บทที่ 2
หลังจากเสร็จงานศพเจ้าเอยก็มีเวลาเพียงไม่กี่วันสำหรับย้ายออกจากบ้านเช่า โชคดีที่คุณป้าเจ้าของบ้านยอมยกหนี้ให้เธอทั้งหมด แต่โชคร้ายที่นับจากนี้ชีวิตของเธอ มันจะไม่ใช่สิทธิ์ขาดของเธออีกต่อไป
สัญญาที่ ‘เขาคนนั้น’ ส่งมาให้ตามหลังทำให้เธอแทบเข่าทรุดเมื่อได้อ่าน กฎมากมายที่เขาสร้างขึ้นทำให้เธอต้องใช้เวลาตัดสินใจนานกว่าสามวัน กว่าจะยอมเซ็นชื่อลงไป ถือเป็นการยอมรับสภาพหนี้หนี้ที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อแต่ก็ต้องเป็นคนชดใช้ให้กับเขาทั้งหมด
กฎที่ว่าคือจากนี้เธอต้องย้ายไปอยู่กับเขา และทำทุกอย่างตามที่เขาสั่ง ห้ามถาม ห้ามขัดคำสั่ง ห้ามแม้กระทั่งออกไปไหนมาไหนโดยที่เขาไม่อนุญาต นั่นเท่ากับว่าชีวิตของเธอนับจากนี้ไป จะมีแต่เขาเท่านั้นที่เป็นคนกำหนดให้ว่ามันจะเป็นไปในทางทิศไหนต่อ
“นายให้ผมมารับคุณเอยครับ”
เสียงที่ดังขึ้นที่หน้าประตูหยุดคนที่กำลังคิดอะไรเงียบๆ อยู่คนเดียวให้ต้องหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเขาคือมือขวาของเจ้าหนี้ และเป็นคนเดียวที่มักจะแวะเวียนมาหาเธออยู่บ่อยๆ ในหลายวันที่ผ่านมา หญิงสาวเพียงแต่พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินขึ้นรถอย่างคนไม่มีปากมีเสียง โดยมี ‘คิน’ เดินถือกระเป๋าตามหลังมาติดๆ จากนั้นทั้งสองก็ออกเดินทาง โดยมีคุณป้าเจ้าของบ้านโบกมือให้จนลับสายตา
ไร่ศิลาณี
คือสถานที่ที่เธอถูกพาตัวมา โดยตลอดการเดินทางนั้นไม่มีใครบอกอะไรไปมากกว่า เจ้านายของพวกเขากำลังรอเธออยู่ที่นั่น
ซึ่งเมื่อมาถึงก็พบว่าเขากำลังนั่งรออยู่จริงๆ
“อยู่ที่นี่ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ” เพราะคนตรงหน้าเอาแต่สนใจหนังสือในมือ จึงเป็นหน้าที่เธอที่ต้องเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบขึ้น เหมือนจะรู้ว่าการมาที่นี่ของตัวเองคงไม่ได้สุขสบายเท่าไหร่ เธอรู้ตัวเองดีถึงสถานะที่เป็นอยู่ จึงไม่กล้าเพ้อฝันถึงความสะดวกสบาย
“ทุกอย่างที่ผมสั่ง ส่วนเรื่องเรียนต่อพรุ่งนี้จะให้คนไปจัดการ”
“คุณ! จะส่งเอยเรียนต่อเหรอคะ! จริงๆ นะคะ!” เพราะไม่คาดคิดถึงว่าเขาจะทำสิ่งนี้ให้กัน มันจึงทำให้เธอตกใจจนเผลอขยับเข้าไปเกาะลำแขนแข็งแกร่งของเขาอย่างลืมตัว การกระทำนี้เองที่ทำให้วรรษยอมที่จะเงยหน้าขึ้น ไม่ได้หวังจะตำหนิติดแต่ไม่ทันตั้งรับการถูกสัมผัสจากคนที่เมื่อครู่ยังมองกันด้วยท่าทีตื่นๆ แต่พอได้ยินถึงสิ่งที่ตั้งใจจะทำให้ก็เผลอลืมท่าทีก่อนหน้าที่เคยมีต่อกันไปจนหมด
“ก็ถ้าคุณทำตัวดี อยู่ที่นี่คุณจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ” เขาไม่ได้พูดเกินจริงแต่พูดเพราะตั้งใจเอาไว้แบบนั้น ถึงได้พูดมันออกไป
อย่างน้อยก็อยากชดเชยให้คนตรงหน้า เพื่อลบภาพความรู้สึกผิดออกไปจากใจ
ซึ่งถ้าจะพูดกันตรงๆ แล้วสำหรับคนอย่างเขาเงินแค่ห้าล้านมันไม่ได้มากมายอะไรเลยสักนิด ถ้าเทียบกับทรัพย์สมบัติที่มี จะยกโทษพี่ชายของเธอ เขาก็สามารถทำได้ง่ายๆ แต่เพราะเขาเลือกที่จะไม่ทำ อีกทั้งยังบีบไอ้บ้านั่นจนมันฆ่าตัวตาย เรื่องทั้งหมดแม้จะไม่ได้เริ่มต้นที่เขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจบลงที่ความใจแข็งของเขาอยู่ดี
“ขอบคุณนะคะคุณวรรษ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ เอยสัญญาค่ะ ว่าเอยจะตั้งใจเรียน” หนนี้เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะกำลังตกใจกับท่าทีของอีกฝ่ายที่จู่ๆ ก็ขยับเข้ามาหา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังทำเหมือนเขาเป็นพวกโรคจิตที่ไม่น่าเข้าใกล้ แต่บทจะยอมเข้าใกล้ ก็ใกล้เสียจนเขากลิ่นหอมๆ จากร่างกายหล่อนที่มันลอยมาให้ได้สัมผัส
“ไว้ผมจะรอดู”
เขาเชื่อการกระทำมากกว่าคำพูด เพราะคิดเช่นนั้นถึงเป็นหน้าที่ของคนตรงหน้าแล้วว่าเธอจะซื่อสัตย์ต่อคำพูดตัวเองแค่ไหน
เจ้าชีวิตไม่ได้แนะนำเธอกับคนในบ้านมากนัก แต่เหมือนทุกคนจะได้รับการอธิบายถึงที่ไปที่มาของเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว ถึงได้วางตัวกับเธอเหมือนเป็นแขกคนหนึ่ง ไม่ได้พิเศษอะไร แต่ก็ไม่ได้ก้าวร้าวจนเกินจะรับไหว จะมีก็แต่ป้าจันทร์แรม หัวหน้าแม่บ้านคนเดียวเท่านั้น ที่ดูเหมือนจะไม่อยากต้อนรับการมาของเธอสักเท่าไหร่
นอกจากนั้นแล้ว ทุกๆ คนก็ดีกับเธอมาก มากเกินกว่าที่เธอสมควรจะได้รับ โดยเฉพาะเจ้าของบ้านที่เพียงรู้ว่ากิจกรรมยามว่างของเธอคือการวาดรูป หลังจากนั้นไม่กี่วัน เครื่องเขียนพร้อมด้วยสีชนิดต่าง ๆ ก็ถูกส่งมาให้ถึงมือ มันทำให้เธอไม่ต้องนั่งเหงาอยู่แต่ในบ้านระหว่างรอเปิดเทอม ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้านี้
“คุณเอยชอบวาดรูปเหรอครับ วาดสวยจัง” เป็นนายเอ คนสวนของบ้าน ที่มักจะแวะเวียนมาชมผลงานของเธออยู่บ่อยๆ ตลอดทั้งบ่าย อีกทั้งยังออกปากชมทุกครั้งที่ได้เห็นคอลเลคชั่นใหม่ของเธอ
