บทที่ 2 มู ทวีปแห่งมารดร (2/3)
‘Maya Codex of Mexico’ ที่พบที่เม็กซิโกมีรายละเอียดต่อเติมข้อความที่ขาดหายไปจากจารึกแห่งนาอะคัล อ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ดังบัญญัติของผู้สร้าง ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับกฏและการจัดระเบียบทั้งเอกภพ แผ่นจารึกเลขที่ 1231 เป็นดั่งกุญแจที่ไขสู่การทำงานและความเคลื่อนไหวของเอกภพ เป็นสัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ (Sacred Four)
ปัจจุบันอาจมีชื่อเรียกต่างกันมาก เช่น สวัสดิกะ เป็นต้น โดยชาวอารยันได้นำไปใช้เป็นเครื่องหมายหนึ่งในศาสนา และสมัยนาซีเยอรมัน
ทิศทางการหมุนวนของพลังงาน กุญแจคือปุ่มตรงกลาง เมื่อลองใช้นิ้วลองลากเส้นออกมาจากจุดเริ่มต้นวนออกมานี้เป็นทิศทางการหมุนวนของพลังงานในเอกภพในทางสร้างสรรของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่
จากรูปสัญลักษณ์องค์ความรู้ทวีปมู เอกภพทั้งหลายกำลังขยายตัวออกจากจุดศูนย์กลางทุกทิศทาง ดังที่กล่าวไว้ในสัญลักษณ์ที่ 15, 16, 18, 20 และ 1231
การเกิดและดับของดวงดาวบางดวง ดาราจักรของดาวฤกษ์ (ดวงอาทิตย์ดวงอื่น) ที่สามารถสังเกตได้จากบนโลกเรา หมายถึง การเดินทางของภาพที่มากับแสงนับพันล้านปีแสง และแสงใช้เวลาเดินทาง 3X10^8 เมตร/วินาที ดังนั้น สิ่งที่เราสังเกตเห็นในวันนี้เป็นอดีตของดาราจักรกลุ่มนั้นเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว ทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์และอีกหลายทฤษฎีพิเศษสามารถอธิบายและประสานเชื่อมต่อความสัมพันธ์นี้ได้เป็นอย่างดี
จารึกจาก Codex Tro-Cortesianus (Codex Madrid) จากพิพิธภันฑ์แห่งชาติ กรุงมาดริด ประเทศสเปน ซึ่งเป็นคัมภีร์มายาโบราณอีกเล่มหนึ่งที่มีอายุใกล้เคียงกับแผ่นจารึกโตรอาโน และยังมีบันทึกแห่งเมืองลาซา (Lhasa Record) รวมทั้งบันทึกอื่่นๆ อีกจากอียิปต์ กรีก อเมริกากลาง เม็กซิโก และอักขระบนหน้าผาทางตะวันตก จารึกจาก Codex Tro-Cortesianus (Codex Madrid) ถอดใจความได้ว่า ‘มู มีการสั่นสะเทือนจากส่วนด้านล่าง (ใต้ดิน) 2 ครั้ง จากนั้นจึงถูกบูชายัญด้วยไฟ (ภูเขาไฟระเบิด) มีการระเบิดในขณะที่มีเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง ผู้วิเศษที่ทำให้ทุกอย่างสับสนโกลาหลได้บูชายัญมูในคืนนั้น
ทวีปมูมีอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาล แผ่ขยายตั้งแต่ตอนเหนือของฮาวายถึงตอนใต้ อาณาเขตทางตอนใต้ของทวีปนี้คือ หมู่เกาะอิสเตอร์ และฟิจิ มีระยะจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกกว่า 8,000 กิโลเมตร และจากทิศเหนือถึงทิศใต้มีระยะทางกว่า 4,800 กิโลเมตร ทวีปนี้ประกอบไปด้วยผืนดิน 3 ผืนที่ถูกแบ่งแยกออกมาจากกันด้วยช่องแคบหรือทะเล
เมื่อลองนึกวาดภาพทวีปมูตามคำพรรณาจากจารึกต่างๆ บ่งบอกว่ามูเป็นประเทศในเขตร้อนที่ ‘สวยงาม’ มีที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาล หุบเขาและที่ราบปกคลุมไปด้วยพืชผักเมืองร้อนที่อุดมสมบูรณ์ ไม่มีภูเขาแม้สักลูกที่จะทอดตัวผ่านสวรรค์บนดินแห่งนี้เพราะในช่วงเวลานั้นภูเขายังไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนผืนโลก
แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์นี้ถูกตัดผ่านด้วยสายน้ำที่ไหลระเรื่อยเป็นลำธารและแม่น้ำหลากหลายสาย ก่อให้เกิดเส้นสายของน้ำอันคดเคี้ยวที่ให้ความสวยงามอย่างประหลาดรอบๆ เนินเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า รวมทั้งตัดผ่านทั่วทั้งที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ พฤษชาติอันงดงามได้ปกคลุมผืนแผ่นดินแต่งแต้มสีให้กับหมู่มวลต้นไม้ ต้นปาล์มที่สูงและแม่น้ำได้ทอดตัวออกเป็นทะเลสาบที่มี ‘ดอกบัว ศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นนับแสนดอกรายล้อมอยู่โดยรอบ ประดับประดาผิวน้ำที่เป็นประกายดุจอัญมณีหลากสีที่ล้อมรอบผืนน้ำสีเขียวมรกต เหนือแม่น้ำที่ไหลเย็น ผีเสื้อปีกสีฉูดฉาดโผผินอยู่ตามเงาของต้นไม้
ทวีปอันยิ่งใหญ่คับคั่งไปด้วยชีวิตที่ร่าเริงและมีความสุขโดยมีมนุษย์กว่า 64 ล้านคน เป็นผู้ปกครองสูงสุด ทุกชีวิตอาศัยร่วมกันอย่างมีความสุขบนบ้านอันยิ่งใหญ่ที่สวยงาม ถนนหนทางอันกว้างใหญ่และราบเรียบทอดยาวไปทุกทิศทางราวกับเส้นของไยแมงมุม แผ่นหินที่นำมาสร้างถนนนั้นช่างราบเรียบและชิดติดกันจนต้นหญ้าไม่สามารถเล็ดลอดระหว่างแผ่นหินได้
ขณะนั้นประชากรทั้ง 64 ล้านคน ประกอบไปด้วยผู้คน 10 เผ่าพันธุ์ หรือ 10 กลุ่ม แต่ละเผ่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่อยู่ภายใต้ การปกครองเดียวกันหลายชั่วอายุคน ก่อนหน้านี้ผู้คนได้เลือกกษัตริย์และได้ตั้งนามของพระองค์ โดยมีชื่อ ‘รา’ เป็นชื่อหน้า จากนั้นพระองค์ได้กลายเป็นผู้นำที่มีอำนาจศักดิ์์สิทธิ์และองค์จักรพรรดิภายใต้ชื่อ ‘รามู’ และจักรวรรดิได้รับสมญานามว่า ‘ราชอาณาจักรแห่งดวงอาทิตย์’ ทุกคนในราชอาณาจักรนับถือศาสนาเดียวกัน ซึ่งบูชาอำนาจพระผู้เป็นเจ้าผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ เชื่อในความเป็นอมตะของดวงวิญญาณที่ว่า ดวงวิญญาณจะกลับไปสู่แหล่งอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่จากมาในที่สุด
สิ่งที่ยิ่งใหญ่คือ ความเคารพนับถือต่อพระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขามี พวกเขาไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยพระนามของพระองค์ในบทสวดมนตร์และในบทภาวนา พวกเขาจะอ้างถึงพระผู้เป็นเจ้าโดยใช้สัญลักษณ์ ‘รา’ ผู้เป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ และเป็นคำที่ถูกใช้แทนพระองค์ในทุกโอกาส
ในฐานะนักบวชผู้สูงศักดิ์ ‘รามู’ เป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าในการสอนศาสนา เป็นที่ชัดเจนและเข้าใจกันว่า ‘รามู’ เป็นเพียงตัวแทน และจะไม่ได้รับการบูชาเสมือนพระผู้เป็นเจ้า
ประชากรแห่งมูมีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรือง และทุกคนมีความรู้แจ้ง ไม่เคยมีความป่าเถื่อนปรากฏให้เห็น เนื่องด้วยผู้คนทุกเผ่า เป็นบุตรแห่งมูและอยู่ภายใต้อธิปไตยเดียวกันของแผ่นดินแม่ เชื้อชาติที่โดดเด่นในแผ่นดินมูเป็นชนชาติผิวขาวที่มีความงดงามเกินกว่าชนชาติใด เป็นผู้มีผิวพรรณสีขาวหรือสีมะกอก ดวงตากลมโตสีเข้ม และผมสีดำตรง นอกจากชนชาตินี้แล้วยังมีชนกลุ่มอื่นอีกที่มีผิวพรรณแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง น้ำตาล หรือผิวสีเข้ม อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร
