บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 มู ทวีปแห่งมารดร (3/3)

พลเมืองโบราณแห่งมูเป็นนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งเดินเรือจากฝั่งตะวันออกสู่ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทร และจากทะเลเหนือสู่ทะเลใต้ นอกจากนั้นพวกเขายังเป็นสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญที่สร้างอารามอันยิ่งใหญ่และพระราชวังหิน พวกเขาสลักและก่อตั้งแท่งหินให้เป็นอนุสาวรีย์ ในดินแดนแห่งมูนี้มีเมืองที่เป็นหลักสำคัญ 7 เมือง ซึ่งเป็นที่รองรับศาสนา ศาสตร์และการเรียนรู้ต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีเมืองใหญ่และหมู่บ้านกระจายอยู่ทั่วผืนแผ่นดินทั้งสาม เมืองหลายแห่งถูกสร้างขึ้นบริเวณปากแม่น้ำใหญ่ที่มีอยู่หลายสาย แม่น้ำเหล่านี้เป็นแหล่งค้าขาย แลกเปลี่ยน และการพาณิชย์ เนื่องจากเป็นที่ซึ่งมาจากทุกส่วนของโลกแล่นผ่าน ผืนแผ่นดินมูเป็นแหล่งกำเนิดและเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมความเจริญรุ่งเรืองของโลก รวมทั้งความรู้ต่างๆ การค้า และการพาณิชย์ ประเทศอื่นๆ ในโลกล้วนแล้วแต่เป็นอาณานิคมของมู

ตามหลักฐานที่ปรากฏในบันทึกและแผ่นจารึกต่างๆ การถือกำเนิดของมนุษย์เกิดขึ้นบนดินแดนแห่งมู มูจึงมีอีกชื่อหนึ่งคือ ‘แผ่นดินแห่งกุย (Land of Kui)’ อารามหินปราศจากหลังคาที่ถูกสลักอย่างสวยงามมีอยู่ทั่วไป ความไม่มีหลังคานี้ก็เพื่อให้รังสีแห่งราสาดส่องลงมายังศีรษะของผู้สวดภาวนา แสงที่สาดส่องนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งการยอมรับของพระผู้เป็นเจ้า บุคคลผู้มั่งคั่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยอัญมณีและหินสีล้ำค่า พวกเขาอาศัยอยู่ในพระราชวังอันงดงามที่เต็มไปด้วยคนรับใช้มากมาย ดินแดนที่เป็นเมืองขึ้นมีขึ้นทั่วทั้งผืนโลก

เพราะชาวมูเป็นนักเดินเรืออันยิ่งใหญ่ เรือของพวกเขาบรรทุกผู้โดยสารและสินค้าจากดินแดนต่างๆ ทำให้สามารถพบเห็นเรือสำราญที่เต็มไปด้วยสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา ประดับประดาด้วยอัญมณี

แต่เมื่อแผ่นดินสั่นสะเทือน ไฟจากเบื้องล่างได้ระเบิดขึ้น เปลวไฟลุกพุ่งสู่มวลเมฆด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 4.8 กิโลเมตร เปลวไฟได้บรรจบกับลำแสงของสายฟ้าที่มีอยู่ทั่วทั้งท้องฟ้า ควันหนาสีดำปกคลุมทั้งแผ่นดิน คลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวสู่ชายฝั่งและขยายตัวสู่ที่ราบ เสียงคำรามดังกระหึ่มจากใต้โลก ติดตามด้วยแผ่นดินไหวและภูเขาไฟที่เริ่มระเบิดจากส่วนใต้ของแผ่นดินทางชายฝั่งด้านใต้ มีคลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวจากมหาสมุทรเข้ามาปกคลุมแผ่นดิน ผืนน้ำกลืนเมืองหลายเมืองให้จมดิ่งลงไป ภูเขาไฟพ่นไฟ ควัน และลาวาออกมา แต่ลาวาไม่ได้ไหลไปแต่ทับถมกันจนเป็นรูปกรวย มียอดที่แหลมสูง ซึ่งกลายเป็นบริเวณส่วนหนึ่งของเกาะแถบทะเลใต้ในปัจจุบัน ในที่สุดการระเบิดก็ได้สงบลงภูเขาไฟมอดดับและอยู่ในความสงบตั้งแต่บัดนั้นมา

หลังจากการระเบิดได้สงบลง ประชาชนของแผ่นดินมูจึงค่อยๆ พ้นจากความหวาดกลัว เมืองที่ปรักหักพังได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ การค้าและการพาณิชย์ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง กาลเวลาได้ผ่านไปหลายรุ่นจนเหตุการณ์อันน่าหวาดกลัวนั้นกลายเป็นประวัติศาสตร์ แผ่นดินมูตกเป็นเหยื่ออีกครั้งหนึ่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทวีปทั้งทวีปม้วนตัวราวกับคลื่นของมหาสมุทร วิหารและพระราชวังพังราบลงสู่พื้นดิน อนุสาวรีย์และรูปปั้นคว่ำทลายลง เมืองหลายเมืองกลายเป็นกองซากปรักหักพัง

เมืองและสิ่งมีชีวิตถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา เสียงร้องไห้อันเจ็บปวดทรมานของผู้คนมากมายดังไปทั่ว พวกเขาต่างหาที่หลบภัยตามวิหารและป้อมต่างๆ แต่ก็ต้องพบกับเปลวไฟและกลุ่มควัน สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีในเครื่องแต่งกายที่หรูหราต่างร้องเป็นเสียงเดียว ‘มู ช่วยชีวิตพวกเราด้วย’

ภายใต้กลุ่มควันที่ปกคลุมผืนดิน ดวงอาทิตย์ดูราวกับลูกไฟสีแดงดวงใหญ่ที่กำลังเผาผลาญด้วยความพิโรธของทวยเทพ เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดมิดจึงเข้าครอบงำ มีเพียงแสงไฟที่มาจากแสงวูบวาบของสายฟ้าอันดังกึกก้อง แผ่นดินผืนนี้ก็ถึงวาระที่จะจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ สู่ปากทางแห่งนรก ขณะที่แผ่นดินที่แหลกสลายจมลงสู่ห้วงเหวแห่งไฟนั้น เปลวไฟได้ลุกล้อมรอบและหุ้มห่อแผ่นดินไว้ ประชาชนชาวมูกว่า 64 ล้านคนต้องสังเวยชีวิตให้กับไฟนี้

ขณะที่มูจมลงสู่อ่าวแห่งไฟนั้น พลังอำนาจอีกอย่างหนึ่งได้เข้ามาซ้ำเติม นั่นคือ ผืนน้ำกว่า 80 ล้านตารางกิโลเมตร ที่ถาโถมไปทั่วบริเวณ น้ำและไฟพบกันตรงบริเวณที่เคยเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินและก่อให้เกิดการเดือดพล่าน

มู ดินแดนมาตุภูมิของมนุษยชาติ ได้กลายเป็นภาพฝันในอดีต ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ทำหน้าที่ดังผ้าผืนใหญ่ที่ห่อหุ้มดินแดนไว้เบื้องล่าง ความหายนะของทวีปครั้งนี้เป็นก้าวแรกของการเสื่อมสลายของอารยธรรมอันยิ่งใหญ่อารยธรรมแรกของโลก เป็นเวลาเกือบ 13,000 ปี ที่ความเสื่อมสลายของมูได้แผ่อำนาจปกคลุมพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของโลก

แม้บางส่วนจะดีขึ้นแต่ก็มีอีกหลายส่วนที่ยังคงได้รับผลกระทบ เมื่อทวีปได้แตกแยก ขาดสะบั้น และจมลง สันและยอดของแผ่นบางส่วนยังคงเหลือให้เห็นเหนือผืนน้ำ นั่นทำให้เกิดเกาะและหมุ่เกาะทั้งหลายแตกแยก และมีลักษณะขรุขระเป็นเหลี่ยมแหลม เนื่องจากพลังภูเขาไฟที่ได้เกิดขึ้นภายใต้หมู่เกาะเหล่านั้น หมู่เกาะเหล่านี้ได้รองรับมนุษยชาติที่หลบหนีจากดินแดนที่จมลงสู่พื้นน้ำ ดินแดนซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าของหรือดินแดนที่เป็นมาตุภูมิที่ได้กลายเป็นส่วนประกอบของผืนน้ำ

หลังจากมหันตภัยได้กลืนผืนดินอันเป็นมาตุภูมิของมนุษยชาติแล้ว ประชาชนจำนวนน้อยของมูที่รอดชีวิตพบว่าพวกเขาอยู่ในสถานะที่หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

จุดจบคือจุดเริ่มต้น ในหายนะย่อมมีการกำเนิดใหม่ ส่วนของแผ่นดินมูที่ไม่ได้จมน้ำคือ หมู่เกาะทะเลใต้ (South Pacific Island) และผู้อยู่อาศัยบนเกาะนี้บางส่วนสามารถอ้างได้ว่าเป็นบรรพบุรุษอันห่างไกลหรือส่วนหนึ่งของประชาชนชาวมู

นี่คือเรื่องราวของมู ทวีปแห่งมารดร เรื่องราวที่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่าทวีปมูอาจมีจริง ! !

เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใดๆ ชี้ชัดได้อย่างชัดเจนว่ามันเคยมีอยู่จริง ทุกอย่างในปัจจุบันเป็นไปได้เพียงการเชื่อมโยงและคาดเดาเท่านั้น ! !

ที่มา: เว็บพลังจิต

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel