7 ความเชื่อผิด ๆ
เจณิสาสูดหายใจลึก ๆ และพยายามทิ้งคำถามทุกอย่างที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่เอาไว้เบื้องหลัง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบาดแผลของเขา สัญชาตญาณความเป็นหมออยู่เหนือความกลัว
“ฉันว่าคุณถอดเสื้อสูทออกเถอะค่ะ”
“ครับ” คุณหมอสาวเอื้อมมือไปถอดเสื้อสูทของเขาออกอย่างทุลักทุเลในระหว่างที่เขาขับรถด้วยความเร็วสูง เฟลิกซ์จำต้องประคองพวงมาลัยรถด้วยมือเพียงข้างเดียว ความตึงเครียดของสถานการณ์ไม่ได้ทำให้ความใกล้ชิดระหว่างพวกเขาจางหายไปเลย แต่กลับเพิ่มความผูกพันที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
เมื่อเสื้อตัวนอกถูกถอดออก ก็เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เริ่มมีรอยเลือดซึมออกมาเป็นวงกว้างอย่างเห็นได้ชัด หัวใจของเจณิสาบีบรัดด้วยความห่วงใยในฐานะแพทย์ แต่ลึกกว่านั้นคือความรู้สึกที่คล้ายกับการปกป้องคนที่เธอเพิ่งยอมเปิดใจให้
“เลือดคุณออกเยอะเลย! คุณไม่น่าให้แผลกระทบกระเทือนถึงขนาดนี้!” เธอตำหนิเขาในฐานะแพทย์ แต่ก็แสดงความห่วงใยอย่างแท้จริง คุณหมอสาวตัดสินใจใช้ผ้าเช็ดหน้าสะอาดของตัวเองกดบาดแผลของเขาเอาไว้เพื่อห้ามเลือด
“คุณก็เห็น...ว่าผมไม่มีทางเลือก” เฟลิกซ์ตอบห้วน ๆ เสียงของเขาแฝงความเจ็บปวดที่พยายามเก็บซ่อนไว้
“แล้วทำไมคุณไม่หนีออกมาพร้อมฉันล่ะ” เจณิสาถามอย่างสงสัย
“ผมต้องยิงเปิดทางให้คุณ และต้องปักหลักสู้ ถ้าผมหนีไปพร้อมคุณ คุณก็จะอันตรายไปด้วย เพราะมันจ้องจะเล่นงานผม” เขาไม่ได้เล่าถึงว่าตัวเองเป็นผู้ล่าเลยสักนิด และเลือกที่จะปิดบังความจริงเอาไว้
“ผมรู้สึกปวดแผล คุณมีอะไรช่วยบรรเทาความเจ็บหน่อยมั้ย” เฟลิกซ์พึมพำ
“อดทนหน่อยนะคะ เดี๋ยวถึงคอนโดแล้วฉันจะทำแผลให้คุณใหม่” เจณิสากระซิบเบา ๆ พลางกดผ้าลงไปแน่นขึ้นเล็กน้อย ความอ่อนโยนที่มาพร้อมกับความเด็ดขาดของศัลยแพทย์ ทำให้เฟลิกซ์ยอมเชื่อฟัง
เขาเหลือบมองเธอ ใบหน้าคมผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาไม่ได้เห็นความกลัวในดวงตาของเธอเลย มีเพียงความห่วงใยที่บริสุทธิ์
“ผมไม่น่าทำให้คุณต้องมาลำบากกับผมเลย” เขาเอ่ยอย่างรู้สึกผิด การกระทำของเขาทำให้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเธอต้องแปดเปื้อน
“เงียบเลยค่ะ! อย่าพูดแบบนั้น” เธอส่ายหน้าเบา ๆ มืออีกข้างที่ไม่ได้กดแผลอยู่เอื้อมไปแตะไหล่เขาเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
“คุณจะต้องไม่เป็นอะไร และฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาคุณ” คำพูดของเธอคือคำมั่นสัญญาที่ให้ทั้งในฐานะแพทย์และในฐานะผู้หญิงที่ตัดสินใจร่วมชะตากรรมไปกับเขา
“คุณเอาวิสกี้เทใส่แผลให้ผมหน่อยสิ”
“จะบ้ารึไงคุณ! มันใช้ได้ที่ไหนล่ะ!” เจณิสาปฏิเสธเสียงแข็ง เธอไม่มีทางยอมให้ความเชื่อผิด ๆ ของมาเฟียมาทำลายความรู้ทางการแพทย์ของเธออย่างเด็ดขาด
“เถอะน่า!!!” เฟลิกซ์เร่งเร้า
“คุณฟังให้ดีนะ!!!... วิสกี้มันมีแอลกอฮอล์ในปริมาณที่ดื่มได้ แต่มันไม่สามารถใช้ฆ่าเชื้อได้หรอก คุณไปจำมาจากที่ไหนเนี่ย!” เธอจ้องหน้าเขาอย่างเอาจริงเอาจัง ดวงตาไม่แสดงความเกรงกลัวอำนาจใด ๆ เลย
“แต่ผมใช้มันบ่อยออก ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย!” เฟลิกซ์เถียงอย่างท้าทาย
“ปริมาณแอลกอฮอล์มันไม่เพียงพอในการฆ่าเชื้อหรอกคุณรู้เอาไว้ซะ แถมตัววิสกี้มันก็ยังมีสารอื่น ๆ ที่จะทำให้แผลของคุณระคายเคืองและติดเชื้อได้ง่ายกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ!”
“งั้นก็เอามาเถอะ ผมจะดื่มมัน” เฟลิกซ์ที่ถูกความเจ็บปวดรุมเร้าจนเขาเริ่มขาดสติ และต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดนั้น
“ดื่มได้แต่อย่าเอาไปราดนะคุณ!” เจณิสาเตือนอย่างเคร่งครัด ก่อนจะหยิบขวดวิสกี้ส่งให้เขา
เจณิสากดผ้าเช็ดหน้าแนบลงไปกับบาดแผลให้แน่นขึ้น ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันเพียงแค่คืบ เธอลืมไปแล้วว่าเธอกำลังช่วยมาเฟียที่เพิ่งจะฆ่าคน คุณหมอสาวรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาที่พ่นออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความไว้วางใจอย่างที่สุด
“พอแล้วผมเจ็บ...” เฟลิกซ์พึมพำเสียงแผ่ว ความแข็งแกร่งของมาเฟียเริ่มแตกสลายต่อหน้าเธอ
“ทำไมคุณมีศัตรูเยอะจัง” เจณิสาถามออกไปโดยไม่ทันคิด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า...อันตรายที่ติดตามตัวเขาราวกับเงานั้น มันเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับความจริงอันปวดร้าวของเธอ
“ผลประโยชน์และเงินมหาศาลมันไม่เข้าใครออกใครนะคุณ” เฟลิกซ์อธิบายสั้น ๆ ดวงตาของเขาฉายแววความจริงใจอย่างไม่ปกปิด
“และตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ผมจะอธิบายให้คุณฟัง!”
“ถ้าไม่รีบหนีเราจะตายกันทั้งคู่” เจณิสาพยายามกดแผลต่อไป แม้จะรู้ว่าแรงกดของเธออาจสร้างความเจ็บปวดให้เขามากเพียงใดก็ตาม
คุณหมอสาวยื่นหน้าเข้าไปพร้อมกับกดริมฝีปากของตัวเองลงบนแก้มสากที่เต็มไปด้วยเหงื่อของเขา จูบนั้นไม่ได้มีเพียงความเร่าร้อน แต่มีกำลังใจที่เธอมอบให้เขาอย่างเปิดเผย เป็นการยอมรับในชะตากรรมที่ต้องเผชิญร่วมกัน
เฟลิกซ์โอบรัดรอบเอวคอดของเธอไว้มั่นคง เขาตอบรับการกระทำนั้นด้วยสัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนที่สุด ราวกับต้องการยืนยันว่าการกระทำของเธอทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมากจริง ๆ
“อดทนก่อนนะ” เจณิสากระซิบ
“คุณขับรถไปคลินิกฉันถูกมั้ย มันอยู่ใกล้กว่าคอนโด”
“ไปไม่ได้หรอก” เฟลิกซ์ปฏิเสธทันที
“ถ้าพวกมันรู้ว่าผมอยู่กับคุณ ต่อไปพวกมันก็จะตามล่าคุณ หรือไม่ก็จับคุณไปเป็นเหยื่อล่อ นี่ดีนะว่า...ไอ้พวกที่มาจัดการผมในคลับมันตายหมดแล้ว ถ้าไม่เช่นนั้น พวกมันที่เหลือคงรู้ว่าผมอยู่กับคุณ” เขาหลุดปากพูดความจริง ทั้งที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้ แต่เจณิสาไม่ได้รู้สึกกลัวเขาแต่อย่างใด
“งั้นก็ไปที่คอนโดของฉัน ที่นั่นมีแก้อักเสบให้คุณ แล้วก็มีน้ำเกลือสำหรับล้างแผล” เจณิสารีบเสนออย่างร้อนรน เพราะเลือดของเขามันซึมออกมาเรื่อย ๆ ก่อนจะมองเห็นความเจ็บปวดภายใต้ความแข็งกร้าวของเขา
“ถ้าคุณขับไม่ไหว ให้ฉันขับก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร ผมยังไหว” เฟลิกซ์ตอบกลับอย่างรวดเร็วก่อนจะขับรถออกไปเมื่อเห็นสัญญาณไฟเขียวติดขึ้น ความหยิ่งทะนงและความเป็นผู้นำมันคือสายเลือดของมาเฟียที่หล่อหลอม
“อีกไกลมั้ย...กว่าจะถึงคอนโดของคุณ” เขาตัดสินใจรับข้อเสนออย่างไม่มีทางเลือก
“ไม่ไกล”
“มีที่อื่นอีกมั้ย ที่ที่ใกล้กว่านี้”
“นอกจากคลินิกก็ไม่มีแล้ว” เจณิสาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันว่าคุณต้องรีบทำแผลให้เร็วที่สุด! ไม่งั้นคุณจะแย่กว่านี้ เพราะเลือดคุณไหลไม่หยุด!” เธอรีบบอกอย่างจริงจัง
“โอเค...งั้นคุณคอยบอกทางผมล่ะกัน” เฟลิกซ์ยอมจำนนต่อการรักษา
เมื่อขับรถมาถึงคอนโด เฟลิกซ์รีบจอดรถในที่จอดรถส่วนตัวตามที่คุณหมอบอก เจณิสารีบพาเขาขึ้นไปยังห้องพักของเธอ ก่อนจะบอกให้มาเฟียหนุ่มนั่งรอบนโซฟาภายในห้องรับแขก
เจณิสาไม่รอช้าที่จะทำหน้าที่ของเธอ ความเป็นแพทย์ผลักดันให้เธอต้องเร่งรีบ คุณหมอสาวรีบก้าวไปหิ้วชุด กระเป๋าปฐมพยาบาลขนาดใหญ่ ที่เธอเตรียมไว้จากในห้องนอนออกมาอย่างรวดเร็ว ในนั้นมียาและอุปกรณ์ทำแผลครบครัน อุปกรณ์ทำแผลฉุกเฉินถูกรื้อออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
ชุดราตรีผ้าซาตินสีชมพูอ่อน ที่ดูน่าเย้ายวนใจกลับกลายเป็นชุดทำงานของเธอในยามนี้ เมื่อเธอนั่งลงข้าง ๆ เฟลิกซ์บนโซฟาและเริ่มเตรียมอุปกรณ์ทำแผล ความเซ็กซี่และน่ารักของเธอแผ่กระจายออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ทุกการเคลื่อนไหวที่เร่งรีบของเธอทำให้เนื้อผ้าซาตินลื่นไหลไปตามเรือนร่างอรชร แสงไฟสว่างภายในห้องรับแขกตกกระทบผิวนวลเนียน เฟลิกซ์มองเห็นเรือนร่างของเธออย่างชัดเจน ทุกการกระทำของเธอสามารถมัดใจให้มาเฟียหนุ่มคนนี้หลงใหลในความงามของเธอจนโงหัวไม่ขึ้น
เฟลิกซ์มองเรือนร่างของเธออย่างเพลินตา มือเรียวของเจณิสากำลังจัดเตรียมน้ำเกลือและเครื่องมืออย่างคล่องแคล่วจนลืมความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านอยู่ตามร่างกายไปชั่วครู่ นี่คือการบำบัดทางสายตาที่ทรงพลังยิ่งกว่ายาแก้ปวดใด ๆ เขาไม่ได้เห็นเธอเป็นแค่หมอ แต่เห็นเธอเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน ผู้หญิงที่กล้าเข้ามาในโลกมืดของเขาและทำให้หัวใจที่เย็นชาของเขาเต้นรัวอีกครั้ง
“อุปกรณ์ทำแผลพร้อมแล้วค่ะ คุณถอดเสื้อออกสิ” เจณิสาบอกเสียงนุ่มนวล แววตาจริงจัง
“คุณช่วยถอดให้ผมหน่อยสิ แขนผมไม่มีแรง” เขายังคงมีพละกำลังเต็มเปี่ยม แต่ต้องการความใกล้ชิด ดวงตาคมฉายแววออดอ้อนส่งไปในดวงตาของเธอ ใบหน้าของเจณิสาร้อนผ่าวจนเธอไม่กล้าปฏิเสธเขา
คุณหมอสาวตัดสินใจขยับเข้ามาใกล้เขาจนลมหายใจอุ่น ๆ ของเธอสัมผัสผิวของเฟลิกซ์ มือเรียวพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ชุ่มไปด้วยเลือดออกอย่างช้า ๆ ทีละเม็ด