9 ไม่ได้หลอก
เฟลิกซ์ออดอ้อนจนเจณิสายอมเอนตัวเข้าหาเขาเล็กน้อย เฟลิกซ์รีบกอดเธอราวกับลูกแมวที่ต้องการความรัก ทั้งที่เขาคือราชสีห์ที่เพิ่งผ่านการสู้รบมาหมาด ๆ
“ชื่อคุณเพราะจัง...ถ้าผมจำไม่ผิดมันเป็นชื่อเดียวกับคลินิกของคุณใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“แต่ผมขอเรียกคุณว่า เจนนี่ ได้มั้ย มันง่ายกว่า” เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เมื่อเธอตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา แววตาคมกริบบ่งบอกว่าเขาต้องการเป็นมากกว่าคนแปลกหน้า
“ก็แล้วแต่คุณเลย” เจณิสาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่ในใจยังคงพยายามต่อสู้กับความรู้สึกหวั่นไหว
“แล้วเพื่อนสนิทล่ะ เรียกชื่อเล่นของคุณว่าอะไร”
“เรียก เจน เฉย ๆ ค่ะ”
“โอเค งั้นผมจะไม่เรียกตามเพื่อนคุณ” เฟลิกซ์กล่าวอย่างกวน ๆ ก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้เธอ
“สรุปผมขอเรียกคุณว่า...เจนนี่ก็แล้วกัน...ถึงแม้ว่าใจจริง ผมอยากจะเรียกคุณว่า...ที่รักก็เหอะ” เฟลิกซ์เอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจในตัวเอง จนทำให้เจณิสาแอบเบ้ปาก แต่สิ่งที่เขาเพิ่งเอ่ยถึงนั้นก็ได้จุดประกายบางอย่างขึ้นมาในใจของเธอแล้ว
มาเฟียหนุ่มจับมือของเธอไว้เบาๆ สัมผัสอุ่นร้อนของฝ่ามือเขาทำให้ผิวของเธอสะท้านเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะ ยกมือเรียวของเธอขึ้นช้าๆ แล้วประทับจูบลงบนหลังมืออย่างอ่อนโยน จุมพิตนั้นแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เร่าร้อนและทรงอำนาจ ทำให้เจณิสารู้สึกเหมือนถูกสะกดไว้ในห้วงเวลาแห่งความใกล้ชิดนั้น
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ...เจนนี่” เสียงทุ้มของเขากระซิบแผ่วเบา
“และขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตผมไว้”
“ผมเฟลิกซ์นะ... หรือคุณจะเรียกผมว่า ฟลิกซ์ ก็ได้... ชื่อเต็ม ๆ ผมของคือ เฟลิกซ์ มัทเธอุส” เขากล่าวพร้อมจ้องมองเธออย่างไม่วางตา และปรารถนาที่จะดึงดูดให้เธอสานสัมพันธ์ต่อในค่ำคืนนี้
เจณิสาพยายามที่จะไม่เคลิบเคลิ้มไปกับคำพูดหวาน ๆ และการกระทำของเขา เธอรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะหวั่นไหวไปกับความใกล้ชิดนี้ จึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องในทันที
“คุณเป็นคนประเทศอะไรคะ”
“เยมัน... เป็นไงน่าสนมั้ยครับ” เฟลิกซ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวน ๆ รอยยิ้มของเขาเจ้าเล่ห์อย่างไม่น่าไว้ใจ
“ไม่สน!!” เจณิสารีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วและหันหน้าหนี แต่เขากลับกระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่น เธอรู้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะดูจากแววตาที่จ้องจะงาบเธอตั้งแต่อยู่ในคลับ มันยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยสักนิด เธอต้องพยายามหักห้ามใจ เจณิสาคิดในใจว่าเธอไม่น่าไปอ่อยเขาเลย
“แล้วถ้าเป็นเบิร์นเยี่ยมล่ะ คุณสนไหม” เฟลิกซ์จงใจลากเสียงยาวตรงคำว่าเบิร์น เขายังคงหยอกเย้าเธออย่างไม่ลดละ ดวงตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอที่เริ่มแดงระเรื่อ
“ทีมุกพวกนี้ คุณเข้าใจง่ายเชียว” เจณิสากล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ในขณะที่ฉันอธิบายศัพท์ทางการแพทย์แทบตาย คุณก็ไม่เข้าใจ” เฟลิกซ์หัวเราะเบา ๆ เสียงทุ้มกังวานในห้อง
“ก็ผมไถฟีดดูพวกตลกบ่อย ๆ น่ะ แล้วก็อาศัยถามเพื่อนที่เป็นคนไทยเอาบ้าง...ก็เลยเข้าใจ”
“คุณมีเพื่อนเป็นคนไทยด้วยเหรอคะ” เจณิสาถามอย่างสงสัย
“มีสิ! แต่ไม่เชิงเพื่อนหรอก... เค้าทำงานให้ผม”
“ลูกน้องเหรอ”
“ก็ประมาณนั้น” เฟลิกซ์ตอบอย่างเรียบง่าย
“ปล่อยค่ะ ฉันจะเก็บอุปกรณ์”
“ไม่ปล่อย ขอหอมแก้มก่อน”
“หือ!!!..เอาเปรียบจัง”
“อะไรกัน ตอนอยู่ในคลับไม่เห็นคุณปฏิเสธผมเลยนี่” สิ้นเสียงของเขา ความคิดก็วิ่งวนอยู่ในหัวของคุณหมอสาวอย่างรวดเร็ว
“ตอนอยู่ในคลับ... ฉันไม่น่าไม่อ่อยคุณเลย!”
“ไม่รู้สิ แต่คุณบอกแล้ว ว่าคุณจะให้ผมได้ทุกอย่าง”
“ใช่ฉันยอมรับ...แต่นั้น”
“แต่นั่นคือการประชดประชันแฟน ฉันก็บอกคุณไปแล้วไง”
“ผมไม่สนครับ ผมลืมไปหมดแล้ว” เฟลิกซ์ตอบอย่างไม่แคร์ เขาต้องการเธออย่างแท้จริง และท่าทางออดอ้อนเร้าอารมณ์ของเขาในตอนนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจน การรุกหนัก ที่มาพร้อมกับเสน่ห์ดิบเถื่อนทำให้ใจเธอเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้
ย้อนกลับไปตอนนั้น การประชดบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เธอกล้าบ้าบิ่น เธอกล้าพอที่จะก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของกุลสตรี แต่ตอนนี้เธอมีสติสมบูรณ์แล้ว และตระหนักได้ว่าเธอกำลังเล่นกับคนที่อันตราย แล้วเธอจะบอกเขาอย่างไรดี! ในเมื่อเขารุกหนักและเธอเองก็ไม่อาจปฏิเสธความปรารถนาที่เขากำลังปลุกเร้า
ทันใดนั้น! เธอก็คิดทางออกที่มันพอจะสมเหตุสมผลในการปฏิเสธเขาได้ จึงพยายามพูดจาหว่านล้อม
“คุณมาทำอะไรที่เมืองไทยคะ” เจณิสาถามอย่างตรงไปตรงมา แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าคงไม่ใช่เรื่องถูกกฎหมาย แต่ก็ต้องการยืนยันสถานะที่อันตรายของเขา
“ผมส่งออกเกี่ยวกับอาวุธ” คำตอบนั้นบ่งบอกถึงสถานะที่อันตรายของเขาได้อย่างชัดเจน เฟลิกซ์เอนหลังพิงโซฟา แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอเล็กน้อย แววตาของเขาคมกริบราวกับจะทะลุทะลวงเข้าไปในความคิดของเธอ
“รู้อย่างนี้แล้ว คุณกลัวผมหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ตราบใดที่คุณไม่เอาปืนมาจ่อหัวฉันอีก” เจณิสาตัดพ้อ
“ผมเป็น มาเฟีย!!” เขาตัดสินใจเปิดเผยตัวตนทั้งหมดออกไป
เจณิสานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจลึกๆ
“แล้วคุณทะเลาะอะไรกัน ทำไมพวกเขาถึงตามฆ่าคุณ” เฟลิกซ์หลับตาลง เขาตัดสินใจเล่าในสิ่งที่เขาไม่เคยบอกใครมาก่อน
“ผมถูกนายใหญ่ส่งมาอยู่ที่นี่ เพื่อดูแลธุรกิจส่งออกอาวุธเถื่อน พวกอาวุธสงครามน่ะ แต่เพื่อนร่วมงานของผมแอบทำธุรกิจสกปรกโดยการส่งผู้หญิงไปขายพร้อม ๆ กับอาวุธ” น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกระด้างขึ้น
“พวกนั้นหลอกพาตัวหญิงไทยที่ทำงานอยู่ในคลับ...คลับที่คุณไปนั่นแหละข้างบนมันเป็นสถานบริการ”
“พวกมันส่งไปขายทางเรือ ผมสงสารก็เลยปล่อยพวกเธอนั้นออกมาทั้งหมด” เขาหันกลับมามองเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความขมขื่น
“พวกมันรู้ ก็เลยโกรธผมที่ขัดขวางแหล่งเงินมหาศาลของพวกมัน จึงส่งคนมาลอบฆ่าผม”
เจณิสาทอดมองเขา ความรู้สึกสงสารและความเห็นใจ แม้ว่าเฟลิกซ์จะทำธุรกิจผิดกฎหมายและอันตราย แต่เขาก็ยังคงมีคุณธรรมอยู่บ้าง
เธอไม่ได้รู้สึกกลัวอีกต่อไป แต่กลับมองเห็นความโดดเดี่ยว และความกล้าหาญที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกนอกที่เย็นชาของเขา
“คุณ... เป็นคนดีกว่าที่พูดคะ..เฟลิกซ์” เจณิสาเอ่ยเสียงแผ่วเบา มือของเธอเลื่อนไปแตะแขนเขาเบาๆ เป็นการแสดงความเห็นใจอย่างเงียบๆ
เมื่อความจริงถูกเปิดเผย กำแพงน้ำแข็งที่เคยขวางกั้นระหว่างคนทั้งสองก็ทลายลง ความเข้าใจและความเห็นใจจึงเกิดขึ้น
เฟลิกซ์ไม่รอช้า รีบดึงร่างของเธอเข้ามาจนแนบชิดติดกับแผงอกที่ร้อนผ่าวของเขา
“เจนนี่!!!...” เฟลิกซ์พึมพำเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่พร่าสั่น ก่อนจะประทับจูบลงมาอย่างหนักหน่วงและเร่าร้อน ราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว
จูบของเขาไม่ได้มีเพียงแค่ความปรารถนาแต่เต็มไปด้วยความขอบคุณ และความต้องการที่จะยึดเธอไว้เป็นที่พึ่งพิง เจณิสาไม่ได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย เธอยกแขนโอบรอบคอเขา ตอบรับสัมผัสร้อนแรงนั้นอย่างเต็มใจ ความเจ็บปวดที่เคยมีในใจถูกบดบังด้วยไฟรักที่โหมกระหน่ำ