ความซวยจงบังเกิด
เช้าวันต่อมา
โรงพยาบาล BDM
เสียงเอะอะโวยวายดังสนั่นหวั่นไหวทั่วทั้งโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า ทำให้น่านฟ้าที่กำลังเก็บกระเป๋าเข้าล็อกเกอร์ในห้องพักพนักงานถึงกลับสะดุ้งตกใจ รีบว่างของและออกมามองยังหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลในทันที
"เกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะพี่อ้อม?"
"ลูกค้านะสิ เขามาโว้ยวายว่าทางเราตัดไหมไม่หมด ทำให้มันโผล่ออกมา แล้วเขาบอกเจ็บมาก"
ใบหน้าหวานเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยท่าทางครุ่นคิด ถึงความเป็นไปได้ที่เธอจะพลาดตัดไหมไม่หมดจริงๆ ก่อนจะรีบสะบัดหน้าไปมาเพื่อเรียกสติกลับมา
"งั้นน่านขอดูจมูกคนไข้ก่อนนะคะ"
พยาบาลสาวรีบเดินตรงดิ่งไปยังลูกค้าที่นั่งกดทัชสกรีนหน้าจอมือถือด้วยความอ่อนน้อม พลางเอ่ยถามจุดประสงค์ของตัวเองขึ้นในทันที
"คุณสิรการใช่มั้ยคะ?"
"ใช่ค่ะ คุณพยาบาลใช่มั้ยคะที่ตัดไหมให้ฉัน"
"ใช่ค่ะ!!"
น่านฟ้าตอบสิรการกลับไป เพราะเธอเองก็พอจะจำลูกค้าได้ จากการมาตัดไหมเมื่อสัปดาห์ก่อนเช่นเดียวกัน
"ตัดไหมยังไงคะ? ไม่มีตาหรือยังไงถึงตัดไม่หมด!!"
สิรการเริ่มโวยวายเสียงดังขึ้นอีกครั้งหลังจากน่านฟ้าเข้ามาถาม
"รู้มั้ยว่าฉันเจ็บมาก มันเริ่มบวมแล้วด้วย ถ้าจมูกฉันเป็นอะไรไปโรงพยาบาลต้องรับผิดชอบนะคะ"
"ใจเย็นๆก่อนนะคะ ให้พยาบาลดูจมูกได้มั้ยคะ?"
"ฉันไม่ให้ทำแล้วค่ะ ฉันจะรอเจอคุณหมอศรัณย์คนเดียว"
สิรการตอบกลับพยาบาลสาวออกไปเช่น ก่อนจะรีบขยับตัวออกห่างน่านฟ้าราวกับว่ารังเกียจและไม่อยากให้น่านฟ้าสัมผัสร่างกายของเธออีกครั้ง
"ตอนนี้คุณหมอติดเคสผ่าตัดอยู่ค่ะคุณสิรการ จะเสร็จอีกทีน่าจะเกือบๆเที่ยงเลย ให้พยาบาลดูให้ก่อนได้มั้ยคะ?"
"ไม่ค่ะ ฉันรอได้"
เมื่อเห็นว่าสิรการไม่ยอม น่านฟ้ารีบเดินกลับมายังห้องหัตถการในทันใด ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาด้วยความกังวลกลัว เพราะไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆไม่เช่นนั้นเธอจะซวยและโดนเล่นงานจากศรัณยูไปโดยปริยาย
"จะซวยอีกครั้งก็คราวนี้แหละยัยน่านเอ๊ย!!"
น่านฟ้ารับรู้ได้ทันทีถึงความซวยกำลังจ้องจะเล่นงานเธออีกครั้งในวันนี้ เธอได้แต่ยอมรับความจริงและรีบหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น เธอจึงเลือกตรงไปยังลิฟต์ เพื่อขึ้นไปแจ้งห้องผ่าตัดให้ศรัณยูรับทราบเคสก่อนจะเดินกลับลงมายัง OPD ด้วยความกังวลและกระวนกระวายใจ
3 ชั่วโมงผ่านไป
"ลูกค้าอยู่ไหน?"
น้ำเสียงดุดันด้วยความเดือดพล่านของศัลยแพทย์หนุ่มถามพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ดังลั่น ทำให้น่านฟ้าที่ทำความสะอาดแผลที่จมูกให้ลูกค้าอีกคนอยู่ในห้องหัตถการถึงกับสะดุ้ง หัวใจทั้งดวงตกวูบลงไปอยู่ที่ปลายเท้าในทันที เมื่อหายนะกำลังจะมาเยือนอีกไม่นานนี้
'ตายแน่ๆ ซวยแน่ๆยัยน่านเอ๊ย!!'
เสียงบ่นพึมพำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในใจ ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นสั่นเครือไปตามๆกัน กระทั่งลูกค้าที่ล้างจมูกสังเกตเห็นได้ถึงความร้อนรนของพยาบาลสาวในครานี้
ห้องหัตถการ
หลังจากทำหัตถการล้างแผลลูกค้าเสร็จเรียบร้อย กระทั่งส่งลูกค้ากลับไปพร้อมกับพนักงานดูแลเคส เป็นจังหวะประจวบเหมาะกับศรัณยูที่คุยและเคลียร์ไหมที่จมูกให้สิริการเสร็จพอดี เขารีบเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหาเธอในห้องหัตถการในทันที
"พลาดแล้วพลาดอีก โง่ซ้ำโง่ซากฉันไม่รู้จะพูดกับคนโง่แบบเธอว่ายังไง ลาออกไปให้มันจบๆสักทีรำคาญ!!"
น้ำเสียงเข้มดุดันกระแทกเสียงใส่หน้าคนน้องทันทีที่เดินเข้ามาภายในห้อง ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าหวานแทบจะอยากฆ่ากันให้ตายอยู่ตรงนี้เอาเสียเลย
"น่านไม่ได้ตั้งใจจะตัดไหมไม่หมดนะคะ มัน..."
"ก็เพราะเธอมันไม่มีความรู้ไง คนโง่อย่างเธอทั้งโง่ทั้งสะเพร่าเกินเยียวยาแล้วรู้ตัวมั้ย ยัยหน้าโง่"
"น่านขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ"
ต่อให้เธอจะหาเหตุผลอะไรเป็นข้ออ้าง ก็คงไม่สำคัญไปกว่าเธอทำพลาดไปอยู่ดี น่านฟ้าจำใจต้องยอมรับว่าตัวเองดูไม่ละเอียดและรอบคอบมากพอ จนพลาดทำให้ตัดไหมจมูกของสิรการไม่หมด เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตาขอโทษเขาไปแบบนั้น เพราะยังไงแล้วซะเธอก็คงไม่รอดต้องโดนศรัณยูกินหัวอยู่ดีวันยังค่ำ
"ขอโทษแล้วได้อะไร ขอโทษเพื่อให้ตนเองรู้สึกดีงั้นเหรอ เอาคำขอโทษของเธอเก็บไปใช่กับพ่อกับแม่เธอเถอะ มันไม่มีประโยชน์ถ้ามาใช้ที่นี่กับฉัน"
ด้วยความโมโหและความเกลียดชังพยาบาลสาว ศรัณยูเริ่มลามปามมาถึงพ่อกับแม่ของเธออย่างเสียมารยาท ฉุดให้น่านฟ้าถึงกับกำนิ้วมือแน่นด้วยความหงุดหงิดใจ
"มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกค่ะ น่านก็ไม่ได้ตั้งใจด้วย"
"งั้นเธอก็ชดใช้สิ่งที่เธอทำพลาดสิ ออกไปจากโรงพยาบาลฉันซะ!!"
"ไม่ค่ะ น่านไม่ไป!!"
ต่อให้เขาจะไล่เธอออกไปจากโรงพยาบาลบ่อยสักแค่ไหน แต่น่านฟ้ายังคงหนักแน่นในความต้องการและเป้าหมายของตนเองอยู่เสมอ เพียงแค่ความผิดพลาดในครั้งนี้จะเป็นบทเรียนให้เธอได้แข็งแรงขึ้นอีกครั้งในวันข้างหน้า
"เธอนี่มันไม่รู้จักเจียมตัวเลยจริงๆนะ หัดดูความรู้อันน้อยนิดในสมองอันว่างเปล่าของตัวเองบ้าง ไม่ใช่มาเป็นภาระของคนอื่นแบบนี้"
"น่านรู้ตัวเองดีค่ะ น่านรู้ว่าน่านไม่มีประสบการณ์กับความรู้ในด้านนี้เลย แต่ถ้าไม่ให้น่านได้ลองเรียนรู้ น่านจะมีความรู้ได้ไงคะ?"
"เธอจะไปเรียนรู้ที่ไหนก็ได้นะ แต่มันไม่ควรเป็นที่นี่จำใส่สมองไว้ซะ"
หลังจากที่พูดจบศรัณยูรีบเดินออกจากห้องไปในทันที ทิ้งไว้แค่พยาบาลสาวที่ยังคงยืนกุมขมับด้วยความกลุ้มอกกลุ้มใจ และกังวลกลัวผลที่จะตามมาในอีกไม่ช้านี้
1ชั่วโมงผ่านไป
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเริ่มแดงไปถึงขั้นผู้บริหารเมื่อมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเซนซิทีฟ เนื่องจากที่โรงพยาบาลเปิดมานาน 4 ปีกว่า สิรการเป็นเคสรายที่สองที่ตัดไหมที่จมูกไม่หมด สร้างความไม่พึงพอใจเกี่ยวกับการบริการให้กับลูกค้ารายนี้ค่อนข้างสูง จึงทำให้มีผลต่อชื่อเสียงของโรงพยาบาลสูงเช่นกัน
"น้องน่าน แม่โทรมาขอสายน้องน่านจ๊ะ"
ส้มโอเดินเข้ามาหาน่านฟ้าที่ห้องพักพนักงาน ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยตกวูบไปเต้นอยู่ที่พื้น เมื่อภายในใจกลัวซะเหลือเกิน กลัวว่าเธอเองจะถูกไล่ออกทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้ประสบการณ์มากเพียงพอจะนำไปต่อยอดที่อื่นได้ดีกว่าอยู่ที่นี่
"ฮัลโหลค่ะ พี่ริสา!!"
"น้องน่าน หลังเลิกงานอย่าพึ่งกลับบ้านนะ พอดีข้างบนเรียกประชุมด่วน"
ยิ่งได้ฟังที่ริสาพูดมาแบบนั้น ยิ่งทำให้น่านฟ้าถึงกับตัวสั่นรุนแรงด้วยความตื่นตกใจ เมื่อไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะไปถึงหูผู้ใหญ่ได้เร็วขนาดนั้น
"รับทราบค่ะพี่ริสา"
"ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะน่าน พี่อยู่ข้างๆน่านเสมอนะ"
"ขอบคุณค่ะพี่ริสา"
ถึงแม้ริสาจะพยายามพูดให้น่านฟ้าผ่อนคลายความกังวล และความตึงเครียดให้น้อยลง แต่ทว่ากลับไม่ได้ทำให้น่านฟ้ารู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิด เธอยังคงเป็นกังวลและหนักใจที่ถูกเรียกเข้าประชุมด่วนแบบนี้เช่นเดิม เพราะไม่รู้ว่าเธอจะโดนเฉดหัวออกจากที่นี้เลยหลังจากที่ทำผิดพลาดไปแค่ครั้งเดียว
เวลา 20.20 นาที
ห้องประชุม
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใช่ว่าน่านฟ้าจะโดนเล่นงานเสียอย่างเดียว โดยไม่มีการสอบสวนถึงความผิดพลาดในครั้งนี้ เธอถูกเชิญเข้าห้องประชุมโดยมีคณะกรรมการของโรงพยาบาล ทีมบริหาร รวมถึงศรัณยูและสุนทรที่นั่งอยู่ภายในนี้ด้วย เพื่อตรวจสอบข้อมูลและความผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้น
“รู้ใช่มั้ยว่าคุณตัดไหมไม่หมด เราอยากรู้ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร?"
"คือน่านขอโทษจริงๆค่ะ น่านอาจจะมองไม่เห็นเลยตัดไหมออกไม่หมด แต่น่านไม่ได้ตั้งใจหรือมีจุดประสงค์อื่นใดแอบแฝงเลยนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"
พยาบาลสาวตอบออกไป เพราะเธอไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดที่จะทำให้โรงพยาบาลหรือลูกค้าเกิดความเสียหายจริงๆดั่งที่พูดความจริงออกมาจากจิตใต้สำนักในครั้งนี้
"ไม่จริง!! บอกมาสิว่ามันคือความโง่ของเธอเองที่ไม่มีความรู้มากพอ ที่จะพิจารณาหรือวิเคราะห์ข้อมูลพวกนี้ได้ แล้ว…"
"ศรัณย์ หยุดก่อน!!"
อารมณ์ที่เดือดพล่านทำให้ศรัณยูไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ต่อว่าน่านฟ้าต่อหน้าพนักงานคนอื่นๆในที่ประชุมเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยคำ จนกระทั่งผู้เป็นพ่อต้องช่วยห้ามเอาไว้ก่อนไม่งั้นอาจจะทำให้การประชุมในครั้งนี้ล้มเหลวได้
"เอาเถอะ!! ให้หนูพยาบาลพูดมาให้หมดก่อน ทางเราจะรับฟัง"
"คือ น่านต้องขอโทษจริงๆค่ะ น่านเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และยอมรับว่ามันคือความบกพร่องของตัวเองจริงๆ"
"ก็ถือว่าดี คนโง่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองโง่แหละถูกที่สุดแล้ว และไม่ควรมาเถียงคนอื่นที่มีความรู้มากกว่า อย่างฉัน!!"
ความผิดพลาดครั้งนี้เธอยอมรับผิดทั้งหมด จึงไม่ตอบโต้ศรัณยูที่กำลังต่อว่าเธอต่อหน้าคณะกรรมการคนอื่นและทีมบริหารในห้องประชุม พยาบาลสาวได้แต่นั่งนิ่งๆพลางก้มมองนิ้วมือของตนเองด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจที่ทำให้ลูกค้าต้องมาตำหนิและเหมารวมการบริการของโรงพยาบาลเพียงเพราะเธอคนเดียว
"ศรัณย์พอแล้วลูก!!"
"พ่อครับ คนแบบนี้ไม่เหมาะสมให้อยู่ที่นี่ต่อหรอกครับ"
"ศรัณย์หยุดได้แล้ว!!"
ด้วยความโมโหและเดือดพล่านของศรัณยู ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตนเองหรือเชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นพ่อได้อีกต่อไป เขายังคงต่อว่าคนน้องเสียงดังลั่นห้องประชุมเช่นเคย
"ไล่ยัยหน้าโง่นี่ออกไปซะ แล้วถ้า…"
ปัง!!
"พ่อบอกให้พอแล้วไง"
เสียงฝ่ามือเหี่ยวทุบลงบนพื้นผิวโต๊ะดังสนั่นทั่วทุกมุมของห้องประชุม เพื่อดึงสติลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้สงบปากสงบคำลง และรู้จักฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้าง
"จะให้ใครอยู่ จะไล่ใครออกมันไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น ในเมื่อมันเกิดเรื่องแล้ว เราต้องประนีประนอม ค่อยๆคุยกัน และหาทางออกให้กับปัญหานี้รวมกันไม่ใช่จะสักๆว่าไล่คนอื่นไปแล้วเรื่องมันจะจบลงง่าย เข้าใจมั้ย?"
"แต่พ่อครับ ยัย…"
"แกต้องรู้จักใจเย็นๆและมีเหตุผลกว่านี้ศรัณย์ ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้"
ต่อให้เขาจะรู้สึกโมโหน่านฟ้ามากแค่ไหน แต่ทว่ากลับทำอะไรคนน้องไม่ได้สักอย่าง ในเมื่อคนเป็นพ่อยังคงใจเย็นและใช้เหตุผลในการประนีประนอมอยู่เช่นนี้ เมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี และเริ่มรู้ถึงสภาวะอารมณ์และขีดำกัดของตนเองดีว่าเขาไม่สามารถทนต่อความน่าหงุดหงิดใจนี้ได้ ศรัณยูจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ในห้องประชุมและสาวเท้าเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางหัวร้อนสุดชีวิต
Talk
โธ่พ่อ!! น้องทำพลาดอันนี้เข้าใจ แต่พ่อก็หยุมหัวน้องแรงเกินนนนน
