บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เธอเป็นของฉัน

มือหนาวาดไปโอบกอดร่างอิ่มให้เข้ามาใกล้ๆ แผงอกกว้าง ก่อนคิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากันมุ่นเมื่อสัมผัสถึงไอร้อนที่พวยพุ่งจากอีกฝ่าย ‘เธอตัวร้อนราวกับไฟ’ นี่เขาเล่นแรงไปหรือ เมื่อคืนนี้ก็จัดไปแค่สองสามรอบ

“น้ำหวาน” เขาเรียกแล้วยกมืออังไปที่หน้าผากกลมมน

“หนาว พ่อจ๋า...น้ำหวานหนาว” หญิงสาวละเมอออกมาแล้วเบียดกายเข้าหาด้วยเข้าใจว่าเป็นบิดาตน เล่นเอาคนโดนอ้อนกัดฟันแน่นข่มอารมณ์ข้างใน เย็นไว้ไอ้น้อง พี่ไม่อยากรังแกคนป่วย อติเทพบอกน้องชายบริเวณหน้าขาที่มันตื่นก่อนคนเป็นพี่เสียอีก

อติเทพผละออกไปหยิบเสื้อยืดของตัวเองมาใส่ให้คนป่วย หยิบผ้ามาห่มให้พร้อมกับหรี่อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศภายในห้องลง ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยดูแลคนป่วยแบบจริงๆ จังๆ เสียด้วยสิ หนุ่มใหญ่มองร่างอิ่มที่หลับสนิทบนเตียง ก่อนจะผละออกไปหายาแก้ไข้ที่พอจะมีติดเอาไว้ ถ้ายังไม่ดีขึ้นคงต้องพาไปหาหมอ

“เสกสรร แวะซื้อโจ๊กมาให้ด้วย” อติเทพกดเครื่องมือสื่อสารไปหาลูกน้องคนสนิท ครั้นจะให้เขาทำเองคงจะไม่ได้เรื่องแน่ ซื้อเอานี่แหละดีที่สุดแล้ว

“น้ำหวาน ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาก่อน” เขาปลุกหลังจากจัดการเทโจ๊กใส่ถ้วยที่ลูกน้องคนสนิทเพิ่งจัดการนำมาส่งให้ถึงที่

“น้ำหวานอยากนอนค่ะคุณอรรถ” หญิงสาวลืมตาขึ้นมาแล้วส่งเสียงประท้วง ทำท่าจะหลับต่อ อาการเมื่อยขบไปทั่วทั้งร่างทำให้ไม่อยากแม้แต่จะลุกขึ้นมา

“มาเร็ว” หนุ่มใหญ่สั่งอีกครั้งแล้วนั่งลงบนเตียงช้อนร่างคนป่วยแสนดื้อดึงขึ้นมานั่ง ก่อนจะหันไปตักโจ๊กในชามมาจ่อที่บริเวณริมฝีปากเล็ก

“น้ำหวานทานเองก็ได้ค่ะ” เธอเอ่ยอย่างเกรงใจ ดูท่าว่าจะสายมากแล้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายต้องรีบไปทำงานและตนเองก็ต้องไปเรียนในคาบเช้าเช่นกัน

“อย่าดื้อน่า” อติเทพดุทั้งสีหน้าและน้ำเสียงจนต้องยอมให้เขาทำตามใจตัวเอง เธอกินไปได้ไม่ถึงสิบคำก็บอกว่าอิ่ม ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะบังคับอีกนอกจากให้กินยาตามไป โชคดีที่มีตู้ยาสามัญประจำบ้านติดเอาไว้

“วันนี้ไม่ต้องไปเรียนแล้ว” คนมีตำแหน่งไม่ต่างจากผู้ปกครองเอ่ยสั่งเมื่อเห็นอาการของคนป่วยจากพิษรักที่เขามอบให้

“น้ำหวานไปไหวค่ะ” คนป่วยยังคงดื้อและพยายามฝืนกายลุกขึ้น

“นอนลงน้ำหวาน ฉันสั่งว่าไม่ต้องไป”

“แต่น้ำหวานอยากไลน์บอกเจษกับชะเอมก่อนค่ะ” ธิดาวรรณนึกถึงเพื่อนสนิทสองคนเนื่องจากตนไม่เคยหยุดเรียนถ้าไม่จำเป็น

“ฉันจะบอกให้ น้ำหวานนอนเถอะ” สิ้นเสียงอติเทพก็หยิบสมาร์ตโฟนของหญิงสาวมาจัดการปลดล็อก นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาเป็นผู้หญิงของเขา เธอก็แทบไม่ได้ปิดบังอะไร แม้แต่หน้าจอสมาร์ตโฟนที่ต้องผ่านการสแกน Face ID ก็ยังมีใบหน้าของเขาอยู่ด้วย

~ชะนีส่องผู้~

Namwan : วันนี้น้ำหวานหยุดหนึ่งวันนะ

อติเทพจัดการพิมพ์ข้อความลงไปบนโปรแกรมไลน์ในกลุ่มที่เจ้าหล่อนใช้คุยกับเพื่อนสนิท

เจนี่ตัวแม่ : เหวยย นังน้ำเค็มหยุดเรียน เป็นไปได้ไงคะ

เจษฎาตอบกลับมาเป็นคนแรกโดยไม่รู้เลยว่าข้อความดังกล่าวใครเป็นคนพิมพ์

ชะเอมคนสวย : แกเป็นวันนั้นของเดือนเหรอน้ำหวาน

เอมอรถามบ้าง เพราะเข้าใจว่าเพื่อนคงมีรอบเดือนตามประสาลูกผู้หญิง

Namwan : ไม่สบาย

เจนี่ตัวแม่ : สั้นมากกกค่ะ

เจษฎากลับมาพร้อมด้วยอีโมจิมองบนเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทผู้เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ใช้คำตอบสั้นและดูห้วนจนผิดปกติ

Namwan : แล้วจะเอายาวขนาดไหน

เจนี่ตัวแม่ : เท่าที่ฉันเคยเห็นมาก็หลายนิ้วอยู่ เท่าของหลัวหล่อนมะ คืออยากได้แบบนั้นเลยข่าา


เจษฎาผู้ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองยังคงพิมพ์ข้อความสองแง่สองง่ามหยอกเย้าไม่เลิก

Namwan : น้ำหวานคบเพื่อนอย่างเธอได้ยังไง คุยแต่เรื่องต่ำกว่าสะดือ

อติเทพส่ายหน้าให้กับข้อความนั้น เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง แต่ก็กลัวว่าคนของตัวเองจะกลายเป็นเด็กใจแตก

เจนี่ตัวแม่ : เอ่อ...นี่ใครคะ ใช่น้ำหวานหรือเปล่า?

ชะเอมคนสวย : นั่นสิ ทำไมพิมพ์แปลกๆ 

Namwan : สามีน้ำหวานเป็นคนพิมพ์ มีปัญหาอะไรไหม

เจนี่ตัวแม่ : อุ๊ต่ะ คุณอรรถเหรอคะ เจนี่ขอโทษค่า นึกว่าเป็นนังน้ำเค็ม เอ๊ย น้ำหวาน

อีกฝ่ายรีบรัวแป้นตอบกลับมาด้วยความกลัวว่าจะหัวหลุด กิตติศัพท์ของเขามีเพื่อนสนิททั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าเป็นยังไง

ชะเอมคนสวย : ขอโทษนะคะคุณอรรถ ชะเอมก็นึกว่าน้ำหวาน

เจนี่ตัวแม่ : เจนี่ด้วยค่ะ แล้วน้ำหวานเป็นยังไงบ้างคะ

Namwan : ให้กินข้าวกินยาเรียบร้อยแล้ว อ้อ...ต่อไปก็เปลี่ยนชื่อกลุ่มซะด้วยนะ

หนุ่มใหญ่สั่งอีกครั้งจนคนอ่านข้อความทั้งสองคนตอบกลับมาในเวลาพร้อมๆ กัน

เจนี่ตัวแม่ : รับทราบค่าคุณอรรถสุดหล่อ

ชะเอมคนสวย : ได้ค่ะ

เอมอรตอบพร้อมส่งสติ๊กเกอร์พนมมือตบท้ายอีกครั้งด้วยความนอบน้อม

อติเทพวางสมาร์ตโฟนไว้บนหัวเตียงตามเดิม ดวงตาคมเข้มจ้องมองคนที่นอนหลับสนิทอยู่ไม่วางตา นับตั้งแต่เธอยอมตกลงเป็นผู้หญิงของเขาหลังบิดาเสียชีวิตลงก็ทำตัวน่ารักมาตลอดจนหนุ่มใหญ่เผลอยิ้มออกมา ซึ่งอีกเรื่องที่เขาไม่เคยลืมก็คือสาวเจ้าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของอดีตคนรัก จะมีก็แต่เธอที่ไม่ล่วงรู้เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา


แม่กับลูกต่างกันลิบลับ ลูกสาวน่ารักราวกับลูกนกตัวน้อยๆ ส่วนอดีตคนรักที่มีตำแหน่งเป็นมารดาของเธอนั้นเป็นผู้หญิงปราดเปรียวและมั่นใจ หนุ่มใหญ่หวนนึกถึงเมื่อครั้งอดีตที่ถูกธาริณีบอกเลิกเพื่อไปแต่งงานกับผู้ชายอีกคน

 

“เจษ น้ำหวานล่ะ” คำถามจากปากชายหนุ่มรุ่นพี่ดังขึ้นในขณะที่เจษฎาและเอมอรกำลังนั่งคุยกันอยู่บริเวณศูนย์อาหารภายในมหาวิทยาลัย

“หืม...พี่ปอนด์ เรียกแบบนี้เจนี่ไม่คุยด้วยหรอกนะคะ” พวกนี้เป็นอะไรกัน ชอบเรียกชื่อตนผิดๆ สงสัยต้องติดป้ายแขวนคอแบบขนาดที่ใหญ่กว่ากระดาษA4ไว้ว่าชื่อ ‘เจนี่’

“ขอโทษทีครับน้องเจนี่” ปกรณ์หัวเราะขันกับสิ่งที่ชายใจหญิงบอก วันนี้เขาตั้งใจจะมาหาหญิงสาวอีกคน แต่ก็ไม่พบจึงตั้งใจเดินเข้ามาถามเพื่อนสนิทของเจ้าตัว

“น้ำหวานไม่ได้มาเรียนค่ะพี่ปอนด์” เอมอรเป็นฝ่ายตอบคำถามแทน

“อ้าว! ทำไมล่ะ?”

“น้ำหวานไม่ค่อยสบายค่า เมื่อเช้าผัว...อุ๊บ” เจ้าของร่างอวบรีบเอามือปิดปากเพื่อนไว้ด้วยกลัวว่าจะเผลอพูดบางอย่างออกมา

“เมื่อเช้าทำไมเหรอเจนี่”

“ก็เมื่อเช้านังน้ำเค็มไลน์มาบอกพวกเราแล้วค่ะ” เจษฎารีบตอบแล้วส่งยิ้มแหยๆ ไปให้

“น้ำหวานจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ปกรณ์พึมพำ แสดงอาการเป็นห่วงอย่างชัดเจน

“เดี๋ยวก็คงหายค่ะพี่ปอนด์ มีคนดูแลดี”

“หมายถึงใครหรือครับ?” ชายหนุ่มยังถามต่อด้วยความอยากรู้

“เชื่อเจนี่เถอะค่ะ เดี๋ยวนางก็มาเรียนได้” ชายใจหญิงยืนยันอีกครั้ง

“เอ่อ...น้องเจนี่ น้องชะเอม จะเป็นไรไหมครับถ้าพี่อยากจะขอไลน์น้ำหวานจากพวกน้อง” ชายหนุ่มผู้แอบหลงรักรุ่นน้องถามพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้จนคนมองอดเห็นใจไม่ได้ แต่ถ้าขืนให้ไปคงโดนสามีเพื่อนมาแหกอกเอาแน่ๆ กะเทยยิ่งบอบบางอยู่ด้วย “ขอโทษด้วยนะคะพี่ปอนด์ เราสองคนไม่สะดวกจะให้อ่ะค่ะ ไว้พี่ปอนด์ขอกับนางเองตอนเจอหน้าแล้วกันนะคะ” ชายใจหญิงให้เหตุผลที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel