บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 หวง (เมีย) เด็ก

วันเสาร์ เวลา 9.30 นาฬิกา

หลังจากถอดผ้ากันเปื้อนออกธิดาวรรณก็ตั้งใจว่าจะกล่าวขออนุญาตในเรื่องที่นัดแนะกับเพื่อนสนิทไว้ก่อนหน้านี้ หญิงสาวยืนสูดลมหายใจลึกๆ เป็นการเรียกกำลังใจตัวเองก่อนจะสาวเท้าไปยังห้องทำงานส่วนตัวของเจ้าของห้องชุด

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

“มีอะไรหรือเปล่าน้ำหวาน” หนุ่มใหญ่เงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผู้มีมาเยือนมีท่าทางเก้ๆ กังๆ

“น้ำหวานทำกับข้าวเสร็จแล้วค่ะ คุณอรรถจะทานข้าวเลยไหมคะ”

“อืม...เดี๋ยวฉันออกไป” อติเทพตอบรับในขณะที่ก้มลงไปสนใจกับงานตรงหน้าต่อ

“คือ...คุณอรรถคะ น้ำหวานขออนุญาตไปทำรายงานที่หอเจษนะคะ” ธิดาวรรณตัดสินใจเอ่ยออกไปเมื่อนึกถึงข้อความจากโปรแกรมแชตที่ถูกรบเร้าเมื่อคืนนี้

“จะกลับกี่โมง?” เจ้าของเสียงทุ้มถามกลับในขณะที่ยังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบพกพา

“เอ่อ...น้ำหวานจะขอนอนค้างที่ห้องเจษหนึ่งคืนค่ะ”

“ไม่ได้!” หนุ่มใหญ่สวนกลับมาทันควัน

“แต่ว่า...” ธิดาวรรณกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่กับถ้อยคำปฏิเสธที่ทั้งห้วนและแฝงไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจ

“ฉันไม่ชอบให้เธอไปนอนค้างบ้านคนอื่น” ดวงตาคมเข้มที่แข็งกร้าวขึ้นมองมาอย่างตำหนิจนเจ้าหล่อนได้แต่ยืนนิ่ง ทำตัวให้ลีบเล็กมากที่สุด

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อีกอย่างน้ำหวานก็นัดกับเจษไว้แล้ว” กระนั้นหญิงสาวก็ยังพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ

“ยังไงฉันก็ไม่ไว้ใจ” อติเทพยังคงปฏิเสธจนคนมองเริ่มใจแป้ว ทว่ากลับพองโตขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินถ้อยคำต่อมา

“ให้เพื่อนมาค้างที่นี่แล้วกัน” เขาไม่ใช่คนใจร้ายและไร้เหตุผลขนาดนั้น

“คุณอรรถสะดวกหรือคะ” ธิดาวรรณถามราวกับต้องการย้ำให้แน่ใจ ด้วยรู้นิสัยใจคอดีว่าเขาไม่ชอบให้ใครยุ่มย่ามพื้นที่ส่วนตัวมากนัก

“ห้องว่างก็มีอยู่แล้ว เพื่อนเธอแค่สองคนคงไม่ยุ่งยากนัก”

“ขอบคุณค่ะ” เจ้าของร่างอิ่มยกมือขึ้นมากระพุ่มไหว้พร้อมก้มศีรษะอย่างนอบน้อมเพื่อขอบคุณคนตรงหน้าอีกครั้งที่ยอมให้ใช้พื้นที่ยอมในสิ่งเหนือความคาดหมายขนาดนี้

“ฉันจะรับคำขอบคุณ แต่ต้องมีอย่างอื่นตอบแทนด้วย” คนอย่างอติเทพไม่เคยยอมอะไรง่ายๆ โดยไม่ได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจแน่นอน

“แล้วคุณอรรถอยากได้อะไรคะ” แววตาใสซื่อนั่นทำเอาหนุ่มใหญ่แทบอดใจไม่ไหว อติเทพลุกขึ้นมาคว้าร่างอิ่มเข้าสู่อ้อมกอดท่ามกลางอาการตกใจและขัดขืนเล็กน้อยก่อนจะยอมโอนอ่อนในที่สุดหลังนึกได้ถึงสถานะของตนเอง

ฟอดด! แก้มนวลเนียนถูกกดลงมาเต็มแรงพร้อมกับเสียงอุทานหลังถูกเจ้าของร่างกำยำช้อนร่างขึ้นแล้วพาเดินไปยังโซฟาตัวใหญ่บริเวณมุมห้อง

“คะ...คุณอรรถจะทำอะไรคะ?”

“ขอรางวัลที่ฉันควรได้น่ะสิ” สิ้นเสียงมือหนาก็ค่อยๆ บรรจงดันร่างอิ่มให้นอนราบลงบนโซฟานุ่มโดยพาตนเองตามเข้าไปทาบทับไว้ติดๆ ใบหน้าหวานฉายแววตื่นกลัวและไม่เคยชินในเรื่องแบบนี้แม้จะเคยผ่านมาแล้วก็ตาม

"อื้อ" ธิดาวรรณหวีดเสียงร้องหลังซอกคอขาวเนียนถูกรุกราน ไรฟันคมขบเม้มลงไปราวกับต้องการตีตราเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว อาการต่อต้านในคราแรกกลับกลายเป็นอ่อนปวกเปียกราวกับถูกขี้ผึ้งลน เขารับรู้ได้จากแขนเรียวซึ่งเอื้อมไปโอบรอบบริเวณลำคอหนาท่ามกลางเสียงครางด้วยความพึงใจของผู้ชายเหนือร่าง

“คุณอรรถขา” เจ้าของเสียงหวานประท้วงและส่ายหน้าเบาๆ หลังเสื้อยืดตัวเล็กกำลังจะถูกปลดออกจากศีรษะโดยมีเสียงจิ๊จ๊ะจากคนถูกขัดใจดังตามมาให้ได้ยิน

“ไม่ต้องมาทำเสียงหวานเลยเด็กดื้อ ฉันยอมตามใจเธอแล้วนะ”

“กะ...ก็” ธิดาวรรณเกิดอาการติดอ่างขึ้นมาชั่วขณะ

“ก็อะไร ใช่ว่ายังไม่เคย” คนหื่นกระเซ้ากลับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมเข้มฉายแววปรารถนาเต็มกำลัง

“คนบ้า...อุ๊ย” ต่อว่าได้ไม่ทันไรหญิงสาวก็ส่งเสียงอุทานออกมาอีกครั้งเมื่อปราการด้านบนชิ้นต่อมาถูกปลดออกอย่างชำนิชำนาญ เนินทรวงถูกจู่โจมในทันทีจากริมฝีปากหยัก

นอกจากครอบครองปทุมถันสีหวานด้วยปากแล้วมือหนายังเคล้นคลึงทรวงอกอิ่มอีกข้างเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของหญิงสาวใต้ร่างซึ่งแม้ปากจะส่งเสียงห้ามแต่อาการอ่อนระทวยบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังคล้อยตามง่ายดาย

ลิ้นร้อนไล่ต่ำลงมายังบริเวณหน้าท้องแบนราบก่อนจะวกกลับไปขึ้นไปด้านบนใหม่ ไม่มีบริเวณไหนในร่างกายที่ไม่ถูกสัมผัสจากคนเอาแต่ใจ กระดุมกางเกงขาสั้นเหนือเข่าหลุดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ รู้ตัวอีกทีแพนตี้ตัวเล็กซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้ายบนร่างกายกำลังโดนรูดลงมายังปลายเท้าเรียวอย่างใจเย็นและช่ำชอง

“ไม่เอาค่ะ...อื้อ” เสียงร้องประท้วงดังขึ้นอีกครั้งหลังได้สติว่าบัดนี้ตนไม่มีอะไรห่อหุ้มร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว ทว่าเสียงนั้นกลับกลืนหายไปในลำคอเมื่อริมฝีปากเล็กถูกปิดลงราวกับรำคาญที่จะฟังเสียงของเธอ

“ห้ามปฏิเสธ”

อติเทพค่อยๆ จัดการกับร่างกายของตนบ้างโดยที่ยังไม่ยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือปล่อยเวลาให้สูญเปล่า สำนึกด้านดีบอกว่าเธอยังเป็นนักศึกษาอยู่ร่างกำยำจึงลุกขึ้นเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหยิบซองคอนดอมมาฉีกออกท่ามกลางสายตาที่มองตามร่างเปลือยเปล่าไปชนิดไม่คลาดสายตา

ไม่เอานะน้ำหวาน เธอไม่ควรทำตัวหื่นแบบนี้ หญิงสาวพยายามร้องบอกกับตัวเอง

อติเทพยิ้มกริ่มเมื่อเห็นสายตาดังกล่าว อารมณ์อยากแกล้งผุดขึ้นมาในหัวสมองพร้อมๆ กับการก้าวเดินที่ดูช้ากว่าปกติจนเจ้าของร่างที่นอนระทวนอยู่บนโซฟานุ่มถึงกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอย่างต้องการระงับอารมณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นแม้จะพยายามต่อต้านว่าไม่เป็นความจริงแค่ไหนก็ตาม

“ใจเย็นๆ เด็กดี” เสียงทุ้มที่เริ่มแหบพร่ากระซิบบอกแล้วใช้เข่าแยกเรียวขานวลเนียนทั้งสองข้างออก พร้อมกับค่อยๆ พาตัวตนเข้าสู่ความคับแน่นทีละนิด ดวงตากลมโตที่ปรือขึ้นมามองทุกการกระทำเหมือนเด็กอยากรู้อยากเห็นยิ่งเป็นเครื่องกระตุ้นอารมณ์ให้เจ้าของร่างกำยำฝังกายเข้าหารวดเร็ว

สะโพกสอบขับเคลื่อนช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เร่งจังหวะตามแรงอารมณ์และเสียงครวญครางจากหญิงสาวใต้ร่าง สองมือเล็กโอบรอบลำคอหนาเอาไว้แน่นในขณะที่สองขาก็ตวัดรัดสะโพกสอบโดยอัตโนมัติท่ามกลางเสียงครวญแห่งความสุขสมของชายหญิงที่ดังระงมแข่งกันไปทั่วทั้งห้อง

จังหวะสุดท้ายถูกเร่งขึ้นหนักหน่วงตามด้วยเสียงหวีดร้องจากหญิงสาวใต้ร่างที่ยังดังสม่ำเสมอเพิ่มอารมณ์ที่แทบกู่ไม่กลับของหนุ่มใหญ่ อาการกระตุกเกร็งเกิดขึ้นพร้อมๆ กับสายธารแห่งรักซึ่งได้รับการปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น

"โชคดีที่เราอยู่กันแค่สองคน ไม่งั้นฉันคงได้สั่งทำผนังห้องใหม่ให้เก็บเสียงแน่" อติเทพกระซิบบอกร่างอิ่มที่นอนระทดระทวยอยู่ใต้ร่างหลังจากผ่านห้วงเวลาความสุข เสียงหอบหายใจย้ำเตือนให้รู้ว่าทั้งเขาและเธอเพิ่งผ่านศึกอะไรมาเมื่อครู่นี้

"คุณอรรถ” เพี๊ยะ! หญิงสาวขี้อายต่อว่าคนหน้าด้านด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและเพราะความลืมตัวจึงเผลอฟาดมือลงไปบนท่อนแขนกำยำโดยมีเสียงร้อง 'อูย' ดังตามมาให้ได้ยิน

"เดี๋ยวนี้ริอาจกล้าทำร้ายร่างกายฉันแล้วเหรอ...หืม?"

"นะ...น้ำหวานไม่ได้ตั้งใจค่ะ" คนมีความผิดติดตัวตอบกลับเสียงกระท่อนกระแท่น ใบหน้าขาวซีดไม่ต่างจากกระดาษ

"ฉันจะถือเป็นความผิดและเก็บไว้ทำโทษคราวหน้า” คนเจ้าเล่ห์รีบพูดในสิ่งที่ตนมีแต่ได้กับได้

“น้ำหวานขอไปโทรหาเจษหน่อยนะคะ”​

“ตกลง” เจ้าของเรือนร่างกำยำเปิดทางยอมลุกขึ้นจากโซฟานุ่มโดยง่าย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel