บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 จุดเริ่มต้น

บนคอนโดหรูใจกลางกรุงเทพฯ

“หอมแก้มฉันหน่อยสิเด็กดี” อติเทพสั่งเจ้าของร่างอิ่มที่อยู่ภายใต้อ้อมกอด สายตาเต็มไปด้วยความพิศวาสอย่างปิดไม่มิด “เร็ว” เขาสั่งอีกครั้ง

ฟอดด! ริมฝีปากเชิดรั้นกดลงไปบนแนวกรามของอีกฝ่ายชนิดรัวเร็ว ก่อนจะก้มหน้างุดซ่อนอาการเขินอาย

“อยากได้เสื้อผ้าใหม่หรือเปล่า?” หนุ่มใหญ่ถาม อยากตอบแทนที่เจ้าหล่อนทำตัวน่ารักเป็นที่น่าพอใจตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

“ไม่ค่ะ ของเก่ายังใช้ได้อยู่” ธิดาวรรณปฏิเสธอย่างคนเจียมตัว ของเก่าที่มีอยู่ยังพอใส่ได้และเธอก็ไม่ใช่คนสิ้นเปลืองตามแฟชั่นมากมาย

“อย่างอื่นล่ะ หืม!”

“น้ำหวานไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ”

“ทำตัวเป็นเด็กดีแบบนี้ สงสัยต้องมีรางวัล” คนเจ้าเล่ห์ชม แต่ทว่านัยน์ตาพราวระยับ

“สายแล้วนะคะ เดี๋ยวน้ำหวานต้องรีบไปเรียน” เด็กขี้อายรีบกล่าวตัดบท เกรงว่าอีกฝ่ายจะออกไปทำงานสายเช่นกัน

“ฉันต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้เธอตลอดเลยสินะเด็กน้อย วันนี้เตรียมตัวกลับมารับโทษให้ดี” อติเทพกล่าวคาดโทษปิดท้ายก่อนจะไล่สายตาไปยังเรือนร่างอิ่มตรงหน้า ริมฝีปากหยักฉกลงไปบนแก้มเนียนสองครั้งราวกับเป็นสิ่งเสพติดก็ไม่ปาน

ธิดาวรรณกวาดสายตามองหาเพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่บนม้าหินอ่อนบริเวณหน้าตึกก่อนจะส่งยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายโบกมือส่งสัญญาณมาให้ เจ้าของร่างอิ่มรีบสาวเท้าเข้าไปทันทีเนื่องจากรู้ดีว่าจะต้องถูกบ่นหรือแซวอีกแน่ๆ ทุกครั้งที่มาสายกว่าเวลานัด

“ไงยะ สามีเพิ่งปล่อยมาหรือไงหนูน้ำหวาน” เอมอรหรือชะเอมเอ่ยปากแซวทันทีที่เห็นเพื่อนเดินเข้ามาถึง

“ชะเอม คุณอรรถไม่ใช่สามีเราสักหน่อย” มือเล็กเอื้อมลงไปตีที่ท่อนแขนเพื่อนสนิทเบาๆ กลบเกลื่อนอาการเขินอาย

“จ้า! เชื่อตายล่ะ นี่ถ้านังเจษอยู่ยังไงก็ต้องเห็นด้วยกับฉัน”

“นินทาอะไร นังชะอมชุบไข่ บอกให้เรียกเจนี่ไม่รู้จักจำ ประเดี๋ยวจะโดนขุ่นแม่ตีปากเอานะคะ” เจ้าของชื่อเจษฎาหรือเจนี่ที่(อยาก)ให้เพื่อนเรียกตรงเข้ามาก่อนจะหย่อนกายลงนั่ง ไม่ลืมตวัดสายตามองเมื่อถูกเรียกด้วยสรรพนามไม่น่าฟัง

“ก็แม่น้ำหวานสิ โกหกว่าคุณอรรถไม่ใช่สามี อมพระมาพูดฉันยังไม่เชื่อเล้ย”

“เจษอย่าไปฟังชะเอมนะ น้ำหวานไม่ได้โกหกจริงๆ” เจ้าตัวรีบปฏิเสธอีกครั้ง ไม่อยากให้เพื่อนเข้าใจผิดไปกันใหญ่

“แต่เรื่องแบบนี้มันก็เชื่อยากนะแม่น้ำเค็ม ที่นังชะอมพูดมันก็ถูก คุณอรรถเลี้ยงแก พาแกไปอยู่คอนโดหรูๆ ถ้าจะปฏิเสธหัวชนฝาแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้นะยะ” เจษฎาทำเสียงสูง

“น้ำหวานไม่พูดด้วยแล้ว รีบขึ้นเรียนกันดีกว่า” ธิดาวรรณกล่าวตัดบทแล้วเดินนำเพื่อนสนิททั้งสองคนไปทางบริเวณหน้าลิฟต์ ปล่อยให้ทั้งคู่ได้แต่มองตากันราวกับรู้งานและคิดว่าอีกฝ่ายเขินอายด้วยเพราะเป็นคนเรียบร้อยที่จะพูดเรื่องแบบนี้ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องลึกของการมาเป็น ‘ผู้หญิง’ ของหนุ่มใหญ่นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร

เวลา 15.00 นาฬิกา

“สวัสดีครับคุณน้ำหวาน” เจ้าของร่างสูงตรงเข้ามาทักทายนักศึกษาสาวที่เพิ่งเดินลงมาจากหน้าตึกพร้อมกับเพื่อนสนิทอีกสองคนด้วยท่าทางนอบน้อมตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายที่มอบหมายให้มารับคนตรงหน้าทุกวันหลังเวลาเลิกเรียน

“หูย! ทำไมชีวิตแกดี๊ดีขนาดนี้ยะนังน้ำเค็ม” ชายใจหญิงเอ่ยปากแซวแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับเอมอรที่ยืนทำตาโตไม่แพ้กัน

“บ้าน่าเจษ อย่าแซวน้ำหวานสิ” เธอหันไปปรามเพื่อนพร้อมตวัดค้อนส่งให้แบบไม่จริงจังนัก

“อิจฉาเกิ๊นน มีราชรถมารับถึงที่ ทำไงฉันจะหาได้แบบนี้บ้าง” เอมอรทำท่าชวนฝันจนชายใจหญิงอดไม่ได้ที่จะดับฝันนั้นลง

“หยุดเลยนังชะอมทอด อ้วนเป็นหมูแถมวันๆ คิดแต่เรื่องกินอย่างหล่อนคงจะมีหรอกนะ”

“หืม! นังเทยปากเสีย หุ่นแบบนี้สิกอดอุ่น แกไม่รู้เหรอว่าตอนนี้เทรนสาวอวบกำลังมาแรงย่ะ” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังแอ่นหน้าอกเข้าสู้

“มโนไปเรื่อยเปื่อย แกเห็นป่ะว่าลูกน้องของสามีนังน้ำเค็มแอบขำแกอ่ะ” เจษฎากระซิบบอก

“หึ! รีบกลับได้แล้วยัยน้ำเค็ม สามีให้คนมารับแล้ว” เอมอรหันไปบอกเพื่อนสนิทที่ยังมัวแต่ยืนทื่อเป็นท่อนไม้

“อื้ม...พรุ่งนี้เจอกันนะชะเอม เจษ”

“เจนี่ย่ะ” เจษฎาเตือนแล้วส่งค้อนวงใหญ่ไปให้ มีอย่างที่ไหนชื่อในวงการไม่เรียก ดันไปเรียกชื่อเก่าเก็บ

“จ้าๆ เรื่องรายงานไว้ค่อยนัดกันทำอีกทีนะ” ธิดาวรรณบอกลาเพื่อนอีกครั้งแล้วหันไปส่งยิ้มให้เสกสรรเดินนำไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดรออยู่ ซึ่งก็เป็นปกติที่อีกฝ่ายส่งลูกน้องคนสนิทมารับเธอที่มหาวิทยาลัยดังเช่นทุกวัน นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่ในฐานะผู้หญิงของเขาในช่วงระยะเวลากว่าเจ็ดเดือนหลังจากบิดาเสียชีวิตลง

หนุ่มใหญ่วัย 42 ปีนามว่า อติเทพ เทวาพันธกุล นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เสกสรรจัดการติดต่อเธอในวันที่บิดาเริ่มล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองเพราะติดแอลกอฮอล์อย่างหนักบวกกับสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมเพราะขาดการดูแล ผิดกับเขาซึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับท่านแต่กลับดูแข็งแรงเทียบกับชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าได้ชนิดไม่เห็นฝุ่น แม้จะไม่เข้าใจถึงเจตนารมย์ของอีกฝ่าย แต่ด้วยบิดาป่วยหนักและเธอก็ยังอยากจะยื้อชีวิตผู้ให้กำเนิดไว้จึงยอมรับข้อเสนอที่ยื่นให้ด้วยการออกค่ารักษาพยาบาลพร้อมกับส่งเสียตนให้เรียนต่อในระดับปริญญาตรีตามความตั้งใจ ทำให้ธิดาวรรณจำยอมถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงที่ใช้ร่างกายแลกกับเงิน ถึงเจ้าตัวจะไม่เคยเอ่ยปากออกมาตรงๆ ก็ตาม 

ทว่าสุดท้ายความตายก็พรากบุคคลที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ จากการสูญเสียในครั้งนั้นทำเอาหญิงสาวเสียใจจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตั้งแต่จำความได้เธอมีเพียงบิดาที่เลี้ยงดูส่งเสียมาตลอด เมื่อถามถึงมารดาก็ได้รับคำตอบจากปากท่านเพียงว่า พ่อกับแม่แยกทางกัน และพ่อขอเป็นฝ่ายขอดูแลน้ำหวานเอง ธิดาวรรณเองก็ไม่คิดจะซักถามอะไรอีกเพียงแค่ได้เห็นแววตาอันแสนเจ็บปวดของบุพการี

“หอม” แรงสวมกอดจากทางด้านหลังทำเอาคนกำลังจมอยู่กับภวังค์ความคิดสะดุ้งเบาๆ แม้จะรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ตาม

“ปล่อยน้ำหวานก่อนค่ะคุณอรรถ” เจ้าของเสียงหวานร้องห้าม พยายามดิ้นออกจากพันธนาการแข็งแกร่ง

“ยังไม่ได้ชื่นใจเลย” คนหน้ามึนว่าพร้อมกับก้มลงหอมแก้มเนียนทั้งสองข้างเต็มแรง

“น้ำหวานทำกับข้าวอยู่นะคะ” ธิดาวรรณประท้วงอีกครั้ง ดวงตากลมมองเลยไปยังแกงจืดที่กำลังเดือดอยู่ในหม้อ

“ฉันยังไม่หิวสักนิด หิวอย่างอื่นมากกว่า” สิ้นเสียงดวงตาคมเข้มก็ฉายแววพิศวาสจนคนถูกมองรีบเบือนหน้าหลบ

“ปล่อยก่อนนะคะ เดี๋ยวกับข้าวไหม้”

“ถ้าปล่อยแล้วได้อะไร?” เจ้าของเสียงทุ้มถาม ขมวดคิ้วรอคำตอบที่น่าฟัง

“ไม่ได้อะไรค่ะ คุณอรรถไปนั่งรอก่อนนะคะ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ” หญิงสาวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ หวังให้อีกฝ่ายยอมปล่อยตน

“ระวังไว้นะเด็กดื้อ” อติเทพคาดโทษ ยอมเดินออกไปหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่บริเวณโถงด้านนอก ปล่อยให้เด็กดื้อเตรียมมื้อเย็นตรงหน้าต่อให้เสร็จ

“น้ำค่ะ” สิบห้านาทีให้หลังธิดาวรรณกลับออกมาพร้อมกับน้ำเย็นในมือส่งให้หนุ่มใหญ่ที่เอนหลังอยู่บนโซฟานุ่ม

“ขอบใจ”

“งานเยอะไหมคะ” เธอถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนอีกฝ่ายราวกับกล้าๆ กลัวๆ

“เธอเป็นห่วงฉัน?”

“ก็...คุณอรรถดีกับน้ำหวานขนาดนี้ จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไงคะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับหลบตาคมที่จ้องมาไม่วางตา

“ฉันอาจจะหายเหนื่อยถ้าเธอยอมสักที” หนุ่มใหญ่พูดตามตรง ‘ยอม’ ในที่นี้คือยอมเป็นของเขา ซึ่งเขาคิดว่าตนเองใจดีและให้เวลาเธอมามากพอสมควรแล้ว

“น้ำหวานยังไม่พร้อม” เจ้าหล่อนบอกเสียงเบา

“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม?” อติเทพถามกลับเสียงดังจนเกือบเป็นตะคอก ทำไมคนอย่างเขาต้องมารออะไรบ้าบอแบบนี้ ในเมื่อมีผู้หญิงอีกมากมายพร้อมจะทอดกายให้เชยชม แล้วเด็กนี่เป็นใคร ก็แค่ลูกสาวของอดีตคนรักที่ถูกแย่งไป

“น้ำหวานขอโทษค่ะ” ธิด าวรรณกล่าวคำขอโทษเสียงสั่นเครือ รู้ดีว่าเขากำลังโกรธ แต่เธอเองก็ยังไม่พร้อมกับเรื่องนี้ ถ้าเข้าใจความรู้สึกกันบ้างกับการที่เพิ่งจะเสียผู้ให้กำเนิดไปอย่างไม่มีวันกลับ

“เธอไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันขนาดนั้นน้ำหวาน จำไว้ว่าเธอจะกระเด็นออกไปจากชีวิตฉันเมื่อไหร่ก็ได้” สิ้นเสียงเจ้าของร่างกำยำก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินเข้าไปทางห้องนอน ปล่อยให้หญิงสาวผู้น่าสงสารนั่งน้ำตาไหลรินเพราะคำพูดของเขา ใช่สินะ เธอไม่เคยสำคัญสำหรับใครทั้งนั้น

พ่อขา...น้ำหวานคิดถึงพ่อ

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel