บทที่ 12 อลิซ นางฟ้าน้อย (3/3)
“ก็แล้วทำไมมันไม่กลับเมืองไทย ต้องไปอยู่เมืองนอกให้ลำบาก”
“ก็พี่เรนทร์จะกลับมาทำไมล่ะครับ ถ้าพี่เรนทร์กลับไทย ก็ต้องมาอยู่ที่วัง พี่บุษลำบากใจตาย แล้วพี่เรนทร์ต้องหางานใหม่ ครั้นจะแยกบ้านไป เดี๋ยวนี้บ้านดีๆ ก็ไกลตัวเมืองมาก แต่พี่เรนทร์ต้องทำงานในตัวเมือง ต้องทำอะไรอีกหลายอย่าง ลำบากกว่าอยู่ต่างประเทศเยอะ แถมท่านพ่อก็ไม่โปรดเมียกับลูกเขา คิดแล้ว เป็นผม ผมก็ไม่กลับ”
หม่อมเจ้าอิศเรศรฟังแล้วก็ต้องนิ่งอึ้งไป
“สกุลสันติวงศ์เขาจะโกรธเราก็ให้โกรธไปสิครับ เรื่องมันสุดวิสัย ใครจะไปคิดว่าพี่เรนทร์จะมีเมียมีลูกแล้วล่ะ ตอนนี้ปรียาภัทรก็แต่งไปกับหม่อมราชวงศ์ไกรสร บริรักษ์แล้วนี่ เจ้าหล่อนคงเลิกโกรธพี่เรนทร์ไปแล้วล่ะ เห็นว่าเพิ่งคลอด ได้ลูกสาว ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อ ‘กันตยา’ สกุลสันติวงศ์นี่ก็ตรงข้ามกับบ้านเราเลย ได้ลูกสาวหลานสาวเป็นว่าเล่น มีลูกชายหลานชายกันแค่สองคนเอง ไอ้ทางเราก็มีแต่ลูกชายหลานชาย เพิ่งมีพี่เรนทร์นี่แหละที่ได้ลูกสาว”
“แต่จะว่าไป ความจริงท่านพ่อนั่นแหละเป็นฝ่ายผิด ไปทาบทามเขาโดยที่ไม่บอกพี่เรนทร์ เรื่องนี้ท่านพ่อก็แก้เองก็แล้วกัน เดี๋ยวผมจะพาสากับตาเอกไปเที่ยวแล้วก็เยี่ยมครอบครัวพี่เรนทร์สักสิบวันแล้วค่อยกลับ” หม่อมราชวงศ์อิศราหมายถึงหม่อมราชวงศ์ชนิสา รณเรศ ผู้เป็นภรรยา และหม่อมหลวงเอกนฤน รณเรศ ลูกชายวัยสามขวบ
“แกจะไปเมื่อไหร่”
“ศุกร์นี้แหละครับ นี่วันพุธ มะรืนนี้ผมก็จะบินแล้ว”
“นี่แกจะไปแล้วเพิ่งมาบอกฉัน แล้วยังจะทิ้งฉันให้อยู่บ้านคนเดียว”
“แหม แค่สิบวันเองครับ ท่านพ่อยังแข็งแรง อายุแค่ 55 เอง คนใช้ในบ้านก็มีหลายคน อยู่ได้” ลูกชายคนเล็กสรุปให้เสร็จสรรพ หม่อมเจ้าอิศเรศรต้องนิ่งอึ้งไปอีกรอบ
ผ่านไปอีกสิบวัน หม่อมราชวงศ์อิศราก็พาครอบครัวกลับถึงวังรณเรศ
“เจ้าเรนทร์เป็นไงมั่ง” หม่อมเจ้าอิศเรศรถามทันทีที่เห็นหน้าบุตรชายคนเล็ก ทำเอาหม่อมราชวงศ์อิศราต้องมองหน้าคนเป็นพ่อ
“พี่เรนทร์สบายดีครับ” ตอบสั้นมาก
“แล้วไปเที่ยวมา เป็นไงมั่ง” หม่อมเจ้าอิศเรศรถามเหมือนชวนคุย
“ดีครับ สนุก พี่บุษกับท่านแม่พาอลิซกับครอบครัวผมไปเที่ยวหลายที่เลย พี่เรนทร์ลางานไม่ได้เลยไม่ได้ไปด้วย วันไหนขี้เกียจ พวกเราก็นอนพักที่บ้าน ไปซื้อของมาทำอาหารกัน เล่นกับอลิซแล้วก็แมวสองตัว ตอนเย็นพี่บุษพาไปกินอาหารทะเลทุกวัน สดและอร่อยมาก ราคาไม่แพงเพราะไคคูร่าเป็นเมืองติดทะเลอยู่แล้ว ตาเอกตื่นเต้นกับปลาวาฬมาก ติดใจใหญ่ ไปอ้อนพี่บุษจนพี่บุษต้องพาไปดูปลาวาฬเสียสามรอบ”
“แล้วอลิซก็น่ารักมากจริงๆ นะคะท่านพ่อ ตอนสาเห็นรูปถ่ายของแกกับเห็นแกทาง Video Call สาก็ว่าแกน่ารักมากๆ แล้ว พอเจอตัวจริงนี่ ต้องบอกเลยว่าสานี่หลงเลย แกน่ารักกว่าในรูปมาก ตากลมโตดำเป็นประกาย แถมตาหวานมากๆ ขนตายาวเฟื้อย ผมดำขลับ ผิวขาวจนอมชมพูทั้งตัว ไม่ว่าแกจะทำอะไร ใครต่อใครเห็นแล้วใจละลายกันหมด เวลาไปเที่ยวกัน คนรอบข้างที่เห็นแกต้องเข้ามาขอถ่ายรูปกับแกทุกคน สาเองยังแทบจะอุ้มกลับมาเมืองไทยด้วยเลย ถ้าไม่ติดว่าพี่บุษกับพี่เรนทร์และท่านแม่หวงแกมาก แต่ก็น่าหวงล่ะค่ะ ลูกสาวน่ารักขนาดนี้” หม่อมราชวงศ์ชนิสาเล่าให้ฟัง
“ตอนนี้อลิซเริ่มหัดพูดแล้ว พี่เรนทร์ พี่บุษ ท่านแม่ยิ่งหลงหนัก แถมเวลาแกหัดพูด ก็น่ารักจริงๆ เห็นอลิซแล้ว ทำเอาผมกับสาอยากได้ลูกสาวเลย ขอให้น่ารักได้สักครึ่งของอลิซก็พอ สงสัยต้องพึ่งหมอ” หม่อมราชวงศ์อิศราว่าไปนั่น
“น่ารักจริงๆ?”
“จริงสิครับ เอ้า ! นี่ ผมให้ท่านพ่อดูคลิป ผมยังต้องอัดคลิปยัยอลิซมาเลย แกน่ารักเหลือเกิน”
หม่อมราชวงศ์อิศราเปิดคลิปในโทรศัพท์มือถือให้หม่อมเจ้าอิศเรศรดู
“อันนี้เป็นคลิปที่ผมสอนอลิซหัดพูด ผมหัดให้แกเรียก ‘ปู่’ แต่หัดไม่นานนะครับ ยัยอลิซฉลาดมาก สอนแป๊บเดียว รู้เรื่อง”
“ปู ปู” เสียงเล็กๆ ใสๆ น่ารักดังออกมาพร้อมกับท่าทางดีอกดีใจที่พูดได้ตามที่สอนแม้จะยังพูดไม่ชัด คลิปถูกเล่นวนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะปิด
“เพราะท่านแม่เลี้ยงแกมาแต่อ้อนแต่ออก แกเลยเรียก ‘ย่า’ ชัดแจ๋ว แล้วแกรู้เรื่องมากด้วยนะครับ สอนอะไร บอกอะไร ที่ดูไม่น่าเชื่อว่าเด็กขวบเดียวจะรู้เรื่อง แต่แกรู้เรื่องและเข้าใจหมดจนผมแปลกใจเลย พี่เรนทร์ พี่บุษ ท่านแม่ เลี้ยงแกมาดีมากจริงๆ”
“ใช่ค่ะ แถมยัยอลิซยังเรียบร้อยด้วยนะคะ จริงๆ แกก็ซนตามประสาเด็กนั่นแหละ แต่บอกอะไร ห้ามอะไร แกเข้าใจและทำตาม เลยกลายเป็นไม่ค่อยซนเท่าไหร่ แต่พี่บุษเล่าให้ฟังว่าเห็นแกเรียบร้อยอย่างนี้ แต่ก่อนหน้ายัยอลิซก็แสบซนเอาเรื่องนะคะ”
“มีหนหนึ่งแกคลาดสายตาพี่บุษกับท่านแม่แค่แป๊บเดียว โน่นค่ะ แกกลิ้งตกบันไดจากชั้นสองลงไปนอนแอ้งแม้งที่พื้นชั้นหนึ่งได้ยังไงก็ไม่รู้ เพราะตกลงไปไม่มีเสียงแกร้องเลย พี่บุษกับท่านแม่หาแกในห้องไม่เจอ มาเห็นอีกที แกนอนนิ่งที่พื้นข้างล่าง พี่บุษกับท่านแม่แทบกรี๊ด ตกใจใหญ่นึกว่าแกเป็นอะไรมาก รีบเอาแกขึ้นรถไปหาหมอที่โรงพยาบาลที่พี่เรนทร์ทำงานเดี๋ยวนั้นเลย”
