเรื่องราวในอดีตจนพานทำให้ตัวเองต้องร้องไห้ต่อหน้าน่านฟ้าอีก
"ถ้าเมื่อไหร่น้องสาวพี่ไม่ไหว ให้มาหาพี่…"
"พี่เลี้ยงน่านไปตลอดทั้งชีวิตยังได้เลย!!...น่านรู้ว่าพี่เหนือจะพูดตามด้วยประโยคนี้ ฮ่าๆ"
ยังไม่ทันที่น้ำเหนือจะพูดจบ คนน้องรีบพูดประโยคเด็ดของคนพี่แทรกขึ้นมา ด้วยความรู้ทันว่าน้ำเหนือจะพูดอะไร ทำให้ทั้งสองส่งยิ้มและหัวเราะให้กันและกันเฉกเช่นเคยที่ผ่านมา
"ไม่ร้องนะคนเก่งของน้อง น่านรักพี่เหนือนะ ไว้หลังปีใหม่น่านไปหาโอเคมั้ย? ไปอยู่สักอาทิตย์หนึ่งเหมือนปีที่แล้วไง"
"โธ่!! พี่ก็นึกว่าน่านจะมาอยู่กับพี่นานกว่านี้"
ใบหน้าสวยคมของคนพี่ถึงกลับทำหน้ามุ่ยเมื่อรู้ว่าน่านฟ้าจะมาอยู่กับเธอแค่สัปดาห์เดียว
"ก็ลาได้แค่นั้นอะ ถ้าหลังปีใหม่ก็จะผ่านโปรพอดีไง"
สองสาวพยักหน้าให้กัน ก่อนที่น่านฟ้าจะส่งยิ้มหวานให้พี่สาวด้วยความรักและเคารพมากที่สุดในชีวิต ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกันบนพื้นฐานครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ เพราะมีพ่อเลี้ยงเป็นขี้เมาชวนแม่ทะเลาะตบตีกันเกือบทุกวัน จนมันเริ่มพานมาทำร้ายลูกสาวทั้งสองคน แต่ทว่าน่านฟ้ายังโชคดีที่มีน้ำเหนือคอยปกป้องมาเสมอ จนกระทั่งผู้ปกครองทั้ง 2 เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุอย่างกะทันหันเมื่อ 15 ปีก่อน น่านฟ้าก็เหลือแค่พี่สาวเพียงคนเดียวที่เสียสละยอมทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินส่งน้องเรียนสูงๆให้น้องสาวมีสังคมและชีวิตที่ดีกว่าในอดีต จึงทำให้ทั้งน่านฟ้าและน้ำเหนือต้องอยู่ห่างกันไกลจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
Talk
หมอศรัณย์ต้องหูดีแต่ไหน น้องอยู่ไกลขนาดนั้นยังได้ยิน หรือว่าพ่อใช้เครื่องดังฟังยัยร้องนะ บอกมาซะดีๆ555
">
