10 ความต้องการทางแพทย์สูง
จุมพิตนั้นยาวนานและลึกซึ้ง จนกระทั่งลมหายใจของเธอแทบจะขาดห้วง เฟลิกซ์จึงผละออกอย่างช้าๆ ดวงตาคมกริบของเขามองใบหน้าเธออย่างหลงใหล ก่อนจะเลื่อนมือลงมาสัมผัสเนินอกของเธออย่างแผ่วเบา พร้อมกระซิบด้วยเสียงแหบพร่า
“คุณอย่าปฏิเสธผมอีกเลยนะ...เจนนี่!!” หญิงสาวลืมตาขึ้นมาทันที สติที่ถูกความเร่าร้อนเข้าครอบงำกลับคืนมา เธอรีบยกมือขึ้นจับมือของเขาไว้แน่น ดวงตาฉายแวววอนขอ
“ไม่ค่ะ เฟลิกซ์” เธอปฏิเสธเสียงสั่น พยายามรวบรวมเหตุผลทั้งหมดที่มี
“ฉัน...ฉันรู้ว่าคุณอยากให้มันเป็นมากกว่านี้ แต่คุณลืมไปแล้วเหรอคะ..ว่าคุณบาดเจ็บอยู่!” เฟลิกซ์เงยหน้าขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“แผลมันไม่ได้หนักขนาดนั้นสักหน่อย ผมรับไหว”
“คุณรับไหว...แต่แผลคุณรับไม่ไหวหรอกค่ะ!” เจณิสาใช้เสียงที่จริงจังของแพทย์เพื่ออธิบายกับเขา
“ถ้าคุณทำอะไรที่รุนแรงกว่านี้ หรือมีการเกร็งตัวมากๆ แผลของคุณจะฉีกขาด มันจะปริออกจนต้องกลับไปเย็บใหม่ และแผลอาจจะติดเชื้อได้ง่ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ!” เธอใช้มือดันแผงอกของเขาออกอย่างช้าๆ
“คืนนี้...ให้ฉันดูแลคุณในฐานะคนไข้ก็พอนะคะ”
เฟลิกซ์จ้องมองเธอครู่หนึ่ง แม้จะเต็มไปด้วยความผิดหวังและความปรารถนาที่ค้างคา แต่เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและเหตุผลทางแพทย์ที่ชัดเจนของเธอ เขาก็ต้องยอมจำนน
“ให้ตายเถอะ!” เฟลิกซ์สบถเบาๆ ก่อนจะพิงศีรษะลงบนไหล่ของเธอ สูดดมกลิ่นหอมสะอาดจากเรือนกายของเธอ
“ตอนอยู่ที่คลับ คุณยังจูบผมและชวนผมขึ้นเตียงอยู่เลยมิใช่เหรอ” เฟลิกซ์ทวงถามอย่างเปิดเผย
“ก็ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้แผลของคุณมันทำกิจกรรมพวกนั้นไม่ได้แล้ว” เจณิสาหาข้ออ้างด้วยเหตุผลทางการแพทย์สุดฤทธิ์
“จริงเหรอ!!!..คุณไม่ได้หลอกผมเพราะอยากปฏิเสธผมใช่มั้ย” ดวงตาของเฟลิกซ์จริงจังขึ้น
“จริง!!!..ฉันไม่โกหกคุณหรอก” การเคลื่อนไหวหรือกระทบเทือนมันจะทำให้แผลคุณอักเสบ และยาแก้อักเสบที่คุณเพิ่งกินไปก็อาจจะเอาไม่อยู่!!!”
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลย...เจนนี่ เหตุผลทั้งหมดที่คุณพูดมา มันเพื่อปกป้องตัวคุณเองทั้งนั้น” เฟลิกซ์เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาดูช่างเร่าร้อน จากนั้นก็เร่งเร้าในสิ่งที่เขาต้องการ
“ผมอยากมีเซ็กซ์กับคุณ ในคลับคุณยั่วผมแทบเป็นแทบตาย คุณไม่ได้ปฏิเสธผมแบบนี้เลย เจนนี่!!!” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ จนลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดอยู่บนแก้มเนียน เจณิสารู้สึกถึงกลิ่นกายและกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ และกลิ่นบาดแผลผสมปนเปกัน
“คุณก็รู้นี่คะ...ว่าฉันทำไปเพราะอะไร” เจณิสากล่าวเสียงแข็ง แม้ว่าในใจจะรู้สึกหวั่นไหวกับความต้องการของเขาจนยากจะปฏิเสธก็ตาม
“เอาไว้คุณหายดีก่อนนะคะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน!” เธอยังคงใช้เหตุผลทางการทางด้านร่างกายของเขามาเป็นเกราะป้องกัน
“จริงนะ...ที่รัก!!” ดวงตาของเฟลิกซ์ดูเจ้าเล่ห์เป็นประกาย จนเจณิสากังวลว่าเขาจะแหกกฎ
“จริงค่ะ!!!!...แต่คืนนี้คุณต้องเป็นเด็กดีก่อน โอเคมั้ย” เธอเชิดหน้าขึ้นก่อนจะหอมแก้มเขาเพื่อให้เขารู้สึกอุ่นใจว่าเธอจะไม่ลืมสัญญานั้น
“การเคลื่อนไหวหรือการกระทบเทือนมันจะทำให้แผลคุณอักเสบมากขึ้น ฉันเป็นห่วงคุณจริง ๆ นะ เฟลิกซ์!!!”
“คุณลองเสิร์ชดูก็ได้ วิธีดูแลตัวเองหลังจากแผลผ่าตัด เกือบทุกที่ระบุว่าห้ามมีเซ็กซ์ทั้งนั้น” เธอยืนยันอย่างหนักแน่นและไม่ได้หลอกลวง
“โอเค! ผมเชื่อคุณก็ได้” เฟลิกซ์ยอมจำนนแต่โดยดี
“แต่... ผมไม่สามารถเปิดมือถือของตัวเองได้หรอก”
“ทำไมคุณถึงเปิดมือถือตัวเองไม่ได้คะ”
“พวกที่ตามล่าผมมันก็จะรู้ว่าผมอยู่กับคุณนะสิ ผมไม่อยากให้คุณเดือนร้อน” เขาตอบเสียงเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความนัยให้เธอตระหนักถึงอันตราย
เฟลิกซ์เฝ้ามองใบหน้าของเธอ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอดึงดูดสายตาเขาไปเสียหมด
“รู้มั้ยว่า...คุณไม่เหมือนเป็นคุณหมอเลย” เฟลิกซ์เอ่ยขึ้น เสียงทุ้มนุ่มแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
“คุณก็ไม่เหมือนคนไข้ที่ฉันเคยเจอมาเลย...เฟลิกซ์” เจณิสาตอบกลับทันควัน แววตาของเธอยังคงจับจ้องใบหน้าของเขาอย่างตั้งใจ
ชุดสีชมพูอ่อนหวานของเธอ เขามองว่ามันอันตรายเกินไป ความงดงามที่เปิดเผยเช่นนี้ มันควรเป็นของเขาเพียงคนเดียวที่จะได้ชื่นชมมัน
“คุณรู้มั้ยชุดที่คุณใส่...มันอันตรายเกินไป” เฟลิกซ์มองชุดราตรีสายเดี่ยวสีชมพูอ่อนที่ประดับลูกไม้สวยงามของเธอด้วยสายตาที่ลุ่มลึก ชุดนั้นเผยผิวเนียนสวยและทรวดทรงเย้ายวน จนทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มและหวงแหน ขึ้นมาราวกับเป็นเจ้าของ
“คุณไม่ควรใส่ชุดนี้ออกไปไหนกลางค่ำกลางคืนอีก...รู้มั้ย” เขาบอกอย่างห่วงใย น้ำเสียงของเขาหนักแน่นจริงจัง ราวกับกำลังออกคำสั่ง
เจณิสาเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างท้าทาย เธอรู้สึกดีกับความเป็นห่วงที่เขาแสดงออกมา มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่น พร้อม ๆ กับการแสดงความเป็นเจ้าของ เลยทำให้เธอพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ปกติฉันก็ไม่ค่อยได้แต่งแบบนี้สักเท่าไหร่หรอกค่ะ นาน ๆ ที” เจณิสายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเธอตั้งใจแต่งชุดราตรีสีหวานนี้เพื่อไปเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่มที่เขาเพิ่งจะหักหลังเธอ และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรก
“ผมอิจฉาแฟนคุณจริง ๆ แต่เขาไม่เห็นคุณค่าของคุณเลย” เฟลิกซ์กล่าวอย่างเห็นใจ ก่อนจะเห็นความเศร้าที่ซ่อนอยู่ภายในแววตาของเธอ เมื่อเห็นเจณิสาเศร้าเขาจึงไม่พูดเรื่องแฟนของเธออีก เขาเลือกที่จะเฝ้ามองเธอเงียบ ๆ แทนการซ้ำเติม และปล่อยให้ความอบอุ่นเข้ามาเยียวยาเธอแทนคำพูด
เจณิสาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างที่เอาออกมาจากกระเป๋าพยาบาล ความเชื่องช้าไม่ได้เกิดจากความเหนื่อยล้า แต่เกิดจากการที่เธอมัวแต่คิดถึงความปวดร้าวที่เกิดจากแฟนหนุ่ม
“คุณเป็นหมอที่เก่งครับ... เจนนี่ ตอนแรกผมนึกว่าจะต้องเย็บแผลใหม่ซะแล้ว” เฟลิกซ์ชวนคุยเปลี่ยนเรื่องเพื่อดึงคุณหมอสาวออกจากอารมณ์เศร้า เขากล่าวติดตลก และพยายามเรียกความสนใจจากเธอ
“ไม่หรอกค่ะ แผลคุณมันแค่ปริเล็กน้อยเท่านั้น แค่ระวังเรื่องการอาการอักเสบอย่างเดียว ไม่กี่วันแผลคุณก็หายแล้ว”
“แผลที่เย็บแล้วฉีกขาดมันไม่จำเป็นต้องเย็บใหม่เสมอไป มันขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและสภาพบาดแผล อีกอย่างตอนนี้เลือดที่ซึมออกมามันก็หยุดแล้ว”
เขาเลิกคิ้วขึ้นและไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอบอก การอธิบายเชิงวิชาการที่ยาว ๆ ทำให้เขาจับใจความไม่ได้ เพราะเฟลิกซ์เพิ่งหัดพูดภาษาไทยมาได้ไม่ถึงสองปี ตั้งแต่ที่เขาย้ายมาคุมธุรกิจส่งออกอาวุธอยู่ที่เมืองไทย
“ยังไงเหรอ ผมไม่เข้าใจ” เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัย
“คือฉันจะบอกว่า... แผลคุณน่ะ... มันฉีกขาดไม่มาก เดี๋ยวมันก็จะหายเองได้ แค่อย่าให้มันติดเชื้อ” เจณิสาอธิบายอย่างละเอียดขึ้น
“แต่เมื่อกี้คุณไม่ได้บอกแบบนี้นะ” เฟลิกซ์แกล้งสงสัย เพื่อหาเรื่องคุยกับเธอ
“โอ๊ยยย!!.. คุณนี่เข้าใจอะไรยากจริง สงสัยคุณอยากจะโดนเย็บสดจริง ๆ ละมั่ง!” เธอหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะขู่ให้เขากลัว
“แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่า..ตอนนี้ฉันไม่มียาชาหรอก ยกเว้นพาคุณไปขึ้นเขียงที่โรงพยาบาลนู่น!!”
“ไม่มีทางที่ผมจะไปโรงพยาบาล” เฟลิกซ์ปฏิเสธเสียงแข็ง เขาเลิกหยอกล้อและแกล้งเธอ เพราะรู้ดีว่าการไปโรงพยาบาลจะทำให้เขาต้องเปิดเผยตัวตน และพวกนั้นก็จะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน