บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 คนแก่ (อยาก) ย้อนวัย

ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันเข้ามาภายในห้องสรรพสินค้าใจกลางเมือง แม้จะเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบข้างเนื่องจากการแต่งกายของทั้งเขาและเธอ แต่อีกฝ่ายก็ดูว่าจะไม่มีท่าเดือดร้อน ไหล่บอบบางถูกโอบกอด หนักเข้ามือหนาก็ไล่ต่ำลงมายังบริเวณรอบเอวคอด

ธิดาวรรณพยายามขืนกายออกจากการเกาะกุม ทว่าท่อนแขนแข็งแกร่งยิ่งกว่าคีมเหล็กรัดแน่นจนไม่อาจทำตามใจคิด หญิงสาวจึงจำยอมในที่สุด

"น้ำหวาน" เสียงปริศนาที่ตะโกนเรียกทำให้ทั้งคู่หันไปยังทิศทางดังกล่าวก่อนจะพบกับบุคคลซึ่งคลับคล้ายคลับคลาว่าคือเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตอนชั้นมัธยมต้น

"น้ำหวานจำเราได้ไหม?" เจ้าของเสียงเรียกเมื่อครู่นี้รีบสาวเท้าเข้ามาทักทายเพื่อนวัยเรียนทันที

"อื้ม...จำได้สิ" ธิดาวรรณตอบกลับไป แม้ตอนนั้นจะไม่สนิทสนมกับอีกฝ่ายมากนักแต่เธอก็จำเพื่อนในห้องเรียนได้ทุกคน

“ว่าแต่น้ำหวานมาทำอะไรน่ะ” อีกฝ่ายยังคงถามต่อและชำเลืองมองชายข้างกายของคนตรงหน้าไปด้วย ในใจก็แอบชื่นชมกับความหล่อ สมาร์ทและดูดีของชายที่เดาสถานะได้ว่าน่าจะเป็นผู้ปกครอง

“เอ่อ...เรามาดูหนังจ้ะ”

“แล้วนี่พ่อน้ำหวานใช่หรือเปล่า เอ่อ...สวัสดีค่ะ" การทำความเคารพเป็นเรื่องปกติของคนอายุน้อยกว่าแต่สรรพนามที่ถูกเรียกขานทำเอาหนุ่มใหญ่แทบผงะ

พ่องั้นหรือ...เขาดูมีอายุมากขนาดนั้นเชียว

"คือไม่ใช่จ้ะกิ่ง คุณอรรถเป็น..."

"เป็นแฟนน้ำหวาน" อติเทพเป็นฝ่ายตอบแทน มิหนำซ้ำยังกระชับเอวคอดแน่นขึ้น เขาจะไม่ถือโทษโกรธอะไร เพราะถือคติเสมอว่าคนไม่รู้ย่อมไม่ผิด

“อุ๊ย...หนูขอโทษค่ะ” คนปากพล่อยรีบกล่าวขอโทษกับการมีตาแต่หามีแววไม่ของตน มือที่เห็นว่าโอบกอดเพื่อนก็ดันไปเข้าใจอีกว่า ‘พ่อหวง’

“ไม่เป็นไร”

“ถ้างั้นเราไปก่อนนะน้ำหวาน ดูหนังให้สนุกนะจ๊ะ” เพื่อนวัยเรียนกล่าวคำลาด้วยรอยยิ้มและรีบก้าวออกไปเนื่องจากความเข้าใจก่อนหน้านี้ทำให้เธออับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี

“ฉันดูแก่มากหรือน้ำหวาน” อติเทพอดถามออกไปไม่ได้

“ไม่หรอกค่ะ กิ่งคงไม่แน่ใจว่าจะถามว่าคุณอรรถเป็นใครมากกว่า” ธิดาวรรณแก้ต่างและปลอบประโลมอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มหวานจนคนมองรู้สึกดีขึ้นมา

“ไปซื้อตั๋วกัน น้ำหวานอยากดูเรื่องอะไร”

“น้ำหวานดูเรื่องอะไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณอรรถ” เธอไม่อยากทำตัวเรื่องมาก

“เลือกเถอะ ฉันเองก็ไม่ดูหนังมาหลายปีแล้ว”

“ตกลงค่ะ” ธิดาวรรณตอบตกลงก่อนที่ทั้งคู่จะพากันขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อดูโปรแกรมหนังที่เข้าฉายในรอบวันนี้

สองชั่วโมงหลังจากนั้น

"ไปเดินซุปเปอร์มาร์เกตก่อนได้ไหมคะ เอ่อ...น้ำหวานอยากทานขนม" น้ำเสียงที่ฉายแววออดอ้อนกว่าปกติทำเอาอติเทพถึงกับเลิกคิ้ว

"อ้อนเป็นด้วย?" ที่ถามใช่ว่าเขาจะไม่ชอบ แค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น

“น้ำหวานแค่อยากทานขนมค่ะ” สิ้นเสียงเจ้าของร่างอิ่มก็รีบเดินนำไปยังจุดหมายปลายทางเพื่อหาสิ่งที่ต้องการทันที

“น้ำหวานขอทานอันนี้นะคะ"

"อันนี้ด้วย"

"เอ่อ...ขออีกอย่างนะคะ" คำขออนุญาตครั้งแล้วครั้งเล่าจากเจ้าของเสียงหวานเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหนุ่มใหญ่

"น้ำหวานอยากกินอะไรก็หยิบไป ฉันจะจ่ายให้เอง"

"ขอบคุณค่ะ" ธิดาวรรณกล่าวคำขอบคุณด้วยอาการเขินอายเมื่อเห็นแววตาล้อเลียนของอีกฝ่าย แต่เธอจะพยายามมองข้ามไปเพราะสิ่งที่กำลังล่อตาล่อใจให้วิ่งเข้าใส่คือขนมหลากหลายชนิดซึ่งวางเรียงรายอยู่บนชั้น

อติเทพหันไปมองหญิงสาวข้างกายที่กำลังยกมือขึ้นมาปิดปากหาวเป็นครั้งที่สองในระหว่างเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาที่รถติดพอสมควร

“นอนก่อนก็ได้ถ้าง่วง ถึงแล้วฉันจะปลุก” ไม่พูดเปล่าเจ้าของมือหนายังดึงร่างเด็กในปกครองให้ซบลงไปบนหัวไหล่ท่ามกลางแรงขัดขืนเบาๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“เริ่มดื้ออีกแล้ว นอนซะ” ผู้ปกครองแสนเผด็จการสั่งเสียงดุ กระทั่งเสียงเพลงกล่อมเด็กดังขึ้นภายในรถยนต์ซึ่งกำลังเงียบสนิท เพลงที่มารดาของอติเทพเคยร้องให้ฟังตั้งแต่เด็กและเจ้าตัวก็ดันจำมันได้ขึ้นใจ เวลานี้ถูกขับกล่อมจากผู้ชายที่นิ่งขรึมแต่สุดท้ายเด็กจอมดื้อที่ว่ากลับหลับลงง่ายดายนับเป็นความภาคภูมิใจอีกอย่างหนึ่งของเขา

รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเสกสรรอีกครั้ง หลายครั้งที่เขาพยายามกลั้นเสียงหัวเราะหลังได้ยินบทเพลงขับกล่อมจากผู้เป็นเจ้านาย ด้วยยังไม่อยากรีบหางานใหม่จึงพยายามอดกลั้นเอาไว้จนเริ่มกลั้นไม่ไหว

“วันนี้เห็นนั่งยิ้มมาสองรอบแล้วเสกสรร มึงมีความสุขอะไรนักฮึ?”

"เปล่าครับคุณอรรถ ผมแค่แปลกใจไม่คิดว่าคุณอรรถจะทำอะไร...แบบนี้” เสกสรรตอบออกไปตามตรง

“อย่าหัดเป็นคนขี้สงสัย เงียบเสียงลงด้วยเดี๋ยวน้ำหวานตื่น” คำสั่งที่ดังเข้าหูทำให้ผู้เป็นลูกน้องรีบทำตามในทันที ไม่ใช่แค่เกรงใจเพียงอย่างเดียว สำคัญไปกว่านั้นคือเขากลับมองว่าช่างเป็นภาพที่น่ารักมากทีเดียว

~แก๊งค์สาวสวยและไม่โสด~ ชื่อกลุ่มที่เพิ่งถูกเปลี่ยนใหม่ตามคำสั่งดังขึ้นมาในโปรแกรมแชต

เจนี่ตัวแม่ : นี่ นังน้ำเค็ม แกอย่าลืมขออนุญาตหลัวล่ะ

Namwan : จ้ะ เดี๋ยวน้ำหวานจะลองขอคุณอรรถดูชะเอมคนสวย

ชะเอมคนสวย: ฉันล่ะกลัวว่าคุณอรรถของแกจะไม่ให้ไปจริงๆ น้ำหวาน

Namwan : คงไม่หรอกจ้ะชะเอม ไปทำรายงานไม่ได้ไปเที่ยวสักหน่อยเจนี่ตัวแม่

เจนี่ตัวแม่: เออ ก็จริงนะ หลัวหล่อนหวงยิ่งกว่าไข่ในหินอีก

ชายใจหญิงตอบกลับมาอย่างเห็นด้วยกับข้อความของเอมอร

Namwan : ยังไงน้ำหวานจะลองขอดูก่อนนะเจษ แล้วน้ำหวานจะบอกอีกทีจ้ะ

เจนี่ตัวแม่ : อือ...ขอให้โชคดีมีชัยย่ะ นอนก่อนล่ะ แล้วเจอกัน บาย

Namwan : ฝันดีนะจ๊ะเจษ

ชะเอมคนสวย: ไปด้วย ฝันดีนังเทยเจษฎา

“คุยอะไรกันนักหนา รีบนอนได้แล้ว” เจ้าของเรือนร่างกำยำที่เพิ่งก้าวออกจากห้องน้ำส่งเสียงดุเมื่อพบว่าเด็กในปกครองจดจ่ออยู่กับโซเชียลมีเดียแทบตลอดเวลา หนุ่มใหญ่ชอบการสนใจกันและกันมากกว่าจะสนอย่างอื่น

“แค่คุยเล่นกับเจษกับชะเอมค่ะ” หญิงสาวตอบและกดปุ่มออกจากโปรแกรมที่เพิ่งใช้สนทนาเสร็จเรียบร้อย

“อย่าหัดนอนดึกมาก มันไม่ดีต่อสุขภาพ” อติเทพทำเสียงดุก่อนจะหยิบกางเกงนอนขายาวมาสวม เขาคงลืมไปแล้วว่าเธอเพิ่งจะตื่นหลังจากหลับสนิทมาตลอดทาง

ธิดาวรรณวางสมาร์ตโฟนไว้บนหัวเตียงและห่มผ้าเรียบร้อยเตรียมตัวเข้านอน แต่เรื่องที่เพิ่งสนทนากับเพื่อนสนิททั้งสองทำให้หญิงสาวรู้สึกหนักใจเนื่องจากมีลางสังหรณ์ว่าอาจจะไม่ได้รับการอนุญาตจากอีกฝ่ายอย่างที่ถูกเพื่อนแซว

“จ้องหน้าฉันทำไมฮึน้ำหวาน?” เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยถามหลังขึ้นมานอนอีกฝั่งและไม่ลืมดึงหญิงสาวให้เข้ามาชิดกาย เธอกลายเป็นหมอนข้างประจำตัวเขาไปเสียแล้ว

“ไม่มีอะไรค่ะ” ดวงตากลมหลุบต่ำลงหลังถูกจับได้

“ไม่กอดฉันหรือ” ผู้ใหญ่ที่ขี้อ้อนยิ่งกว่าเด็กสามขวบเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเธอยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติ่งและไม่ยอมกอดตอบบ้าง

“เอ่อ...ค่ะ” เจ้าตัวตอบแล้วค่อยๆ วาดแขนมาโอบกอดเรือนร่างกำยำเอาไว้ กระทั่งอีกฝ่ายขยับเข้ามาชิดมากขึ้น สองแขนแกร่งทำหน้าที่ตามใจเรียกร้องจนร่างอิ่มแทบจมหายเข้าไปกับร่างของตนเอง

“ฝันดี” หลังได้รับการตอบรับเป็นที่น่าพึงพอใจริมฝีปากหยักก็เปล่งเสียงหวานๆ ออกมาพร้อมกับปิดเปลือกตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel