14 เป็นห่วง
08.00 น.
นาฬิกาปลุกเรือนเล็กที่วางอยู่บนหัวเตียงส่งเสียงร้องเตือนอย่างแผ่วเบา เป็นสัญญาณบอกเวลาให้เจณิสาต้องเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเตรียมตัวไปทำงานในคลินิกของเธอ แต่เช้านี้ไม่เหมือนกับทุก ๆ เช้า เมื่อมีใครบางคนนอนหลับใหลอยู่ข้าง ๆ
คุณหมอสาวลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง อันเนื่องมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ผสมกับความตึงเครียดตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เธอใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่มองร่างหนาที่นอนอยู่ ก่อนจะรีบเดินตรงไปยังห้องน้ำ
ไม่นานนักเจณิสาออกมาจากห้องน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพื่อสวมบทบาทของศัลยแพทย์ตกแต่ง ในชุดทำงานที่ดูทะมัดทะแมง ก่อนจะกลับมาที่เตียงเพื่อปลุกคนที่นอนอยู่ให้ตื่นขึ้น
“นี่คุณ!!!...ตื่นได้แล้วค่ะ” เจณิสาพลางเขย่าแขนเขาเบาๆ ก่อนจะรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมา
“เจนนี่...” มาเฟียหนุ่มครางอื้ออึงในลำคอ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“เฟลิกซ์!!!” หญิงสาวจึงยื่นมือไปแตะหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา
“เฮ้! คุณตัวร้อนเหรอนี่!” เธออุทานอย่างตกใจ ความร้อนระอุที่แผ่ออกมาจากผิวของเขานั้นผิดปกติ
คุณหมอสาวรีบแตะซ้ำอีกครั้งด้วยหลังมือเพื่อยืนยัน ก่อนจะมั่นใจแล้วว่าเขามีไข้ขึ้นสูง ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าบาดแผลของเขาเริ่มมีการอักเสบ อย่างที่เธอคาดการณ์เอาไว้
“เฟลิกซ์!!..คุณตัวร้อนมาก คุณตื่นมากินยาก่อน!” เจณิสาปลุกเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง เฟลิกซ์ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมคู่ฉายแววอ่อนล้า เธอเห็นถึงความอิดโรยของมาเฟียหนุ่ม ก่อนที่เขาจะจับจ้องมองใบหน้าของเธอขณะที่ยังไม่ตื่นเต็มที่
“ผมเพลียมากเลย เจนนี่!” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่า ใบหน้าหล่อเหลาดูซีดเซียวลงเล็กน้อย เจณิสาถอนหายใจ
“คุณตื่นมาทานยาก่อน เดี๋ยวคุณจะแย่เอา คุณตัวร้อนมากเลยรู้มั้ย” เธอบอกด้วยความเป็นกังวลอย่างแท้จริง
ก่อนจะรีบเดินไปที่ตู้เย็นในห้องครัวเล็กๆ โชคดีที่พอจะมีแซนด์วิชที่เตรียมไว้สำหรับเช้านี้ เธอหยิบมันออกมาใส่จานพร้อมกับยาลดไข้และยาแก้อักเสบที่เธอเตรียมไว้ให้เขาโดยเฉพาะ
“ลุกขึ้นก่อน...เฟลิกซ์ คุณต้องกินยานะ ไม่เช่นนั้นคุณจะไข้สูงกว่านี้ แผลคุณอักเสบแล้ว” เจณิสาวางจานและแก้วน้ำลงบนโต๊ะข้างเตียง
เฟลิกซ์พยายามยันกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ความเจ็บปวดจากบาดแผลบวกกับอาการไข้ทำให้เขาอ่อนแรง เจณิสาเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองแผ่นหลังกว้างให้เขานั่งพิงหัวเตียงเอาไว้
“ขอบคุณครับ...” เขาพึมพำอย่างซาบซึ้งใจ
“ในตู้เย็นมีแค่นี้...คุณกินรองท้องไปก่อนนะ เสร็จแล้วก็กินยาตรงนี้ ฉันต้องไปทำงานแล้ว” เจณิสายื่นแซนด์วิชให้เขา พร้อมกับยาและขวดน้ำดื่มที่วางเอาไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง
เฟลิกซ์รับแซนด์วิชมากัดอย่างเชื่องช้า เขามองเจณิสาที่ยืนมองเขาอย่างไม่ละสายตา เธอในชุดยูนิฟอร์มสีขาวดูอ่อนโยนและน่าทะนุถนอมกว่าเมื่อคืนหลายเท่า
“คุณจะทิ้งผมไว้คนเดียวเหรอ” เฟลิกซ์ถามด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ซึ่งผิดวิสัยของมาเฟียผู้ทรงอำนาจอย่างเขา เจณิสาเม้มปากแน่น
“ฉันจะไปเปิดคลินิกค่ะ” หลังจากมาเฟียหนุ่มทานแซนวิชเสร็จ เธอก็รีบหยิบยาและน้ำให้เขาทันที
“คลินิกคุณเปิดกี่โมง” เฟลิกซ์ทานยาและน้ำเรียบร้อยก็รีบถามเธอ
“คลินิกเปิดสิบโมง ปิดทุ่มหนึ่งค่ะ”
“ฉันจะล็อกห้องเอาไว้ คุณห้ามเปิดประตูให้ใคร เข้าใจไหม แล้วพักกลางวันฉันจะแวะเอาอาหารมาให้ จะได้ตรวจดูอาการของคุณอีกที”
“ผมจะรอคุณนะ” เขาจับมือเธอไว้แน่น มือของเขาที่ร้อนรุ่มทำให้เธอรู้สึกถึงความอ่อนแอของเขาในตอนนี้
“ค่ะ” เจณิสายอมให้เขากอด
“คุณพักผ่อนได้แล้ว” เฟลิกซ์ยิ้มเล็กน้อย
“ครับ” เขากระชับอ้อมกอดอีกครั้ง
Jennisah Clinic
11.00 น.
เสียงจอแจของการทำงานในช่วงเช้าไม่สามารถกลบเสียงการพูดคุยเกี่ยวกับข่าวใหญ่เมื่อคืน เจณิสาศัลยแพทย์เจ้าของคลินิกผู้เพิ่งเสร็จสิ้นจากการร้อยไหมคนไข้รายหนึ่ง กำลังเดินออกจากห้องหัตถการหลักด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ทว่าทันทีที่เธอเดินผ่านห้องหัตถการอีกห้องหนึ่งถัดไป ซึ่งมีหมอรุ่นน้องและทีมพยาบาลกำลังเตรียมอุปกรณ์สำหรับเคสผ่าตัดตกแต่งในช่วงบ่าย บทสนทนาที่ได้ยินก็ทำให้หัวใจเธอหล่นวูบ
ภายในห้องนั้น ณิชาศัลยแพทย์สาวกำลังคุยกับส้มผู้ช่วยพยาบาลที่เพิ่งย้ายมาช่วยงานในคลินิก ทั้งสองกำลังช่วยจัดชุดเครื่องมือผ่าตัดเอาไว้สำหรับคนไข้ในช่วงบ่าย
“ส้ม! เห็นข่าว ดิ ออบซิเดียน เมื่อคืนมั้ย ยิงกันสนั่นหวั่นไหวเลย! ดีนะที่พี่กับแฟนออกมาได้ก่อน” ณิชาหมอรุ่นน้องเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นปนหวาดเสียว
ส้มพยาบาลผู้ช่วยชะงักมือจากการจัดเรียง เข็มและไหมละลาย
“สรุปว่าหมอณิชากับแฟนไปที่นั่นเหรอคะ! ไหนว่าจะไม่ไปแล้วไง!” ส้มถามด้วยความตกใจ
“ข่าวลงว่า...เป็นพวกกลุ่มมาเฟียต่างชาติจริงมั้ยคะ เห็นเค้าเล่ากันว่าพวกนั้นทะเลาะกัน แล้วก็ไล่ฆ่ากันในคลับ!”
“เห็นว่าพวกเดียวกันนะ ข่าวลงไว้เป็นชาวรัสเซียมั่ง ส่วนคนไปเที่ยวที่บาดเจ็บสาหัสเลยก็มีประมาณสามคน น่าจะโดนลูกหลง” ณิชาตอบพลางสวมถุงมือยางเตรียมพร้อมสำหรับเคสต่อไป
“โอ๊ย! ส้มขนหัวลุกค่ะหมอณิชา!” ส้มกล่าวอย่างหวาดกลัว
“ต้องโทษอีตากอล์ฟคนเดียวเลย ที่ดันเสือกอยากไปที่นั่น เกือบได้เป็นผีเฝ้าคลับแล้วมั้ยล่ะ” ณิชาบ่นอุบ
“พูดแล้วยังขนลุกไม่หาย”
เจณิสายืนฟังตัวชา ภาพบาดแผลที่เธอเพิ่งเย็บอย่างประณีตผุดขึ้นมาในหัว เธอรีบเดินเลี่ยงออกมาจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นสีหน้าวิตกของเธอ
หัวใจของคุณหมอสาวเต้นรัวด้วยความกลัวและความเป็นห่วง ชัดเจนแล้วว่าคนไข้ที่เธอซ่อนไว้ที่คอนโดไม่ใช่แค่คนธรรมดาที่ประสบเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท แต่เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มมาเฟีย ที่พร้อมจะนำพาความตายมาเยือนเธอได้ทุกเมื่อ!
เจณิสารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเชคข่าวอย่างรวดเร็ว ปลายนิ้วพิมพ์ค้นหาข่าวตามหัวข้อที่ณิชาและผู้ข่วยพยาบาลพูดถึง จากนั้นภาพข่าวบนแฟลตฟอร์มชื่อดังก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือทันที เป็นวิดีโอภาพจากนักข่าวที่รายงานความชุลมุนวุ่นวายบริเวณทางออกของคลับ
ก่อนที่เธอจะอ่านพาดหัวข่าวของเวปหนึ่ง ซึ่งเป็นเนื้อหาอย่างเดียว โดยพาดหัวข่าวเขียนเอาไว้ว่า กลุ่มมาเฟียค้าอาวุธเถื่อนปะทะเดือดกลางคลับหรู! คาดบอสใหญ่หลบหนีลูกน้องตายเกลื่อน เมื่อเห็นพาดหัวเจณิสายืนตัวชา เธอรู้สึกเป็นห่วงเฟลิกซ์ขึ้นมาจับใจ
“พี่เจน!!! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ หน้าซีดเชียว” ณิชารีบเดินเข้าประชิดตัวเจณิสาด้วยความเป็นห่วง ดวงตาของเธอมองสำรวจใบหน้าของหมอรุ่นพี่อย่างละเอียด เจณิสารีบเก็บมือถือเข้ากระเป๋าทันที
“อ๋อ...เปล่าหรอกณิชา สงสัยเมื่อคืนพี่จะดื่มหนักไปหน่อย เช้านี้ก็เลยแฮงค์!” เธอฝืนยิ้มและพยายามสร้างเหตุผลที่ฟังดูสมเหมาะสม แต่ในใจกลับร้อนรนราวกับไฟสุม
“เมื่อคืนพี่เจนได้ไป เซอร์ไพรส์พี่ณัฐ หรือเปล่าค่ะ” ณิชาถามอย่างรู้ทัน
“อ๋อ..เปล่าหรอก พี่ไปนั่งดื่มคนเดียวน่ะ” เจณิสาตอบเสียงเรียบ
“พูดแบบนี้ พี่เจนจับได้ว่าพี่ณัฐนอกใจอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
"อืม"
"แล้วพี่ไปปลดปล่อยที่ไหนคะ อย่าบอกนะว่า.."
“ก็คลับที่เป็นข่าวนั่นแหละ แต่พี่ออกมาก่อน ” เจณิสารีบโกหกทันที ดวงตาของณิชาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“อ่าว!!..แล้วทำไมไม่บอกหนูล่ะ! หนูกับแฟนก็ไปค่ะ ดีนะที่รอดกันมาได้” ณิชาบอกอย่างตื่นเต้น
“แล้วพี่เจนไปนั่งดื่มอยู่มุมไหนคะ ทำไมหนูไม่เห็นพี่ล่ะ”
“โซนวีไอพีน่ะ แต่พี่กลับก่อน ก่อนที่เค้าจะยิงกันอีก” เจณิสาพยายามทำให้การสนทนาจบลงโดยเร็วที่สุด ณิชามองคุณหมอรุ่นพี่อีกครั้งอย่างพิจารณา
“แล้วรอบนี้พี่เจนจะเอายังไงคะ”
“พี่ไม่มีทางให้โอกาสเค้าอีกแล้ว” เจณิสารีบโยนความผิดไปให้เรื่องแฟนเก่าเพื่อปิดบังความจริงที่น่ากลัวกว่า
“มันก็น่าอยู่หรอกค่ะ ผิดซ้ำผิดซาก” ณิชาถอนหายใจแทนหมอรุ่นพี่อย่างเอือมระอา
“หนูว่าพี่เจน เลิกไปก็ดีค่ะ มันหลายครั้งแล้ว เดี๋ยวหนูหาหมอหล่อ ๆ ในโรงพยาบาลให้ เดี๋ยวนี้มีน้องจบใหม่ตั้งหลายคน หล่อ ๆ ทั้งนั้น” ณิชาพยายามให้กำลังใจ
“ว่าไปณิชา พี่ไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอก พี่ว่า...พี่อยู่เป็นโสดอย่างนี้น่ะดีแล้ว” เจณิสาพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย เธอไม่อยากมีความสัมพันธ์แบบผูกมัดกับใครอีกแล้ว และตอนนี้ผู้ชายที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตเธอนั้น...ก็อันตรายยิ่งกว่าการถูกหักหลังเสียอีก
ในช่วงพักกลางวันเจณิสาแวะซื้ออาหารสำหรับมื้อเที่ยงสองคนก่อนจะรีบขับรถกลับคอนโด คุณหมอสาวรู้สึกเป็นห่วงเฟลิกซ์ที่นอนอยู่ตามลำพังพร้อมบาดแผลและอาการไข้ เธอขับด้วยความเร็วสูงกว่าปกติ หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความกังวลและความคาดหวังที่จะได้เห็นใบหน้าของเขาอีกครั้งอย่างปลอดภัย
คีย์การ์ดถูกวางลงยังเครื่องสแกนจนได้ยินเสียงสัญญาณ ตามด้วยเสียงลูกบิดของประตู ก่อนที่คุณหมอสาวจะก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว เธอกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป หรืออาจมีคนร้ายมาตามล่าเขาถึงที่นี่ แล้วภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้เจณิสาต้องแปลกใจ... เฟลิกซ์นั่งอยู่ที่โซฟาอย่างสบายอารมณ์ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น