บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 เด็กขี้แย

“ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำ?” คำถามที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้คนอ่อนแอรีบปาดน้ำตาทิ้ง พร้อมกับหันไปตอบคำถามเสียงเบา

“กำลังจะไปอาบแล้วค่ะ”

“ร้องไห้ทำไม” อติเทพถามเสียงเข้ม จ้องวงหน้าเนียนสวยอย่างรอคำตอบ เมื่อเห็นว่าเจ้าหล่อนยังไม่ยอมตอบคำถามก็เดินตรงเข้ามาหา “คุณอรรถกำลังถามน้ำหวาน”

“น้ำหวานไม่ได้ร้องค่ะ” ธิดาวรรณปดคำโต คราบน้ำตาบนใบหน้ายังปรากฏเป็นหลักฐาน

“เด็กขี้แย โกหกก็ไม่เก่ง” หนุ่มใหญ่หัวเราะเบาๆ ยกสองมือขึ้นมาปาดน้ำตาบนใบหน้าของเด็กขี้แยจนเจ้าตัวถึงกับชะงัก

“โกรธฉันหรือไง” เขาถามอีกครั้ง ตั้งแต่ดุและพูดจากับเธอไม่ดีก่อนหน้านี้ เข้าใจว่าหญิงสาวยังเด็กต้องมีอารมณ์อ่อนไหวกับคำพูดตนเองเป็นธรรมดา

“น้ำหวานไม่มีสิทธิ์โกรธคุณอรรถหรอกค่ะ” ธิดาวรรณพูดอย่างคนเจียมตัว เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่เขาซื้อมา คงไม่มีค่า มีความหมายในจิตใจ

“ช่างประชดจริงนะ ฉันขอโทษแล้วกัน รีบไปอาบน้ำได้แล้ว” คำว่า ‘ขอโทษ’ ที่ได้ยินทำเอาคนฟังตาโต ไม่อยากเชื่อว่านักธุรกิจที่มีหน้ามีตาในสังคมจะมาเอ่ยคำขอโทษเด็กกะโปโลอย่างตนได้

“ค่ะ” 

“หรืออยากให้อาบ...” ยังไม่ทันที่หนุ่มใหญ่จะพูดจบ เจ้าของเสียงหวานก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน

“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำหวานอาบเองได้” สิ้นเสียงนั้นร่างอิ่มก็รีบวิ่งปร๋อเข้าไปในห้องน้ำท่ามกลางเสียงหัวเราะหึๆ ของผู้ชายจอมหื่นที่ดังตามหลังไป

ธิดาวรรณรีบตื่นแต่เช้าเพื่อทำข้าวต้มทรงเครื่องเป็นมื้อเช้าของวัน ด้วยความที่อาศัยอยู่กับบิดาสองคนมาตั้งแต่จำความได้ เธอจึงทำอาหารเป็นหลายอย่าง มือเล็กวางทัพพีลงและไปจัดโต๊ะอาหาร ก่อนจะรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว

“เนกไทฉันล่ะ” อติเทพถามหลังจากเห็นร่างอิ่มเดินออกมาจากห้องในชุดนักศึกษาเรียบร้อยตามคำสั่ง กระโปรงพลีทจับจีบรอบตัวและยาวเลยเข่า ปกติทุกเช้าเธอต้องเป็นฝ่ายเตรียมให้เขาพร้อมกับชุดทำงาน หน้าที่ของธิดาวรรณไม่ต่างไปจากผู้มีสถานะเป็น ‘ภรรยา’ เพียงแต่เธอไม่ใช่ภรรยาของเขา

“นี่ค่ะ” มือเล็กยื่นเนกไทสีเข้มเข้ากันกับเสื้อที่อีกฝ่ายสวมอยู่ไปให้

“ใส่ให้ด้วย” พูดจบอติเทพก็เงยหน้าขึ้นเพื่อให้หญิงสาวตรงหน้าได้ทำในสิ่งที่ตนสั่งได้ถนัด

“เสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยรอยยิ้มหวานจนคนมองถึงกับชะงักก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“ไปกินข้าวกัน” มือหนาเอื้อมมาโอบรอบเอวคอดให้เดินไปด้วยกันที่โต๊ะอาหาร เป็นที่รู้กันดีว่าคือกิจวัตรประจำวันของทั้งคู่

ร่างอิ่มหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกันกับเขา นับตั้งแต่ตักข้าวต้มใส่ถ้วยและชงกาแฟให้เธอรู้ดีว่าตนเองตกอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายตลอดเวลา

“อยู่ที่มหา’ลัยมีใครมาจีบบ้างหรือเปล่า” คำถามที่ฟังเหมือนจะธรรมดาแต่ทว่าในน้ำเสียงกลับเข้มผิดปกติ

“มะ...ไม่มีหรอกค่ะ” นักศึกษาสาวตอบเสียงเบา หลบสายตาคมที่จ้องมองด้วยกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าโกหก ทั้งที่ความจริงแล้วกำลังถูกรุ่นพี่ปีสี่ตามจีบ คอยส่งน้ำส่งขนมให้มาเกือบเดือน

“แน่ใจ?” อติเทพย้ำคำถามคล้ายไม่เชื่อจนกระทั่งเสียงเตือนข้อความของโปรแกรมสีเขียวดังขึ้นท่ามกลางอาการสะดุ้งด้วยความตกใจของคนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ พอก้มดูจึงรู้ว่าเป็นข้อความจากกลุ่มเพื่อนสนิทที่มีสมาชิกสามคนรวมตนเองด้วย

~ชะนีส่องผู้~

เจนี่ตัวแม่ : นังน้ำเค็ม มาถึงม.หรือยังคะ นี่อีตาพี่ปอนด์มาฝากขนมไว้ให้หล่อนแต่เช้า โอ๊ย กะเทยลำไยจริงๆ ค่า

ชายใจหญิงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาในกลุ่มของเช้าวันนี้

ชะเอมคนสวย : อุ๊ย...ฉันได้กินของฟรีอีกแล้ว


เอมอรตอบบทสนทนากลับมา ขนมส่วนใหญ่ถูกฟาดเรียบด้วยฝีมือของตนหลายต่อหลายครั้ง

“ใคร?” อติเทพถามเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าเจ้าของสมาร์ตโฟนทำท่าจะหยิบขึ้นมาตอบ แหกกฎที่เขาเคยสั่งเอาไว้

“เจษค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไปเสียงเบา พยายามเอามือบังไม่ให้อีกฝ่ายเห็นข้อความที่แสดงอยู่บนหน้าจอ

“เอามาดูซิ” หนุ่มใหญ่สั่ง แม้จะคุ้นเคยกับชื่อที่ได้ยินว่าคือเพื่อนสนิทของเธอ แต่เขาก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ยิ่งเธอทำท่าทางหวงราวกับไข่ในหินเขาก็ยิ่งอยากรู้

“ไม่มีอะไรก็เอามานี่” เจ้าของเสียงทุ้มสั่งอีกครั้งพร้อมกับส่งสายตาดุมาให้เป็นเชิงบอกว่าถ้าไม่ทำตามตอนนี้จะเจอกับอะไร ธิดาวรรณจำต้องยอมส่งสมาร์ตโฟนในมือไปให้ชายตรงหน้าที่ทำตัวไม่ต่างจากผู้ปกครอง

‘ชะนีส่องผู้’ อติเทพอ่านชื่อกลุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด กลุ่มบ้ากลุ่มบออะไร

“ชื่อกลุ่มนี่ใครเป็นคนตั้ง” หนุ่มใหญ่เงยหน้าขึ้นมาถามทำเอาหญิงสาวลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“จะ...เจษค่ะ”

“เปลี่ยนชื่อซะด้วยนะ น่าเกลียด...แล้วผู้ชายที่ชื่อปอนด์เป็นใคร” เขาสั่งพร้อมกับคำถามที่ตามมาเมื่อได้อ่านข้อความบนหน้าจอ รู้ดีว่ายังไงต้องไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มแน่ เพราะเพื่อนสนิททุกคนของเธอไม่มีใครที่เขาไม่รู้จัก

“ระ...รุ่นพี่ที่มหา’ลัยค่ะ” ธิดาวรรณตอบเสียงตะกุกตะกัก สิ้นการควบคุมเพราะรู้ว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดที่โกหก

“ทีหลังอย่าหัดโกหกอีกนะน้ำหวาน ฉันไม่ชอบ” อติเทพสั่งเสียงลอดไรฟัน ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เขามีประชุมสำคัญที่บริษัทแล้วล่ะก็ ไอ้หมอนั่นกับตนต้องได้เจอหน้ากัน

“ค่ะ”

“จำไว้ด้วยว่าไม่ต้องไปคุยกับไอ้รุ่นพี่อะไรนั่น”

“น้ำหวานไม่ค่อยได้คุยอยู่แล้วค่ะ” ข้อนี้คือสิ่งที่ตอบตามความเป็นจริง ทักทายกันบ้างนิดๆ หน่อยๆ ตามประสาคนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน

“ไว้วันหลังฉันจะไปรับ อยากเห็นหน้าไอ้หมอนั่นเหมือนกัน” สิ้นเสียงหนุ่มใหญ่ก็ลุกขึ้นเดินออกไป ปล่อยให้หญิงสาวจัดการกับทุกอย่างต่อทั้งๆ ที่เพิ่งจะตักข้าวเข้าปากไปได้ไม่กี่คำก็มีเรื่องมาทำให้อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาแต่เช้า เมื่อเก็บทุกอย่างเรียบร้อยร่างอิ่มก็ตามลงไปที่รถทีหลัง ซึ่งตลอดการเดินทางเช้านี้มีแต่ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั่วบริเวณแม้กระทั่งเสกสรรยังรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านมาถึงตนเองด้วย

 

วันนี้ธิดาวรรณเลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสองโมง เพื่อนสนิททั้งสองคนจึงชวนกันไปนั่งเล่นที่คาเฟ่เล็กๆ ด้านหน้ามหาวิทยาลัยเป็นการฆ่าเวลา บทสนทนาส่วนใหญ่มีทั้งเรื่องเรียนและเรื่องทั่วไป จนไปถึงเรื่องไร้สาระดังเช่นทุกวัน

“ไปๆ รีบกลับไปทำกับข้าวให้หลัวกินได้แล้วค่ะ” เจษฎาบอกลาเพื่อนและอดที่จะแซวออกไปไม่ได้

“เจษ น้ำหวานบอกแล้วไงว่าคุณอรรถไม่ใช่เอ่อ...สามี” คนขี้อายตอบเพื่อนเสียงอ้อมแอ้ม

“ไม่รู้ล่ะนังชะนีน้ำเค็ม หล่อนชอบเรียกชื่อฉันไม่ถูก เอาเป็นว่าคุณอรรถคือผัว โอเค๊!” ชายใจหญิงยืนยันด้วยคำพูดและท่าทางจนเจ้าตัวส่ายหน้าอ่อนใจ

“อย่าไปเถียงกับมันเลยน้ำหวาน แกก็รู้อยู่แก่ใจ” คำพูดที่เหมือนจะเชื่อแต่แฝงไปด้วยบางอย่างยิ่งทำให้ธิดาวรรณแทบกุมขมับกับคำแซวของเพื่อนสนิททั้งสอง

“เรื่องวิชาบัญชีภาษีถ้าไม่เข้าใจก็แชตมาถามได้นะ” ธิดาวรรณเลิกเถียงกับเพื่อนเพราะรู้ดีว่ายังไงก็ไม่มีทางชนะ

“ไม่ต้องห่วง ถามแน่แหละย่ะ สมองยิ่งไม่ค่อยแล่นอยู่” เจษฎารีบบอก ปกติเรื่องการบ้านวิชาการบัญชี ถ้าไม่เข้าใจที่พึ่งก็คือเพื่อนสนิทหน้าหวานสมกับชื่อคนนี้

“แต่อย่าไลน์มาดึกมากล่ะเจษ เดี๋ยวคุณอรรถดุ” แค่คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นไม่หายกับประกาศิตของเขา

“ค่าๆ เข้าใจแล้วค่ะว่าผะ...เอ๊ย สามีหวง ไม่ให้จับโทรศัพท์” ชายใจหญิงรับคำพร้อมกับหันไปหัวเราะคิกคักกับเอมอร

“ว่าแล้วราชรถแม่นางผัวหวงก็มาเกยถึงที่แล้วจ้า” เอมอรพูดขึ้นหลังจากเหลือบไปเห็นรถยนต์คันหรูคุ้นตาแล่นเข้ามาจอดด้านหน้ามหาวิทยาลัย เป็นที่รู้กันดีว่ามารับใคร

“ไว้เจอกันนะเจนี่ ชะเอม”

“ดีมาก เรียกชื่อฉันถูก ไว้วันหลังจะบอกเคล็ดลับมัดใจสามีให้ฟัง” เจษฎายิ้มพอใจกับชื่อที่เพื่อนเรียกพร้อมกับโบกมือลาอีกฝ่าย และไม่วายเอ่ยปากแซวตามประสาเพื่อนซึ่งคบหากันมานาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel