3.กำลังใจ
*** ทักทายคร้า ***
ทันทีที่ไนต์คลับเปิด ขิมทองก็เริ่มทำงานด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสของหญิงสาว ทำให้พนักงานคอยแนะนำเรื่องการทำงานตลอดเวลา จนกระทั่งหลังจากไนต์คลับปิด เธอก็เดินกลับห้องพักที่ไม่ไกลจากอเมร่าไนต์คลับมากนักเพราะถ้านั่งรถเมล์คงเสียไปหลายยูโรทีเดียว
ขิมทองมองดูจดหมายที่ติดอยู่หน้าห้อง เห็นมีจดหมายส่งถึงเธอสองสามฉบับ หญิงสาวไขกุญแจเข้าไปในห้อง ไล่ดูเอกสารทีละซองจนมาถึงซองสุดท้าย เวลานี้อะไรที่ควรประหยัดเธอก็ต้องทำ ร่างงามเดินมาไม่นานก็ถึงห้องพัก แต่ก่อนที่จะเปิดเข้าไปในห้อง ปลายหางตาก็เห็นซองจดหมายเสียบอยู่หน้าห้อง จึงหยิบออกมาดู
“แม่…” หญิงสาวเปิดอ่านจดหมายด้วยความคิดถึงมารดา สายตาไล่ไปตามตัวอักษรไม่นาน น้ำตาก็ค่อยๆ ไหลลงมาตามร่องแก้มนวล เพราะสงสารมารดาที่ต้องรับภาระหนี้สินที่ตัวเองไม่ได้ก่อ
เมื่อหลายปีก่อน ฐานะทางบ้านของเธอจัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกินครอบครัวหนึ่ง ซึ่งพ่อของเธอทำธุรกิจโรงแรมมาร่วมสิบปีและสร้างผลกำไรมหาศาล จนกระทั่งเจอพิษเศรษฐกิจตกต่ำ แขกที่เข้าพักในโรงแรมน้อยกว่าปกติทำให้รายได้น้อยกว่ารายจ่าย พ่อของเธอต้องตัดสินใจกู้เงินจากธนาคารเพื่อนำมาพยุงกิจการ แต่ทุกอย่างก็ไม่ดีขึ้น นั่นทำให้พ่อของเธอเครียดและฆ่าตัวตาย
ขิมทองตั้งใจจะเก็บเงินสำหรับซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทย เพื่อกลับไปช่วยมารดาทำงานและปรับปรุงโรงแรมให้ดีขึ้น เธอจึงตัดสินใจหางานพิเศษทำ โชคดีที่เรนให้โอกาสเธอทำงานอย่างที่หวัง
ก๊อก…ก๊อก...ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ขิมทองยกมือปาดน้ำตาออกจากแก้มนวลแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู พอเห็นหน้ารูมเมทเธอก็โผเข้ากอดทันที
“เตย ฮือ...ฮือ...” ขิมทองร้องไห้จนตัวโยน อังศนาหรือใบเตยเห็นเพื่อนร้องไห้จึงพามานั่งที่เก้าอี้รับแขกซึ่งตั้งอยู่ติดผนังห้อง ก่อนจะชำเลืองมองซองจดหมายในมือเพื่อน
“มีอะไรที่เมืองไทยหรือเปล่า” อังศนาถามเมื่อเห็นแววตากังวลของเพื่อน
“ขิมคิดถึงแม่” ขิมทองบอกพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา อังศนามองเพื่อนอย่างสงสาร เมื่อก่อนขิมทองมีพร้อมทุกอย่าง ใบหน้าสวยเต็มใบด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อทุกอย่างกลับตาลปัตร หญิงสาวก็เข้มแข็งและยอมรับความจริงได้มากขึ้น
“เก็บเงินซื้อตั๋วเครื่องบินได้แล้วเราจะกลับเมืองไทยด้วยกัน” อังศนาบอกอย่างให้กำลังใจ ขิมทองเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมสวยของเพื่อนรักพลางฝืนยิ้มให้
“วันนี้ขิมได้งานทำแล้วนะเตย” ขิมทองยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา
“เหรอ…ที่ไหน แล้วงานอะไร” อังศนาถามอย่างตื่นเต้น
“ที่อเมร่าไนต์คลับ ห่างจากที่พักเราไม่ไกลหรอก”
“ดีใจด้วยนะ เราสองคนกำลังจะได้กลับเมืองไทยแล้ว” อังศนาจับมือเพื่อนลุกขึ้นแล้วพาเต้นรำอย่างดีใจ ทำให้ขิมทองยิ้มออกมาได้
“เตยจะกลับไปอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” ขิมทองถามหลังจากที่ทั้งสองหอบผ้าห่มออกมานอนดูดาวหน้าห้องพัก
“คงไม่ เตยไม่อยากไปเป็นส่วนเกินของครอบครัวใหม่ของพ่อ” อังศนาบอกและพยายามข่มความเจ็บลึกๆ เรื่องครอบครัวไว้ข้างใน
“เข้มแข็งไว้นะเตย พ่อเตยคงมีเหตุผลของท่านที่แต่งงานใหม่”
ขิมทองเอื้อมมือไปกุมมือเรียวแล้วบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ อังศนาหันไปยิ้มให้เพื่อนที่นอนอยู่ข้างๆ
“เราจะเป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไปนะขิม”
ขิมทองพยักหน้าสบตาคมสวยของเพื่อน ความห่วงใยที่ต่างส่งผ่านไปให้กัน พาให้น้ำตาของคนทั้งคู่ค่อยๆ ซึมออกมาอย่างตื้นตัน
“วันนี้ดาวเต็มท้องฟ้าเลยเนอะ” ขิมทองบอกขณะที่สายตามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นั่นดาวตก อธิษฐานเร็วเข้า ขอให้ลูกช้างพบเจอเนื้อคู่พรุ่งนี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” อังศนาบอกพร้อมกับประสานมือไว้ที่อก ขิมทองยิ้มกับคำขอของเพื่อนก่อนจะหลับตาอธิษฐานเช่นกัน
“ขอให้กิจการโรงแรมของครอบครัวลูกฟื้นตัวโดยเร็วด้วยเถอะเจ้าค่ะ” ขิมทองอธิษฐานและเธอก็มั่นใจว่าคำขอของเธอจะต้องเป็นจริงในไม่ช้า
พอตกดึกอากาศเริ่มเย็นขึ้น สองสาวจำต้องหอบข้าวของกลับไปนอนในห้องนอน เพราะอากาศที่ปารีสหนาวมากทีเดียว…
*** ขอบคุณคร้า ***
