บทที่่ 3 ยอมเพราะรัก
หลังจากทำรายงานวิชาบัญชีเสร็จเรียบร้อย ธิดาวรรณก็รีบอาบน้ำเพราะเห็นว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว วันนี้ชายผู้เปรียบเสมือนผู้ปกครองโทรมาบอกว่าจะกลับดึกเนื่องจากมีงานเลี้ยงที่บริษัท แต่เธอกลับไม่อาจข่มตาลงตามคำสั่ง จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังอยู่ด้านนอกพร้อมๆ กับลูกบิดประตูห้องนอน
“คุณอรรถ”
“ทำไมยังไม่นอนอีก” อติเทพถามด้วยน้ำเสียงติดจะดุเล็กน้อย
“น้ำหวานเพิ่งอาบน้ำเสร็จค่ะ” เจ้าตัวตอบพร้อมกับหลบดวงตาคมเข้มที่มองมาเนื่องจากตนอยู่ในชุดผ้าขนหนูซึ่งใช้พันกายเพียงผืนเดียว
“รอฉัน” คำถามสั้นๆ ทำเอาธิดาวรรณเสียวสันหลังวาบ เขาจะหาว่าเธอวุ่นวายอีกไหม
“กำลังจะนอนแล้วค่ะ เอ่อ...คุณอรรถเมาหรือคะ”
“ไม่ได้เมา” คำตอบมาพร้อมกับอาการเซจนร่างอิ่มต้องรีบวิ่งเข้าไปประคองจนเกือบจะพากันล้มลงไปทั้งคู่
“จะวิ่งมาทำไม” หนุ่มใหญ่ดุอีกครั้ง เรื่องเมื่อเช้ายังคงติดค้างอยู่ในใจไม่หาย
“น้ำหวานกลัวคุณอรรถล้มค่ะ” แค่เป็นห่วงเขามากกว่าจะคิดเป็นอื่น
“อาบน้ำให้หน่อยได้ไหม?” คำขอของชายตรงหน้าทำเอาคนฟังเบิกตากว้าง นับเป็นครั้งแรกกับสิ่งที่ได้ยินในขณะนี้
“แต่ว่า...”
“นะ...ฉันอาบเองไม่ไหว” คนเมาบอกเสียงอ้อแอ้ พยายามถอดเสื้อผ้าออกจากเรือนกายกำยำ ร้อนจนคนมองต้องรีบเข้าไปช่วยอีกรอบ
“คุณอรรถไปนั่งก่อนนะคะ” หญิงสาวบอกเมื่อเมื่อเห็นอาการที่ไม่น่าจะช่วยเหลือตนเองได้ของอีกฝ่าย หารู้ไม่ว่าบัดนี้ดวงตาคมเข้มแอบหรี่มองหญิงสาวข้างกายด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ ถ้าเธออยากให้เมาเขาก็จะเมา...แต่เป็นเมารักน่ะนะ
“แล้วเธอจะไปไหน” หนุ่มใหญ่ถามหลังเห็นว่าเจ้าหล่อนทำท่าจะเดินออกไป
“น้ำหวานจะไปแต่งตัวค่ะ” ธิดาวรรณตอบด้วยอาการอายแสนอาย
“แต่งทำไม เดี๋ยวก็เปียกอยู่ดี” พูดจบมือหนาก็เอื้อมไปคว้ารอบเอวคอดมานั่งบนตักกว้างราวจับวาง ส่งผลให้เจ้าของร่างดิ้นขลุกขลัก ใบหน้าแดงก่ำไม่ต่างจากลูกตำลึงสุก
“ปล่อยน้ำหวานก่อนค่ะคุณอรรถ”
“ไม่ปล่อย อยากกอด อยากหอม” อติเทพพูดตรงๆ และไม่ทำแค่กอด ใบหน้าคร้ามคมยังฉกวูบลงมาหอมแก้มกลมที่เนียนราวกับผิวเด็กจนอีกฝ่ายรีบหดคอหนี
“รังเกียจอะไรน้ำหวาน ไหนบอกจะอาบน้ำให้ฉัน”
“ก็คุณอรรถไม่ยอมให้น้ำหวานไปแต่งตัวนี่คะ” หญิงสาวประท้วง
“แต่งทำไม ชุดนี้ก็เหมาะดีอยู่แล้ว” เขาบอกราวกับไม่สะทกสะท้าน เป็นเธอมากกว่าที่อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
“เอ่อ...งั้นน้ำหวานขอลุกก่อนนะคะ”
“ประคองด้วย ฉันเดินไม่ไหว” สิ้นเสียงมือหนาก็เอื้อมมาโอบไหล่มนเป็นการยืนยันคำพูดของตน เธอจึงทำได้เพียงค่อยๆ พาเจ้าของร่างกำยำไม่ต่างจากยักษ์ปักหลั่นเดินเข้าไปภายในห้องน้ำซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยเดียวกันกับห้องนอนกว้าง
“คุณอรรถยืนไหวไหมคะ” ธิดาวรรณถามหลังจากก้าวเข้ามายืนอยู่ภายใต้ฝักบัวใหญ่
“ไหว”
“เดี๋ยวถอดเสื้อผ้าออกก่อนนะคะ” คำบอกเล่ามาพร้อมกับความช่วยเหลือเมื่อเห็นว่าหนุ่มใหญ่ยังคงสวมกางเกงสแล็คอยู่บนร่างกาย
“เธอถอดสิ” อติเทพสั่งอย่างคนเอาแต่ใจ ให้มันรู้ไปว่าเธอจะไม่ยอมทำตาม
“คือ...” เจ้าตัวมีอาการอ้ำอึ้ง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใครมาก่อน นอกจากผู้ให้กำเนิดช่วงที่ท่านป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
“ไม่ต้องอาย ยังไงต่อไปเธอก็ได้เห็นมันอยู่ดี” หนุ่มใหญ่ยังคงพูดราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติ เธอไม่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนโชกโชนแบบเขาถึงจะได้ทำอะไรโดยไม่ต้องเคอะเขิน
ธิดาวรรณหลับตาปี๋พร้อมกับเอื้อมมือไปปลดซิบกางเกงออกจากเรือนร่างกำยำ สองมือเล็กสัมผัสได้ถึงมัดกล้ามของคนที่ได้ชื่อว่าดูแลตัวเองเป็นอย่างดีแม้จะอยู่ในวัยที่ล่วงเลยเลขสี่มาแล้วก็ตาม
“เอ่อ...ไม่ต้องถอดกางเกงในนะคะ”
“ไม่ถอดแล้วจะอาบยังไง น้องชายฉันต้องได้รับการทำความสะอาด” อติเทพบอกโต้งๆ ไม่มีวี่แววแห่งความละอายเลยสักนิดเดียว
“ถ้าอย่างนั้นคุณอรรถก็ต้องอาบเอง” คนพูดทำท่าจะเดินหนีออกไป แต่ก็ยังช้ากว่าท่อนแขนแข็งแกร่งที่กางกั้นเอาไว้จนเธอหนีไปไหนไม่รอด
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าดื้อ”
“น้ำหวานไม่ได้ดื้อสักหน่อย” แม่เด็กดื้อเถียงกลับหน้าตูม
“เปิดน้ำสิเด็กดี” อติเทพสั่งแล้วถอดทุกอย่างออกจากเรือนกายกำยำด้วยตัวเอง อีกทั้งยังไม่ลืมกระตุกปมผ้าขนหนูของเด็กในปกครองออกเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบกันและกัน เธอเห็นของเขา ดังนั้นเขาก็ต้องได้เห็นของเธอด้วย
“คุณอรรถ!” ธิดาวรรณอุทานออกมาเสียงหลง พยายามจะหยิบผ้าขนหนูที่เสมือนเกราะกำบังตนขึ้นมา แต่ก็ยังช้ากว่าคนเมา(รัก)ที่แย่งกลับแล้วโยนทิ้งไปแบบไม่สนทิศทาง
“ฉันเห็นของเธอ เธอเห็นของฉัน แฟร์ๆ ดี” หนุ่มใหญ่พูดอย่างไม่สะท้าน
คนบ้า...มียางอายบ้างหรือเปล่า หญิงสาวแอบต่อว่าอยู่ในใจ
จนกระทั่งฝักบัวใหญ่ถูกเปิดด้วยฝีมือของเขาอีกครั้ง นี่หรือคนเมา ทำไมสติสัมปชัญญะด้านความหื่นถึงได้ครบถ้วนแบบนี้ ร่างสองร่างที่ขนาดต่างกันแต่เปียกไม่ต่างกัน เจ้าของร่างอิ่มห่อไหล่ด้วยอาการหนาวเหน็บที่เริ่มปกคลุม
“หนาวหรือไง?” อติเทพถามเมื่อเห็นอาการของอีกฝ่าย
“ชะ...ใช่ค่ะ”
“มานี่สิ...ฉันจะช่วยให้เธอหายหนาว” พูดจบเรือนร่างกำยำก็รีบทำตัวเป็นผ้าห่มเนื้อดีโดยการกอดร่างอิ่มไว้แน่น เนื้อแนบเนื้อจนขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้
“คุณอรรถเมาไม่ใช่หรือคะ?” ดวงตากลมโตฉายแววสงสัยจึงได้ถามในสิ่งที่ค้างคาใจ ทำไมเขาทำเหมือนคนเมาดิบมากกว่าจะเมาจริงๆ
“ใช่...เมา...ฉันเมารัก” คำตอบแบบกำปั้นทุบดินเล่นเอาคนฟังพูดไม่ออก
“คุณอรรถมีผมหงอกด้วยค่ะ” คนขี้อายแสร้งเปลี่ยนเรื่อง เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับเส้นผมสีขาวที่โผล่พ้นมาข้างจอนผมประมาณสองสามเส้น
“ก็ฉันแก่แล้ว ผมจะดำสนิททุกเส้นได้ยังไง” คนแก่ขี้น้อยใจทำเสียงงอนเมื่อถูกทักเรื่องวัย ยี่สิบสองปีที่ห่างกันมันเป็นคำตอบได้ดีแล้วว่าเธอเป็นลูกเขาได้ด้วยซ้ำ
“คือน้ำหวานไม่ได้คิดแบบนั้นค่ะ” ธิดาวรรณรีบปฏิเสธพัลวัล กลัวเขาจะหาว่าเอาเรื่องไม่ควรพูดมาพูด
“ไม่อยากให้น้อยใจก็ต้องตามใจฉันสิ”
“แล้วคุณอรรถอยากให้น้ำหวานทำอะไรคะ” คำถามซื่อๆ นั่นเรียกรอยยิ้มจากหนุ่มใหญ่ได้เป็นอย่างดี
“ขอฉันถูสบู่ให้เธอบ้าง” คำขอมาพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยไฟพิศวาส
“น้ำหวานอาบน้ำแล้วนะคะ” หญิงสาวร้องบอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ทำแค่พูด แต่ยังเทสบู่เหลวใส่ฝ่ามือไล้ลงมาบนผิวกายละเอียดช้าๆ ผ่านปทุมถันเต่งตึงแล้วหยอกเอินอยู่นานหลายนาที ก่อนจะไล่ลงมาสู่เบื้องล่างผ่านรอยแยกที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มเส้นไหมนุ่ม นิ้วแกร่งทำหน้าที่แหวกปากทางออกแล้วเข้าไปสัมผัสเนินเนื้ออวบอูมเป็นครั้งแรก
“คุณอรรถ น้ำหวานกลัว” ธิดาวรรณบอกเสียงสั่นพร่า หมดสิ้นการควบคุมตนเอง
“ไปที่เตียงนะ” หนุ่มใหญ่กระซิบพร้อมกับช้อนร่างอิ่มเข้ามาในอ้อมกอดแล้วพาเดินออกมาที่เตียงนอนขนาดคิงไซส์ เขาวางร่างของเธอลงอย่างทะนุถนอม ดวงตาคมไล่สายตาไปทั่วเรือนร่างที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ปิดกาย
“ปิดทำไม” อติเทพถาม มือหนาเอื้อมไปแกะมือเล็กที่ใช้บังทรวงอกอิ่มตรงหน้า อีกข้างก็ปกปิดส่วนล่างที่แทบจะไม่มิดในสายตา
“น้ำหวานอาย” หญิงสาวตอบ พยายามหลบสายตาที่มองมาด้วยความปรารถนา
“อยู่กับฉันแค่สองคนไม่เห็นต้องอาย”
“แต่น้ำหวานยังไม่เคย” เธอเปล่งเสียงออกไปแบบกระท่อนกระแท่น ความบริสุทธิ์ที่เคยตั้งใจว่าจะเก็บไว้ให้ผู้ชายที่รักและเขาก็รักเธอ
“ฉันรู้” เพราะรู้ว่าเธอบริสุทธิ์ไม่ต่างจากผ้าขาว การกระทำก็ใสซื่อแบบไม่ต้องเสแสร้งใดๆ แบบนี้ไงเขาถึงได้...อยากใช้เวลากับเธอทั้งวันทั้งคืน
“ฉันหิว อยากชิมน้ำหวานแก้วนี้เหลือเกิน” สิ้นเสียงนั้นร่างอิ่มก็ผวาเฮือกเมื่อถูกสองมือหนาแยกเรียวขาทั้งสองข้างออก ในขณะที่ลิ้นอุ่นร้อนทั้งดูดและละเลงลงไปบนกายสาวอย่างคนหิวกระหาย สองมือเล็กจิกลงไปบนศีรษะทุย ริมฝีปากเปล่งเสียงครวญครางออกมา
“อ๊า...คุณอรรถ”
“ชอบไหมน้ำหวาน?” หนุ่มใหญ่เงยหน้าขึ้นไปถาม พึงพอใจที่เห็นอีกฝ่ายระทวยเพราะฝีมือของตน
“คุณอรรถอย่าแกล้งน้ำหวาน” ธิดาวรรณต่อว่าด้วยน้ำเสียงขัดใจอย่างลืมตัว เรียกเสียงหัวเราะครืนจากผู้ชายจอมหื่นเช่นเขา
“น้ำหวานต้องช่วยคุณอรรถบ้าง” อติเทพสั่ง คำพูดที่เขาใช้ทำเอาหัวใจคนฟังวูบไหวแม้จะเผลอพูดออกมาก็ตาม
“น้ำหวานทำไม่เป็น” วงหน้าสวยส่ายหน้ากับหมอนจนเส้นผมกระจายเมื่อได้ยินคำสั่งนั้น เธอไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต จะช่วยได้ยังไง
“เดี๋ยวฉันสอนเธอเอง” หนุ่มใหญ่บอกพร้อมกับดึงมือเล็กลงมาบริเวณแกนกายของตน ความใหญ่โตที่กำลังท้าทายนับตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำจนมือเล็กโอบไว้ไม่มิด กระนั้นอติเทพก็ยังจัดการให้เจ้าหล่อนได้สัมผัสเนื้อแท้ที่เกินมาตรฐานชายไทยจนเขาเป็นฝ่ายสูดปากส่งเสียงครวญครางออกมา
“แบบนั้นแหละคนสวย...อืมม”
ธิดาวรรณมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุก มัวเมาในรสสวาทที่ถูกสอน ดวงตากลมโตพยายามหลบสายตาคมเข้มที่จ้องมองมา แต่สุดท้ายก็ถูกมือหนาเชยปลายคางมนให้สบตากับตนอยู่ตลอดเวลา ตาประสานตาก่อเกิดเป็นความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจของคนทั้งคู่
อีกคนรักและเทิดทูนเท่าชีวิต เพราะเขาคือเทพบุตรผู้ให้ชีวิตใหม่แก่เธอ
ในขณะที่อีกคนมองเห็นเธอเป็นเพียงเด็กในปกครอง และที่สำคัญยังเป็นบุตรสาวของอดีตคนรัก
“พร้อมนะเด็กดี” อติเทพถามเสียงนุ่มนวล ไม่ลืมฉีกซองคอนดอมมาสวม ก่อนจะค่อยๆ ฝังตัวตนเข้าหาหญิงสาวใต้ร่างทีละนิด แต่หนทางแสนคับแคบก็เล่นเอาปวดหนึบไม่น้อย เพียงแต่ยังไม่อยากทำอะไรวู่วามด้วยรู้ดีว่าเจ้าหล่อนยังไม่เคยผ่านมือชายใด ดังนั้นเขาควรต้องทะนุถนอมเธอให้สมกับที่ได้พรหมจรรย์นั้นมา
“อื้อ...น้ำหวานเจ็บค่ะคุณอรรถ” แม้จะเต็มใจยอมเป็นของเขา แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับก็ทำเอาธิดาวรรณดิ้นหนี ความใหญ่โตของอีกฝ่ายที่กำลังจะข้ามผ่านเส้นทางแห่งความคับแน่นเข้ามา
“อย่ากลัว อย่าเกร็งน้ำหวาน ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ” เสียงทุ้มกระซิบอยู่ข้างหู ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาจูบต้นคอระหงเบาๆ เป็นการปลอบประโลม
“ค่ะคุณอรรถ” คำมั่นสัญญาที่ได้ยินทำให้ธิดาวรรณพยักหน้ารับอย่างง่ายดายบวกกับความรักที่มีให้เต็มหัวใจเฮือก! ร่างสาวผวาเมื่อส่วนล่างถูกดันเข้ามาจนสุดทาง ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ความเจ็บปวดที่ได้รับทำเอาน้ำตาซึมแต่ก็ปนเปไปด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน หนุ่มใหญ่รอจนคนใต้ร่างพร้อมจึงเริ่มขยับจังหวะแรงและเร็วขึ้น
“คุณอรรถขา” หญิงสาวส่งเสียงครวญครางดังไปทั่วห้องเมื่อสะโพกสอบกระแทกกระทั้นเข้ามารัวเร็ว ยิ่งได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อตนอติเทพก็ยิ่งรู้สึกพอใจ ขาเรียวทั้งสองข้างถูกจับให้โอบรัดเรือนกายกำยำเอาไว้
มือหนาเคล้นคลึงปทุมถันเต่งตึงซึ่งกระเพื่อมไหวตรงหน้าตามแรงอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ ส่วนมือเล็กทั้งสองข้างก็เอื้อมมาโอบรอบลำคอเขาเอาไว้เช่นกัน
“น้ำหวาน...เธอหวานสมชื่อจริงๆ” อติเทพเฝ้าเรียกชื่อซึ่งมีเขาเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว เมื่อสัมผัสได้ว่าเธอกำลังจะแตะปลายสวรรค์ไปด้วยกันจนร่างกระตุกเกร็ง ปล่อยธารรักสีขาวขุ่นออกมาทุกหยาดหยด ใบหน้าหล่อเหลาชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อซบลงบนซอกคอกเนียนนุ่ม ในขณะที่ยังไม่ได้ถอนกายออกจากร่างอิ่ม
“ฉันยังไม่อิ่ม” หนุ่มใหญ่ไม่รอฟังคำตอบรับหรือปฏิเสธ เริ่มห่มสะโพกสอบเข้าหาอีกครั้ง คืนนี้คือค่ำคืนแห่งความสุขที่เธอจะไม่มีวันลืมลงไปอีกนาน...แสนนาน
