บทที่ 6 อดีต
เสกสรรก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานของผู้บริหารใหญ่ พร้อมกับข้อมูลที่อีกฝ่ายให้ไปสืบตามคำสั่ง แม้จะสงสัยไม่น้อยเพราะรู้ดีว่าผู้หญิงคนดังกล่าวได้ชื่อว่าเป็นอดีตคนรักที่จบกันแบบไม่สวยนัก ชายหนุ่มจึงไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของผู้เป็นเจ้านาย
“คุณธาริณีแต่งงานใหม่แล้วย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งแต่เลิกกับคุณไกรวิชญ์ครับ”
“อืม” หนุ่มใหญ่รับคำสั้นๆ เป็นครั้งแรกที่ได้รับรู้การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนับตั้งแต่วันเลิกรา เพราะรอยแผลที่ฝากไว้ทำให้อติเทพไม่เคยคิดจะใส่ใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นตายร้ายดียังไง แต่เพราะคำสัญญาที่ให้ไว้ทำให้เขาต้องทำ
“คุณอรรถจะให้ผมตามที่อยู่ที่นั่นไหมครับ” เสกสรรเอ่ยถามต่อ
“ลองตามจากเพื่อนสนิทของเธอที่นี่ดูก่อน เผื่อจะยังติดต่อกันอยู่” อติเทพกดเสียงต่ำ ไม่หลงเหลือความรักให้ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นรักแรกอีก
“ทำไมจู่ๆ คุณอรรถถึงให้ผมตามหาคุณธาริณีล่ะครับ?”
“ฉันแค่เห็นใจน้ำหวาน เขาอยากเจอแม่” หนุ่มใหญ่ให้เหตุผล แม้จะไม่เหลือเศษเสี้ยวของความรัก แต่ก็ยอมรับว่าลึกๆ ยังคงฝังใจกับเรื่องราวในอดีต
“คุณอรรถแน่ใจนะครับว่าอยากให้แม่ลูกได้เจอกันจริงๆ” เสกสรรย้ำอีกครั้ง ใช่ว่าตนอยากก้าวก่าย นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาทำงานในฐานะลูกน้องที่ได้รับความไว้วางใจมากจนอีกฝ่ายกล้าระบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“ทำไม?” คราวนี้อติเทพเป็นฝ่ายถามกลับบ้างเมื่อเห็นอาการของคนตรงหน้า
“เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจ”
“ฉันจะคิดซะว่าเห็นแก่เด็กตาดำๆ คนหนึ่ง” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน สุดท้ายแล้วเธอก็ยังรักความสบายไม่เคยเปลี่ยน
บทที่ 3 ผู้ใหญ่ใจ(ไม่)ดี
เสกสรรก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานของผู้บริหารใหญ่ พร้อมกับข้อมูลที่อีกฝ่ายให้ไปสืบตามคำสั่ง แม้จะสงสัยไม่น้อยเพราะรู้ดีว่าผู้หญิงคนดังกล่าวได้ชื่อว่าเป็นอดีตคนรักที่จบกันแบบไม่สวยนัก ชายหนุ่มจึงไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของผู้เป็นเจ้านาย
“คุณธาริณีแต่งงานใหม่แล้วย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งแต่เลิกกับคุณไกรวิชญ์ครับ”
“อืม” หนุ่มใหญ่รับคำสั้นๆ เป็นครั้งแรกที่ได้รับรู้การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนับตั้งแต่วันเลิกรา เพราะรอยแผลที่ฝากไว้ทำให้อติเทพไม่เคยคิดจะใส่ใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นตายร้ายดียังไง แต่เพราะคำสัญญาที่ให้ไว้ทำให้เขาต้องทำ
“คุณอรรถจะให้ผมตามที่อยู่ที่นั่นไหมครับ” เสกสรรเอ่ยถามต่อ
“ลองตามจากเพื่อนสนิทของเธอที่นี่ดูก่อน เผื่อจะยังติดต่อกันอยู่” อติเทพกดเสียงต่ำ ไม่หลงเหลือความรักให้ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นรักแรกอีก
“ทำไมจู่ๆ คุณอรรถถึงให้ผมตามหาคุณธาริณีล่ะครับ?”
“ฉันแค่เห็นใจน้ำหวาน เขาอยากเจอแม่” หนุ่มใหญ่ให้เหตุผล แม้จะไม่เหลือเศษเสี้ยวของความรัก แต่ก็ยอมรับว่าลึกๆ ยังคงฝังใจกับเรื่องราวในอดีต
“คุณอรรถแน่ใจนะครับว่าอยากให้แม่ลูกได้เจอกันจริงๆ” เสกสรรย้ำอีกครั้ง ใช่ว่าตนอยากก้าวก่าย นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาทำงานในฐานะลูกน้องที่ได้รับความไว้วางใจมากจนอีกฝ่ายกล้าระบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“ทำไม?” คราวนี้อติเทพเป็นฝ่ายถามกลับบ้างเมื่อเห็นอาการของคนตรงหน้า
“เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจ”
“ฉันจะคิดซะว่าเห็นแก่เด็กตาดำๆ คนหนึ่ง” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน สุดท้ายแล้วเธอก็ยังรักความสบายไม่เคยเปลี่ยน
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ธาริณีมองภาพก้อนเมฆบนแผ่นดินเกิดด้วยแววตายินดี เกือบยี่สิบปีที่ไม่ได้กลับมา ภาพความเปลี่ยนแปลงก็ไม่เท่ากับหัวใจที่หวนนึกถึงอดีตคนรักตั้งแต่นกยักษ์ยังไม่ทันแตะลงรันเวย์สนามบิน จนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศจากพนักงานต้อนรับบนเครื่อง หญิงหม้ายจึงหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม จุดมุ่งหมายแรกคือบ้านของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่นี่
เสียงกริ่งหน้าบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์ดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างของเจ้าของบ้านที่กำลังเดินออกมา สายตาสอดส่องไปยังแขกผู้มาเยือน พอได้เพ่งมองชัดๆ ว่าเป็นใครก็ส่งเสียงทักทายออกมาดังลั่น
“เฮ้ย! นิน...ไปไงมาไงวะ?”
“เปิดประตูก่อนเหอะอุ้ม ฉันร้อน” คนมาเยือนบ่นอุบกับอากาศอันแสนอบอ้าวของประเทศไทย
“ได้ๆ” เจ้าของบ้านรีบตอบรับแล้วเปิดประตูรั้วให้เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเรียนได้เข้ามา “นั่งก่อนๆ” เจ้าของร่างอวบเดินนำเพื่อนสนิทมาที่โซฟาเล็กภายในบ้าน
“สบายดีไหมอุ้ม” หญิงหม้ายเปิดบทสนทนากับเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนม.ปลายครั้งแรกหลังจากไม่ได้เจอกันในรอบระยะเวลาหลายปี
“ก็ตามประสานั่นล่ะ แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย” อุณากรออกปากชมเจ้าของร่างระหงที่นั่งอยู่ข้างๆ กาลเวลาไม่อาจทำลายความสวยของเพื่อนสุดฮอตในอดีตลงไปสักนิดเดียว
“ขอบใจ เพิ่งลงเครื่องมาไม่กี่ชั่วโมงก็ตรงมาหาแกนี่แหละ ยังไม่รู้จะไปอยู่ไหน บอกตรงๆ ว่าฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้” ธาริณีตอบออกไปตามตรง ตั้งแต่หย่าขาดจากอดีตสามีคนล่าสุดก็ตัดสินใจเก็บกระเป๋าข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมายังแผ่นดินเกิด
“อ้าว คือแกจะกลับมาอยู่นี่เหรอ?”
“ฉันเลิกกับจอห์นนี่แล้ว” เธอไขความกระจ่างที่ไม่ค่อยอยากพูดถึงนัก โชคดีที่ได้ทรัพย์สินจากการเลิกราติดตัวกลับมาพอสมควร
“เออ ฉันเข้าใจ” อุณากรพยักหน้ารับรู้ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วถามต่อ “ว่าแต่ลูกสาวแกป่านนี้โตเป็นสาวแล้วสิ”
“คงงั้น ฉันไม่ได้ติดต่อกับไกรนานแล้ว จะว่าไปก็ตั้งแต่เลิกกัน” คนตอบไหวไหล่ นับตั้งแต่เลิกรากับพ่อของลูกแล้วบินไปอยู่อีกซีกโลกก็ไม่เคยติดต่อกันอีก ซึ่งหากอุณากรสังเกตดีๆ จะมองเห็นแววตาวูบไหวของหญิงหม้ายยามเอ่ยถึงบุคคลทั้งสอง
“แกไม่อยากเจอลูกเหรอวะนิน ยังไงก็ลูกแกนะ” เพราะไม่อยากให้เพื่อนกลายเป็นแม่ที่แย่ จึงพยายามเตือนสติ
“เลิกพูดเหอะน่าอุ้ม” ธาริณีรีบโบกมือเมื่อได้ยินว่าเพื่อนชักจะเริ่มซักไซ้เกินจำเป็น
-“เออๆ ว่าแต่เมื่อหลายวันก่อนมีคนมาถามหาแกกับฉันว่ะ”
“ใคร?”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันบอกเขาไปแล้วว่าไม่ได้เจอแกนานมากแล้ว แกรู้จักใครนอกจากฉันอีกหรือเปล่าล่ะ” คำบอกเล่าของเพื่อนทำให้คนฟังอดคิดไปถึงอีกคนไม่ได้ จะใช่หรือเปล่า ผู้ชายซึ่งเป็นคนรักที่คบหากันมากระทั่งเธอตั้งท้องกับพ่อของลูกจนเป็นสาเหตุให้เลิกรา ภาพในอดีตผุดเข้ามาในสมองของหม้ายสาวพราวเสน่ห์อีกครั้ง
‘อรรถรักนินนะ เรียนจบเมื่อไหร่อรรถจะรีบให้แม่มาคุยกับที่บ้านนินเรื่องแต่งงาน’ ถ้อยคำรักจากปากของแฟนหนุ่มทำเอาธาริณีรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะรับฟัง เนื่องจากตอนนี้เธอมีเป้าหมายใหม่ที่ดีกว่า แม้ความหล่อจะไม่สู้ชายตรงหน้า แต่ความรู้สึก 'รัก' ที่เคยมีมันตายไปจากใจนานแล้ว
‘นินยังไม่ได้คิดเรื่องนี้หรอกอรรถ นินยังอยากทำอย่างอื่นก่อน’ คนหมดรักบอกปัด
‘แต่นินสัญญากับอรรถไว้ว่าถ้าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน’ นักศึกษาหนุ่มผู้มั่นคงในรักทวงถามถึงคำสัญญาตลอดช่วงเวลาที่คบหากัน
‘อรรถอย่าเพิ่งเซ้าซี้นินตอนนี้ได้ไหม ไว้เรียนจบค่อยมาคุย’ ธาริณีกระชากเสียงพร้อมกับเดินหนี ส่งผลให้คนมองตามได้แต่ยืนนิ่งเสมือนยอมรับกับความสัมพันธ์ที่กำลังเปลี่ยนไป
“แกจำอรรถได้ไหม?” ธาริณีเอ่ยถามเพื่อนสนิทเพราะหวังว่าจะได้คราวข่าวของอีกฝ่ายบ้าง
“ทำไมฉันจะจำแฟนที่ทั้งหล่อทั้งแสนดีของแกไม่ได้ล่ะ” อุณากรตอบไปตามความจริงหาได้ประชดชันก่อนจะพูดต่อ “แกไม่เคยได้ยินเรื่องอรรถจากคนอื่นบ้างเหรอ เดี๋ยวนี้อรรถเป็นนักธุรกิจที่ทั้งหล่อทั้งรวยเลยนะนิน แกไปอยู่นู่นคงไม่ค่อยได้ตามข่าวล่ะสิ” คำบอกเล่าดังกล่าวทำเอาคนฟังเลิกคิ้วขึ้น เกิดความสนใจในตัวอดีตคนรักไม่น้อย
“งั้นแกลองติดต่ออรรถให้ฉันหน่อยสิอุ้ม”
“โอ๊ย! แกจะบ้าเหรอนิน ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขาสักหน่อย ตอนนั้นรู้จักก็เพราะเป็นแฟนแกหรอกนะ” คำขอดังกล่าวทำเอาเจ้าตัวเสียงสูง
“แล้วเพื่อนคนอื่นๆ ล่ะ” หญิงหม้ายยังคงถามอย่างมีหวัง
“ไม่มีหรอก แกคิดว่าอรรถอยากจะติดต่อกับเพื่อนของผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปรึไง” อุณากรพูดไปตามความจริง บาดแผลที่เพื่อนฝากไว้ให้อีกฝ่ายดูท่าจะเจ็บไม่น้อย
“ฉันเชื่อว่าอรรถน่าจะยังไม่ลืมฉันแน่” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“อะไรทำให้แกคิดแบบนั้นได้อ่ะนิน” เพื่อนสนิทในวัยเรียนอดที่จะถามออกไปไม่ได้
“ก็ตอนนั้นอรรถทั้งรักทั้งหลงฉันจนแทบโงหัวไม่ขึ้น แถมยังวาดฝันถึงอนาคตว่าต้องแต่งงานกับฉันให้ได้”
“แกไม่คิดว่าเขาจะมีคนอื่นหลังเลิกกับแกเลยว่างั้น” อุณากรยอมรับว่าแอบหมั่นกับความมั่นของเพื่อนอยู่ลึกๆ
“แล้วแกได้ข่าวว่าอรรถแต่งงานมีครอบครัวบ้างไหมล่ะอุ้ม”
“เออ...ก็ไม่นะ ดูท่าว่าตอนนี้อรรถก็น่าจะยังโสด” พอได้ยินเพื่อนถามกลับมาแบบนั้นเธอก็เริ่มจะคล้อยตามไปเช่นกัน
“ไว้ฉันจะลองหาทางไปเจออรรถดู” ความหวังของหม้ายพราวเสน่ห์เริ่มฉายให้เห็นอีกครั้ง
“โอเคๆ แกจะเอาไงก็แล้วแต่เหอะ ว่าแต่นี่แกคิดจะไปอยู่ที่ไหน?”
“ฉันว่าจะลองหาเช่าคอนโดอยู่แล้วก็จะซื้อรถไว้ขับสักคัน ยังไงแกช่วยฉันหน่อยนะอุ้ม ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ว่ากันทีหลัง” ธาริณีบอกถึงจุดประสงค์ของตนเองในเวลานี้หลังจากเพิ่งเดินทางมาถึงแผ่นดินเกิดซึ่งจากไปเกือบยี่สิบปี
