บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 โลกมันแคบ

ตอนที่ 2

โลกมันแคบ

ธามมองคุณหมอวัยกลางคนที่เดินเข้ามาในห้องพักด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แน่นอนว่าคุณหมอเองก็รับรู้ถึงความรู้สึกนี้จากบุตรชายเช่นเดียวกัน

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไปมีเรื่องกับใครมา” คุณหมอธรถามคำแรกเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้

“ผู้หญิงบ้าครับพ่อ เจอกันไม่ถึงวันทำผมปวดหัวได้” ธามพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“ผู้หญิงเหรอ” คนเป็นพ่อทวนคำด้วยความแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นลูกหงุดหงิดเรื่องผู้หญิงมาก่อน

“ครับ เป็นผู้หญิงร้ายกาจที่สุดเท่าที่เคยเจอมา” ชายหนุ่มย้ำ

“จริงเหรอ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี” บิดาอมยิ้มเล็กน้อย

“ทำไมพ่อคิดแบบนั้น”

“เพราะลูกไม่เคยปวดหัวกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน มีแต่ผู้หญิงปวดหัวใจเพราะลูกไม่รับรัก” คุณหมอธรยิ้ม แต่คนถูกล้อไม่ได้ขำหรือยิ้มแบบมีอารมณ์ร่วมด้วยเลย

“ผู้หญิงไม่ได้ต้องการความรักหรอกครับ ความรักที่คนใฝ่ฝันมันไม่มีอยู่จริง ผู้หญิงมักมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอในความรักเสมอ ที่ผมเจอมาก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น” ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ

“อย่ามองใครในด้านลบเพียงอย่างเดียว เรื่องบางเรื่องหรือการกระทำของคนบางคนไม่สามารถใช้ตัดสินคนทั้งโลกได้” คุณหมอธรเตือน

“ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมักเป็นแบบนั้นนี่ครับ บางครั้งผมก็อยากเป็นอย่างพ่อที่สามารถให้อภัยคนที่ทำผิดกับเราได้ แต่ผมพยายามทีไรก็ทำไม่ได้สักที” ธามพูดตามจริง เขาไม่ใช่คนที่ใจดีเช่นบิดา และไม่ใช่คนที่จะลืมอะไรง่ายๆ

นายแพทย์ธรถึงกับถอนหายใจเมื่อฟังสิ่งที่ลูกชายพูดจบ รู้ดีว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น ธามไม่เคยคิดจะจริงจังหรือไว้ใจผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น แถมยังไม่เชื่อในเรื่องของความรักอีก ปมในหัวใจเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่ยากจะแก้ไขจริงๆ

“พ่อว่าเราอย่าพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า แล้ววันนี้เข้ามาที่โรงพยาบาล มีอะไรหรือเปล่า” บิดาเปลี่ยนเรื่องพูด

“มีครับ วันนี้เข้ามาดูเอกสารที่ต้องเซ็น”

“เมื่อไหร่ลูกจะออกจากวงการแล้วมาทำหน้าที่ดูแลโรงพยาบาลของเราเต็มตัวเสียที ทำไมไม่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไปเลย ทำสองอย่างพร้อมกันถึงจะทำได้ดีแต่ว่ามันเหนื่อยมาก พ่อไม่อยากเห็นลูกเป็นแบบนี้”

“ผมยังสนุกกับงานที่ทำอยู่ครับพ่อ งานในวงการทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่หลายอย่าง ส่วนงานตรงนี้มันเป็นงานของครอบครัว ยังไงวันหนึ่งผมก็ต้องมาดูแลแทนพ่ออยู่ดี ตอนนี้ผมอยากทำสองอย่างควบคู่กันไปก่อนครับ” บุตรชายให้เหตุผล

“ความคิดคนหนุ่มสินะ” คุณหมอธรได้แต่ยอมรับและไม่คัดค้านในสิ่งที่ลูกต้องการ

“เอาเป็นว่าขอเวลาสักสิบปี ผมจะออกจากวงการและมาทำงานบริหารอย่างเต็มตัวก็แล้วกันนะครับ”

“เอาเถอะ พ่อเคารพการตัดสินใจของลูก” บิดาพยักหน้า ส่วนนักแสดงหนุ่มเพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้น

สถานที่จัดงานแสดงสินค้าขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัด

เพชรพันปีร้องเสียงดังเมื่อชนกับบางสิ่งและของที่ถือมาเต็มมือร่วงกระจายเต็มพื้น ยังดีที่น้ำพริกอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงเลยไม่ได้เสียหายอะไร แต่มันจะเสียเวลาที่ต้องเก็บในช่วงเร่งรีบแบบนี้

แล้วฟ้าก็มาโปรดเมื่อมีใครบางคนมาช่วย เพชรพันปีเงยหน้าขึ้นเตรียมจะส่งยิ้มหวานขอบคุณ ทว่าเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็แทบจะกรี๊ดออกมาแทน ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่ดูจะตกใจเหมือนเห็นผี

“คุณ/คุณ” ทั้งสองอุทานขึ้นมาพร้อมกัน

“ให้ตายสิ ทำไมผมต้องมาเจอคุณด้วยนะ” ธามร้องออกมาอย่างขัดใจเมื่อเห็นหน้าคนที่ชนเต็มตา

“ทำไมวันนี้ซวยแต่เช้าเลย” เพชรพันปีบ่นลอยๆ

“คนที่ซวยน่าจะเป็นผมมากกว่า โลกนี้มันแคบจนไม่รู้จะไปทางไหนแล้วหรือไง ถึงต้องมาเจอกันอีก” ธามพูดอย่างไม่ไว้หน้า

ในขณะที่เพชรพันปีก้มลงเก็บของด้วยความรวดเร็ว ถึงจะไม่พอใจแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเถียง สิ่งที่ต้องทำคือเก็บของและเอาเข้าไปขายในงานให้เร็วที่สุด นักแสดงหนุ่มจึงช่วยเก็บอย่างเสียมิได้

“ฉันไม่อยากเถียงกับคุณ ต่างคนต่างแยกย้ายจะดีกว่า” เพชรพันปีตัดบทสั้นๆ

“ใจคอจะไม่ขอบคุณสักคำหรือคุณ” ธามชักหมั่นไส้ พอเจ้าหล่อนไม่ตอบโต้เขาก็รู้สึกว่าทนไม่ได้ ต้องปะทะฝีปากสักคำสองคำถึงจะรู้สึกสบายใจอย่างไรอย่างนั้น

“ตอนแรกก็ว่าจะขอบคุณ แต่พอเห็นว่าคนที่ชนเป็นใครก็ไม่ดีกว่า” หญิงสาวพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจเลย

“ทำไมเป็นคนไร้มารยาทแบบนี้นะ”

“ฉันจะมีมารยาทกับคนดีๆ เท่านั้น แต่กับคุณ ‘ไม่’ เพราะคุณทำให้ฉันเสียเวลาเก็บของ และตอนนี้ฉันก็ไม่อยากจะคุยกับคุณแล้ว เสียเวลาทำมาหากิน” พูดจบเจ้าหล่อนก็สะบัดหน้าทำท่าจะเดินหนี

ธามรีบคว้าแขนของเธอไว้ก่อนที่จะเดินหนีไปได้ เพชรพันปีมองมือที่จับแขนของตัวเองไว้สลับกับมองหน้าอย่างเอาเรื่อง

“ปล่อย”

“ขอโทษก่อนแล้วจะปล่อย” เขายืนยันคำเดิมหนักแน่น ครั้งนี้จะไม่ยอมแล้ว

“ไม่”

“ถ้าไม่ขอโทษ ไม่ปล่อยนะ”

“ปล่อย ไม่อย่างนั้นมีเรื่องแน่” ทั้งสองจ้องตากันนิ่งไม่มีใครยอมใคร แต่ก่อนที่สงครามจะเกิดขึ้น ก็มีสัญญาณห้ามทัพดังขึ้นมาเสียก่อน

“คุณธามได้เวลาแล้วนะฮะ”

สงครามที่กำลังจะเริ่มหยุดลงทันที ธามหันมามองผู้จัดการส่วนตัวซึ่งเป็นสาวใหญ่ที่อยู่ในมาดชายอย่างขัดใจเพราะเข้ามาขัดจังหวะ ส่วนเพชรพันปียังคงจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยสายตาที่หาเรื่องเต็มที่

“เราต้องไปแล้วฮะคุณธาม คุณต้องเตรียมตัวก่อนขึ้นเวที”

ธามหันมามองหน้าคนที่ตนจับแขนไว้ น้ำนิ่งหันมองตามแล้วก็อุทานออกมาเสียงดัง

“น้องเพชร”

“พี่น้ำนิ่ง” แม่ค้าสาวเอ่ยชื่อของอีกฝ่ายขึ้นมา พร้อมทั้งยิ้มให้เมื่อเจอคนบ้านเดียวกัน

“รู้จักกันด้วยเหรอครับ พี่น้ำนิ่ง” ธามถามผู้จัดการส่วนตัวด้วยความแปลกใจ แต่ยังไม่ยอมปล่อยแขนของคนที่จับไว้แต่อย่างใด

“น้องเพชรเป็นเพื่อนบ้านที่ต่างจังหวัดของพี่เองฮะ”

“พี่น้ำนิ่งรู้จักไอ้บ้านี้ด้วยเหรอคะ”

“เขาเป็นเจ้านายพี่เอง” น้ำนิ่งเริ่มจะงงแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าทั้งคู่รู้จักกันได้อย่างไร แต่จากสถานการณ์ตรงหน้าดูเหมือนว่ามันจะเป็นการพบกันที่ไม่สวยงามนัก

เพชรพันปีหันมามองหน้าคู่ปรับอีกครั้ง และหันมามองหน้าของเพื่อนบ้านรุ่นพี่ต่อ สายตาที่เต็มไปด้วยการขอร้องของน้ำนิ่ง ทำให้เลิกคิดที่จะต่อปากต่อคำ

“น้องเพชรมาทำอะไรที่นี่” น้ำนิ่งชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง

“วันนี้เอาน้ำพริกมาขายค่ะ”

“น้ำพริกนรกห่าเหว” นักแสดงหนุ่มต่อท้ายให้ ทำเอาน้ำนิ่งตกใจ

“คุณธามทำไมพูดแบบนั้นล่ะฮะ น้ำพริกที่บ้านน้องเพชรอร่อยมาก อร่อยจนต้องร้องขอชีวิตเลย ของขึ้นชื่อของจังหวัดเลยนะ” น้ำนิ่งรีบแก้ต่างเพราะเกรงว่าเพชรพันปีจะอาละวาดอีกครั้ง

“พี่ว่าเรารีบไปกันดีกว่าคุณธาม ต้องเตรียมตัวก่อนขึ้นเวทีนะฮะ” ผู้จัดการส่วนตัวรีบบอก เพราะดูจากท่าทางของทั้งสองคนแล้ว ถ้าไม่แยกจากกันเพชรพันปีกับธามคงสร้างมหาสงครามถล่มงานเป็นแน่

“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ หวังว่าคราวหน้าคงไม่เจอกันอีกนะ” ธามเค้นไรฟันเอ่ย

“คิดว่าฉันอยากจะเจอคุณนักหรือไง เจอทีไรมีแต่เรื่องซวยๆ ปล่อยแขนฉันได้แล้ว จับแขนฉันนานแล้วนะ คิดจะแต๊ะอั๋งกันหรือไง ไอ้บ้า”

“คิดว่าอยากจะจับนักหรือไง ที่จับเพราะต้องการให้คุณขอโทษ”

“ทำไมฉันจะต้องขอโทษคุณด้วย คุณนั่นแหละที่ควรจะต้องขอโทษฉัน ปล่อยแขนฉันได้แล้ว”

ธามเม้มปากแต่ก็ยอมปล่อยแขนโดยดี เพชรพันปีจ้องหน้าเขาเขม็ง และก่อนที่ธามจะตั้งตัวทันก็โดนถุงที่บรรจุน้ำพริกร่วมร้อยกระปุกฟาดเข้ามาที่ท้อง

ถ้าไม่รู้ก็คงคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งใจ เพราะสายตาและการยักคิ้วกวนๆ ของเธอที่ส่งมาให้ หลังจากอยู่ในระยะที่ไกลพอสมควรแล้ว

“ยัยตัวแสบ”

“เกิดอะไรขึ้นฮะคุณธาม ดูเหมือนคุณกับน้องเพชรจะมีปัญหากัน”

“พี่น้ำนิ่ง ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนร้ายเท่ากับแม่คนนั้นเลย รู้ไหมว่าแม่นั่นเอาปลาร้ามาละเลงรถผมตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน” น้ำนิ่งตกใจเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“จริงเหรอ ปกติน้องเพชรไม่เคยหาเรื่องใครก่อน น้องเพชรเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากมีน้ำใจกับทุกคนเลยนะ คุณธาม”

“แม่นั่นร้ายจนผมไม่รู้ว่าจะเปรียบกับอะไรดี แค่ผมบังเอิญเปิดประตูห้องน้ำแล้วเห็นเจ้าหล่อนแก้ผ้าอยู่ในนั้น ทีนี้ก็อาละวาดราวกับว่าผมเป็นฆาตกร”

“คุณธาม นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ น้องเพชรเป็นผู้หญิงที่หวงเนื้อหวงตัวมาก แล้วขึ้นชื่อว่าผู้หญิงต่อให้ไม่ใช่น้องเพชร ใครเจอเรื่องนี้ก็ต้องอาละวาด” น้ำนิ่งแก้ต่างให้ เนื่องจากรู้จักเพชรพันปีเป็นอย่างดี

“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรทำกับผมแบบนี้ สาธุ ขออย่าให้เจอกันอีกเลย เจอทีไรมีเรื่องทุกที”

“พี่ยังยืนยันนะว่าน้องเพชรน่ารัก” น้ำนิ่งพยายามไกล่เกลี่ย

“พี่น้ำนิ่งน่ารักไปคนเดียวเถอะ ผมไม่มีทางน่ารักด้วยหรอก ผู้หญิงแบบนั้นอย่าเจอเลย เจอแล้วมีแต่เรื่อง” ธามโบกมือไล่ตามที่พูด น้ำนิ่งฟังแล้วได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ

น้ำนิ่งยิ้มด้วยความพอใจเมื่อมีคนเอาน้ำพริกมาให้หลายกระปุก นอกจากนั้นยังมีข้าวสวย ปลาเนื้ออ่อนตัวเล็กๆ ทอดกรอบกินได้ทั้งตัว ไข่ต้มและผักที่เตรียมไว้กินด้วยกันอีกสองสามอย่าง เด็กสาวที่นำของมาให้นั้นบอกว่าเพชรพันปีเป็นคนฝากมา และขอโทษที่เอามาให้ด้วยตัวเองไม่ได้เพราะติดลูกค้า

“ฝากไปบอกลูกพี่ของเราด้วยนะว่าขอบใจ และฝากขอโทษด้วยที่ไปขอบใจด้วยตัวเองไม่ได้ เพราะต้องรีบไปงานอื่นต่อ” เมื่อเด็กรับสารวิ่งออกไป น้ำนิ่งก็กลับมาหาเจ้านายของตนอีกครั้ง

“พี่น้ำนิ่งมีอะไรให้ผมกินไหม วันนี้หิวมาก” นักแสดงหนุ่มเอ่ยเมื่อเข้ามาอยู่ในรถแล้ว

“พอมีนะฮะ แต่มีแค่ข้าวสวยกับน้ำพริก ปลาทอด ไข่ต้ม แล้วก็มีผักนิดหน่อย” น้ำนิ่งมองของรอบตัวแล้วพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นช่วยจัดให้ผมเร็วๆ หน่อยได้ไหมครับ ผมหิวมากเลยตอนนี้”

“คุณธามไม่ได้กินมื้อเช้าเหรอฮะ”

“ดื่มแค่น้ำส้มมาแก้วเดียวเองครับพี่ ถ้ารอแม่ครัวนานแน่ พี่น้ำนิ่งก็รู้ว่าแม่ครัวที่บ้านของผม นอกจากช้าแล้วยังทำอาหารได้ไร้รสชาติมากถึงมากที่สุด ดีนะที่คุณพ่อกับผมไม่ค่อยได้กินอาหารที่บ้าน ไม่อย่างนั้นคงต้องกล้ำกลืนฝืนทนน่าดู”

น้ำนิ่งพยักหน้ารับพร้อมทั้งเตรียมของให้เขารับประทานไปด้วย นึกขอบคุณเพชรพันปีที่ฝากของมาให้ เพราะมันมีทุกอย่างพร้อมมาก

ธามยื่นมือมารับกล่องข้าวที่ผู้จัดการส่วนตัวส่งให้ และตักอาหารในนั้นเข้าปากอย่างไม่รอช้า รสชาติของสิ่งที่กำลังเคี้ยวอยู่นี้ มันอร่อยมากเสียจนเขากินหมดในเวลาไม่กี่นาที

“อร่อยมากพี่น้ำนิ่ง ปลาทอดนี่กินได้ทั้งตัวเต็มปากพอดิบพอดีเลย น้ำพริกก็อร่อยมาก น้ำพริกอะไร”

“น้ำพริกตาแดงฮะ”

“ร้านไหนครับทำได้ถูกใจผมมากเลย หอมกลิ่นปลาย่างแล้วใส่มะม่วงเปรี้ยวซอยเข้ามาด้วย ถูกใจจริงๆ” คำถามนั้นทำเอาคนถูกถามไปไม่ถูก เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี

“เอ่อ...”

“ว่าไงครับ ร้านไหน ผมจะได้ไปตามหาถูก”

“ร้านของน้องเพชรฮะ น้ำพริกนรกครกทองของแท้ต้องมีรูปแม่พลอยนั่งบนครกทองคำฮะ” คำตอบนั้นทำเอาคนฟังวางของที่ถือไว้ลงบนเบาะข้างๆ แทบจะทันที

“อะไรนะ ร้านของยัยตัวแสบนั่น อย่าบอกนะว่าแม่คนนั้นทำ”

“ไม่ใช่ฮะ น้องเพชรไม่ได้ทำน้ำพริก คนที่ทำคือแม่กับเตี่ยของน้องฮะ สูตรนี้ต้นตำหรับมาจากต้นตระกูลทางแม่ของน้องเลย” น้ำนิ่งอธิบาย

“ค่อยยังชั่ว แต่อย่างว่าแม่คนนั้นคงทำอะไรไม่เป็น” พูดจบนักแสดงหนุ่มก็หยิบกล่องข้าวขึ้นมารับประทานต่อ

“น้องเพชรทำอาหารอร่อยนะฮะ ยิ่งตอนนี้ต้องมารับช่วงต่อกิจการอาหารปิ่นโตของพี่สาวด้วยยิ่งเก่งขึ้น พี่จำได้ว่าเมื่อก่อนน้องเพชรจะชอบทำโน่นทำนี่มาให้ที่บ้านของพี่ชิมบ่อยๆ ฝีมือนี่อร่อยกว่าเชฟดังๆ อีก พี่ว่าปลาเนื้ออ่อนทอดนี่ก็น่าจะเป็นฝีมือน้องเพชร”

“ถ้าน้ำพริกนี่แม่คนนั้นไม่ได้ทำเอง ผมสามารถกินต่อได้ครับ เพราะถ้าเธอทำเองผมจะไม่กินต่อเด็ดขาด พี่น้ำนิ่งขอข้าวสวยกับน้ำพริกและผักเพิ่มอีกสักหน่อยนะครับ” ธามเปลี่ยนเรื่องพูด เพราะยิ่งได้ยินผู้จัดการส่วนตัวชมผู้หญิงคนนั้นยิ่งหมั่นไส้

“แสดงว่าอร่อยมาก” น้ำนิ่งมั่นใจว่ารสชาติถูกใจธามแน่ๆ

“พอกินได้ครับ ความหิวทำให้ผมรู้สึกอร่อยก็เท่านั้น ทั้งที่ความจริงมันก็แค่น้ำพริกธรรมดา” เขาตอบแก้เก้อก่อนที่จะตักข้าวใส่ปากไปอีกคำ

“รับปลาเล็กปลาน้อยทอดด้วยไหม” น้ำนิ่งถาม ธามนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ

“เอามาก็ได้ครับ จะทนกลืนไป” นักแสดงหนุ่มตอบแล้วตักอาหารเข้าปากต่อ

เถ้าแก่ทองคำแท้กับคุณนายพลอยพันแสงนั่งยิ้ม เมื่อลูกสาวคนเล็กวิดีโอคอลมาคุยด้วย ถึงแม้จะห่วงและอยากให้ลูกมาทำงานที่บ้านมากแค่ไหน แต่เมื่อเห็นว่าเพชรพันปีมีความตั้งใจอยากจะรับช่วงต่องานของลูกสาวคนรอง ทั้งสองคนก็ไม่ขัดขวางแต่อย่างใดและดูเหมือนว่าจะมีคนสั่งอาหารปิ่นโตเพิ่มขึ้นด้วย

“เพชร ส่งรูปอะไรมาให้เตี่ยดู รถอะไร” พลอยพันแสง หญิงไทยวัยกลางคนที่ยังสวยสดถามลูกสาวเมื่อเห็นภาพที่ลูกส่งมาให้

“ผลงานหนูเอง”

“ผลงานอะไร ไปทำอะไรมา”

“หนูลืมเล่าให้เตี่ยกับแม่ฟัง เมื่อหลายวันก่อนมีคนมาว่าน้ำพริกเราว่าเป็นน้ำพริกห่าเหว แถมพูดจาไม่เข้าหูหลายเรื่อง หนูเลยเอาน้ำปลาร้าละเลงไปที่รถมันเสียเลย”

คุณนายพลอยพันแสงยกมือทาบอกด้วยความตกใจ ส่วนเถ้าแก่ทองคำแท้หัวเราะชอบใจ แต่เมื่อเห็นสายตาของภรรยาที่มองมาแบบตำหนิก็รีบทำหน้านิ่งทันที

“แม่ไม่ชอบ แม่บอกเพชรแล้วใช่ไหมว่าถ้าไม่พอใจอะไรให้เงียบ ใครจะว่าอะไรก็ปล่อยเขา ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงยิ่งไม่ต้องสนใจ” คุณนายพลอยพันแสงสอนลูกสาวคนเล็กทันที

“แต่มันหาเรื่องเรานะแม่ น้ำพริกของเราอร่อยจะตาย มันดันมาหาว่าเป็นน้ำพริกห่าเหว หนูไม่ยอมหรอก ถ้าไม่ใช่หนูแต่เป็นเตี่ย หนูเชื่อว่าเตี่ยก็ทำ”

“ไอ้เพชร ทำไมมาโยนให้กันแบบนี้วะ”

“หรือไม่จริง”

“อย่ามาหาพวกโว้ย พอเลย ไม่ต้องคุยแล้ว ไอ้ลูกเวร ไม่ยอมโดนด่าคนเดียวสินะถึงต้องลากเตี่ยเข้าไปด้วย” เพชรพันปียิ้ม แต่มารดาของเธอไม่ยิ้มด้วย

“แม่ขอเตือน ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะทำแบบนี้ ถ้าไม่ชอบก็แค่อยู่ห่างๆ แม่ไม่อยากให้ใครมาว่าลูกว่าเป็นอันธพาล และมันไม่ดีกับเราด้วย ชื่อเสียงที่สร้างมาจะพังเพราะความโมโหและอารมณ์ชั่ววูบ เข้าใจไหม” คุณนายย้ำกับลูกสาวตัวแสบ

“ค่ะ แม่” เพชรพันปีตอบเสียงอ่อยสีหน้าสลดลงเล็กน้อย เป็นที่รู้กันในบ้านว่าลองคุณนายพลอยพันแสงออกคำสั่งหรือเตือนเมื่อไหร่ ถ้าไม่ทำตามมีเรื่องแน่

“คราวหลังทำก็ไม่ต้องบอกสิวะ”

“เฮีย อย่าส่งเสริมลูก” เถ้าแก่ทองคำแท้หน้าจ๋อยไปทันทีเมื่อถูกปราม ส่วนเพชรพันปียิ้ม

“หนูไปก่อนนะแม่ นอนก่อน วันนี้เหนื่อยทั้งวันเลย พรุ่งนี้เฮียเพมาขายแทนหนู ให้เฮียมาเร็วๆ หน่อยนะคะ”

“เดี๋ยวแม่บอกให้”

“รักแม่กับเตี่ยนะ จุ๊บๆ เดี๋ยววันเสาร์เย็นๆ เจอกันจ้ะ” เพชรพันปียิ้ม

คุณนายพลอยพันแสงวางไอแพดเครื่องใหญ่ลงและหันมามองหน้าสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ

“เฮียไม่ควรให้ท้ายลูก ควรจะห้ามหรือปรามมากกว่า เดี๋ยวเพชรมันจะคิดว่าเรื่องที่ตัวเองทำเป็นเรื่องที่ถูก” หญิงวัยกลางคนพูดกับสามีด้วยน้ำเสียงจริงจัง เถ้าแก่มองภรรยาด้วยสายตาที่มีทั้งความรักและความเกรงใจอยู่ด้วย

“แม่พลอย ไม่ใช่ว่าเฮียจะเข้าข้างลูกนะ แต่ลองเพชรมันทำแบบนี้ได้ แปลว่าโมโหมาก”

“ถึงจะมากแค่ไหนก็ต้องรู้จักคุมอารมณ์ให้ได้ ฉันไม่อยากให้ลูกมีศัตรู”

“เพชรมันเอาตัวรอดได้ แม่พลอยเชื่อสิ”

“เอาตัวรอดได้ แต่เพชรเป็นผู้หญิง ถ้ามีเรื่องกับผู้ชาย อย่างไรเสียผู้หญิงก็เสียเปรียบวันยังค่ำ เฮียต้องปรามลูกบ้าง”

“แม่พลอยปรามคนเดียวมันก็เชื่อแล้ว คนในบ้านนี้เชื่อแม่พลอยกันทั้งนั้น” เถ้าแก่ยอ

“อย่ามายอกันเลย ถ้าเชื่อจริงเพชรมันคงไม่แสบขนาดนี้หรอก ทั้งพี่ทั้งพ่อให้ท้ายไปหมด”

“เอาน่าแม่พลอย อย่าคิดมากเลย” คุณนายมองสามีแล้วถอนหายใจ เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรพ่อคนนี้ก็ต้องเข้าข้างเห็นดีเห็นงามกับลูกสาวอยู่แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel