15 รักก็บอกมาเลย
“เจนนี่!... ผมรอคุณแทบแย่ นึกว่าเที่ยงนี้...คุณจะไม่มาแล้วซะอีก” เฟลิกซ์ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาเธอด้วยความดีใจ ใบหน้าหล่อเหลากลับมายิ้มแย้มได้เหมือนเดิม
เขาไม่ได้สวมเสื้อ! เผยให้เห็นรอยสักผ่านมัดกล้ามที่แข็งแกร่ง ผ้าพันแผลสีขาวสะอาด เจณิสาก้าวเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว ดวงตาจับจ้องไปเขาด้วยความห่วงใย
“ไข้คุณลดลงหรือยังคะ!” เธอถามอย่างร้อนรน มือเรียวเอื้อมไปแตะที่หน้าผากของเขาอย่างรวดเร็ว
เฟลิกซ์ใช้จังหวะนั้น โอบรัดเอวของเธอ ดึงร่างเธอเข้ามาแนบชิดกับอกเปลือยของเขา
“ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้วครับ” เฟลิกซ์ตอบเสียงนุ่ม
“คิดถึงคุณจัง” เจณิสาเม้มปากแน่น พยายามดึงสติ
“ตัวคุณไม่ร้อนแล้ว” เธอยิ้มออกอย่างโล่งอก
“งั้นเดี๋ยว ทานข้าวนะคะ จะได้ทานยา... ฉันซื้อฟัวกราส์ย่างกับซอสราสป์เบอร์รี และสลัดร็อกเก็ตมาให้คุณด้วย หรือคุณจะทานอาหารไทยก็ได้นะ ฉันมีข้าวคลุกกะปิร้านอร่อยแถว ๆ คลินิก”
“เยี่ยมเลย! ผมกำลังหิวอยู่พอดี” เฟลิกซ์จุมพิตหน้าผากของเธอเบาๆ ก่อนจะปล่อยคุณหมอสาวให้ไปจัดเตรียมอาหารสำหรับมื้อกลางวัน
ทั้งสองคนได้ทานอาหารกลางวันด้วยกันเป็นครั้งแรก บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความใกล้ชิดที่เพิ่งเริ่มก่อตัว เฟลิกซ์ใช้ช้อนตักข้าวคลุกกะปิรสชาติจัดจ้านเข้าปากคำแรก ก่อนที่ใบหน้าคมของมาเฟียหนุ่มจะแสดงออกถึงความเผ็ดร้อน ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึง จนเจณิสาถึงกับอมยิ้มด้วยความเอ็นดู
“เฟลิกซ์!!! ฉันว่าคุณทาน ฟัวกราส์ เถอะค่ะ” เธอเสนออย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไร... ลองดู” เฟลิกซ์ตอบอย่างดื้อรั้น
“ปกติอาหารไทยผมก็กินบ่อยอยู่นะ”
“แต่เมนูนี้เพิ่งเคยลอง”
“คุณเพิ่งเคยทานข้าวคลุกกะปิงั้นเหรอคะ”
“ใช่ครับ”
“แล้วคุณเคยทานอาหารไทยอะไรมาบ้างคะ”
“ส้มตำครับ” เฟลิกซ์ตอบอย่างภาคภูมิใจ
“ว้าว!!..งั้นก็แสดงว่าข้าวคลุกกะปิ คุณจะทานมันได้ไม่ยากนักหรอก” เจณิสาหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นเขาพยายามอย่างหนัก
“ผมเอาพริกออกสักหน่อยล่ะกัน” เฟลิกซ์บอกอย่างมีแผน ก่อนจะใช้ช้อนเขี่ยพริกชิ้นเล็กๆ ออกจากจาน
“ตามสบายค่ะ” เจณิสาอนุญาต รอยยิ้มของเธอทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
“งั้น!! ฉันทานฟัวกราส์ของคุณนะ” เธอหยิบจานฟัวกราส์ของเขามาอย่างถือวิสาสะ
“ครับ” เฟลิกซ์ตอบรับอย่างง่ายดาย ทุกการเคลื่อนไหวของเธอล้วนเป็นภาพที่น่ามองสำหรับเขา อาหารมื้อกลางวันนี้จึงไม่ใช่แค่การเติมพลังงาน แต่คือการแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่ทำให้ความผูกพันของทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ท่ามกลางอันตรายที่รออยู่ภายนอก...โต๊ะอาหารเล็กภายในห้องคือเซฟโซนที่อบอุ่นที่สุดในเวลานี้
“ข่าวเมื่อคืนดังไปทั่วเลย คุณคงต้องหลบอยู่ที่นี่สักพักแล้วล่ะ” เจณิสาบอกเขาด้วยความห่วงใย และบอกว่าเธอพร้อมที่จะให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปหากว่าเขาต้องการ
“ผมจะทำให้คุณลำบากหรือเปล่า เจนนี่!!” เฟลิกซ์ถามกลับด้วยความเกรงใจ เขาเอื้อมมือไปจับมือของเธอไว้
“ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ได้ลำบากอะไรเลย...” เจณิสารีบบอกทันที
“แต่ฉันห่วงกลัวว่าพวกนั้นจะตามมาเจอคุณต่างหาก” เฟลิกซ์อมยิ้ม
“พวกนั้นจะไม่มีวันรู้หรอกว่าผมอยู่กับคุณ เพราะกล้องวงจรปิดในคลับผมเอาข้อมูลออกมาหมดแล้ว” ในเมื่อเธอต้องการให้เขาอยู่ เฟลิกซ์จึงบอกเพื่อให้เธอสบายใจ
“อ๋อ... ถึงว่าละ! นักข่าวรายงานว่าทางตำรวจกำลังมืดแปดด้านเลย เพราะกล้องวงจรปิดบริเวณนั้นถูกทำลายทิ้งหมด”
“ถ้ากล้องวงจรปิดข้างนอก....ไม่ใช่ฝีมือผมหรอก คงเป็นพวกของดิมิทรีมากกว่า”
“ถึงแม้พวกมันจะจ่ายส่วยทุกเดือน แต่นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ ดีไม่ดีพวกตำรวจนั่นแหละที่จะบอกให้พวกมันทำลาย” เฟลิกซ์อธิบาย
“แล้วทำไมต้องจ่ายส่วยด้วยล่ะคะ”
“เพราะดิมิทรีมันเปิดบ่อน ค้าผู้หญิง... มันจ่ายส่วยให้ตำรวจเดือนละหลายล้าน” เฟลิกซ์ตอบอย่างรู้ทัน
“คนที่จะตามล่าผมก่อนก็ต้องเป็นพวกมัน ไม่ใช่ตำรวจ” เขาบีบมือเธอเบาๆ
“คุณไม่ต้องห่วงนะ...เจนนี่ รับรองเรื่องนี้ผมจะไม่ให้คุณเดือนร้อนเพราะผม”
“ตำรวจจะไม่มีทางสาวมาถึงตัวผมได้แน่นอน และก็จะไม่มีใครรู้ว่าคุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับผม” สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“แล้วคนที่ตามล่าคุณล่ะ คุณคิดว่าเค้าจะเอายังไงต่อไป” เจณิสาถามเสียงเครือ ความกลัวและความกังวลกลับมาคุกคามดวงตาคู่สวยอีกครั้ง
“ไอ้ดีมิทรีมันคงไม่ยอมง่ายๆ หรอก...” เฟลิกซ์ตอบ
“ตอนนี้ลูกน้องของมันบาดเจ็บและตายไปหลายคน มันคงยังไม่สั่งให้ลูกน้องตามล่าผมหรอก”
“งั้นต่อไป ฉันต้องรอบคอบกว่านี้แล้วล่ะ” เจณิสากล่าวอย่างจริงจัง เธอเริ่มประเมินสถานการณ์อย่างมีสติ
“เอาเป็นว่า...ฉันจะซื้อหาอาหารมาตุนเอาไว้ให้คุณนะคะ” เฟลิกซ์จับจ้องดวงตาของเธอ เขาแสดงสีหน้าเห็นด้วยแต่ก็รีบเตือนด้วยหลักการ
“ขอบคุณครับ แต่ขอเป็นอาหารที่ทานง่าย ๆ เก็บได้นาน ๆ พวกขนมปังเนื้อรมควัน หรือผักสลัดที่เก็บได้นาน ๆ แล้วเวลาที่คุณจะกลับคอนโด คุณก็ต้องระวังตัวให้มากรู้มั้ย คุณต้องพยายามดูอะไรที่ผิดสังเกตบ้าง”
“ค่ะ...ฉันจะพยายาม”
“ต่อไปนี้คุณต้องใช้ชีวิตประจำวันของคุณให้เป็นปกติที่สุด... และก็ห้ามซื้ออาหารสำหรับสองคนแบบนี้มาอีก” เฟลิกซ์เน้นเสียงหนักแน่น
“แย่จัง!!....วันนี้ฉันดันซื้ออาหารมาให้คุณ จะมีคนสงสัยมั้ยคะ” เจณิสาพึมพำกับตัวเองด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ยังหรอก แค่วันเดียวเอง ยังไม่มีใครทันสังเกตหรอก” เฟลิกซ์ปลอบ
“และจำไว้อีกอย่าง...” เฟลิกซ์ยื่นมือมากุมมือของเธอเบาๆ ดวงตาของเขาสื่อถึงความห่วงใยลึกซึ้ง
“ที่คลินิกของคุณ ถ้ามีใครมาถามเรื่องที่ผมไปรักษาละก็ คุณจะต้องบอกว่าไม่รู้เรื่อง และก็ลบเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดวันนั้นทิ้งซะ คุณจะได้ไม่เดือดร้อน” เจณิสาสบตาเขา ความกลัวถูกแทนที่ด้วยความกล้าหาญเมื่อยังมีเขาอยู่ข้าง ๆ
“ฉันจะทำตามที่คุณบอกค่ะ...เฟลิกซ์”
“ดีมาก...ที่รัก” เฟลิกซ์กล่าวชมอย่างพึงพอใจ
“ใครที่รักคุณคะ! ขี้ตู่จัง!” เธอบ่นเบา ๆ แต่ใบหน้ากลับแดงระเรื่อ
“ก็คุณไง คุณเป็นห่วงผมซะขนาดนี้ จะบอกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมงั้นเหรอ” เฟลิกซ์ถามพลางยิ้มเยาะอย่างเจ้าเล่ห์
หลังทานอาหารกลางวันเสร็จ เจณิสาก็ลุกไปเตรียมยามาให้เขา เธอป้อนยาแก้อักเสบและยาลดไข้ให้เขาอย่างอ่อนโยน
“คุณต้องพักผ่อนเยอะๆ นะคะ แล้วเดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะรีบกลับมาทำแผลให้คุณ” เจณิสาบอกด้วยความเป็นห่วง
“คุณต้องระวังตัวนะ...เจนนี่!” ใบหน้าของเขาอ่อนโยนเมื่อมองเธอ
“การที่คุณเข้าออกคอนโดถี่ๆ มันจะยิ่งผิดสังเกต คุณต้องทำตัวให้เหมือนเดิมที่สุด ค่อยทำแผลให้ผมตอนดึก ๆ ก็ได้”
เมื่อเห็นความดื้อรั้นที่มาพร้อมเหตุผลของเขา เจณิสาจึงยอมแพ้ เธอทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เฟลิกซ์ไม่รอช้า ใช้แขนแข็งแรงโอบรัดเอวเธอไว้แน่น ก่อนจะดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นที่เธอเองก็โหยหามาตลอด
ทั้งสองกอดกันแน่น ซึมซับความอบอุ่นและกำลังใจซึ่งกันและกัน
“งั้นฉันไปทำงานก่อนนะ แล้วจะแวะซื้อโทรศัพท์มาให้” เจณิสาเงยหน้าขึ้นจากแผงอกของเขา
“คุณซื้อมาแค่ซิมการ์ดก็พอ จะซื้อโทรศัพท์ทำไมกัน เดี๋ยวก็มีคนสงสัยหรอก”
“โอเค ฉันก็แค่อยากไลน์หาคุณบ้างนิ” เธอบ่นเบาๆ อย่างน่ารัก
เฟลิกซ์ยิ้มกว้าง เขาโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มของเธออย่างรักใคร่
“บอกสิ... ว่าคิดถึงผม เจนนี่!!”
“ไม่!!!..” เจณิสาปฏิเสธเสียงสูง ใบหน้าแดงก่ำ
“หือ!!!... อย่าสิ เฟลิกซ์” เขากอดเธอแน่นไม่ยอมปล่อย คุณหมอสาวพยายามดันตัวออก
“ผมจะกอดคุณอยู่อย่างนี้ถ้าคุณไม่ยอมรับ” เฟลิกซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ท่าทางเหมือนเด็กที่กำลังเอาแต่ใจ
“โอเค ๆ ฉันยอมรับก็ได้” เธอถอนหายใจอย่างยอมแพ้
“ยอมรับแล้วก็บอกมาสิ” เจณิสาซบหน้าเข้ากับไหล่กว้างของเขา
“ฉันเป็นห่วงคุณ อยากไลน์มาถามอาการคุณบ้าง” เธอพึมพำเสียงอู้อี้
“ยังอีก! ยังไม่พูดอีก!” เฟลิกซ์ขู่ด้วยการกอดรัดแน่นกว่าเดิม จนเธอกลัวว่าบาดแผลของเขาจะกระทบกระเทือน
“ก็ได้ค่ะ! ฉันคิดถึงคุณ! พอใจยัง!” เธอกล่าวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาทำแก้มป่องใส่เขา
เฟลิกซ์หัวเราะอย่างมีความสุข เขาแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน
“ก็แค่เนี้ย!!! ต้องให้ผมออกแรง”
“งั้น...ฉันไปทำงานก่อนนะคะ”
“ครับ... ที่รัก” เฟลิกซ์กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่สื่อความหมายชัดเจน ทำให้เจณิสาต้องเขินอายก่อนจะรีบเปิดประตูออกจากห้องไปพร้อมกับหัวใจที่พองโต