บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 อลิซ นางฟ้าน้อย (1/3)

ณ โรงพยาบาลเมืองไคคูร่า

หม่อมราชวงศ์อมเรนทร์อุ้มทารกน้อยออกมาจากห้องคลอดมาให้หม่อมเจ้าภาวิดาได้ดู

“นี่หลานสาวท่านแม่ครับ” เขาบอกมารดาที่นั่งรอหน้าห้องคลอดด้วยใบหน้าตื่นเต้น หม่อมเจ้าภาวิดายื่นหน้ามาดูหลานสาวตัวจ้อยที่ถูกห่ออยู่ในผ้าอ้อม

“ยายหนูของย่า ! ยายหนูอลิซ !” หม่อมเจ้าภาวิดาเรียกออกมาอย่างปลาบปลื้มหากยังไม่กล้ายื่นมือไปอุ้ม ได้แต่มองอย่างดีใจ

“หน้าตาน่าเกลียดน่าชังจริงๆ ลูกเอ๊ย ! แม่นึกว่าตุ๊กตาเลยนะเรนทร์” เสียงชื่นชมยังมาไม่หยุด

“อลิซน่ารักจริงๆ ครับ ตอนคลอดออกมาใหม่ๆ ยังดูไม่ออก พอพยาบาลทำความสะอาดให้เรียบร้อยเท่านั้นแหละ ถึงได้รู้ว่าลูกสาวผมน่ารักจริงๆ เหมือนนางฟ้าตัวเล็กๆ เลย” หม่อมราชวงศ์อมเรนทร์บอกอย่างปลื้มใจไม่ต่างกัน

“เรนทร์เอาอลิซไปให้พยาบาลดูแลก่อนเถอะ ยายหนูเพิ่งเกิด ให้อยู่ในมือพยาบาลก่อนดีกว่า” หม่อมเจ้าภาวิดาบอกอย่างเป็นห่วงหลานสาว

“ครับ”

ณ มหาปิรามิดแห่งมู

“ดอกบัวแห่งมูถือกำเนิดแล้ว !” องค์รามูเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นหลังสุริยันแห่งมูฉายภาพบางอย่างให้เห็น

“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“จริง สุริยันแห่งมูฉายภาพของดอกบัวแห่งมูที่เพิ่งถือกำเนิดให้ข้าได้เห็น เป็นทารกหญิงที่งดงามอย่างยิ่ง และที่ข้าสัมผัสได้อย่างชัดเจนก็คือ ดอกบัวนี้อยู่ทางใต้ของเราแน่นอน เพียงไม่อาจระบุตำแหน่งที่แน่ชัด แต่ที่ข้ามองเห็นมากกว่าเดิมคือสถานที่ที่ดอกบัวนี้ถือกำเนิดคือวงแหวนไฟ[1] เจ้ากับธีออนต้องค้นหานางในประเทศที่อยู่ทางใต้ของเราและตั้งอยู่บนวงแหวนไฟ”

“พ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ช่วยจำกัดพื้นที่การค้นหาลงได้มากจริงๆ”

“อีกเรื่องคือ พลังของนางที่ข้าสัมผัสได้ เป็นพลังที่เย็นฉ่ำนุ่มนวลดุจสายน้ำอันอ่อนโยน แต่ก็ทรงอำนาจไม่ต่างจากยามนั้น ยามที่มหาสมุทรปั่นป่วนคลุ้มคลั่งจนทวีปมูของเราพินาศ”

ข้อมูลนี้ทำให้โอเชียนิ่งอึ้งไปทันที

ณ บ้านพักของหม่อมราชวงศ์อมเรนทร์และครอบครัว

“นี่ไง หลานสาวคนแรกของราชสกุล ‘รณเรศ’ และ ‘หริรักษ์’ ตาเรนทร์กับยัยบุษตั้งชื่อว่า ‘อมาริสา’ ชื่อภาษาอังกฤษสะกดว่า Amarissa มีความหมายว่า ‘คำสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า’ ชื่อเล่นก็ ‘Alice’ ยัยอลิซน่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยใช่มั้ยล่ะ นี่กลับถึงบ้าน ฉันก็ให้คุณได้เห็นแกเลยนะ” เสียงของหม่อมเจ้าภาวิดาเจื้อยแจ้วผ่าน Video Call พูดกับหม่อมเจ้าอิศเรศร ทั้งยังอุ้มหลานสาวตัวน้อยที่เพิ่งเกิดได้แค่สามวันมาจ่อให้เห็นใกล้ๆ ชนิดแทบจะทิ่มตา

“ดูสิ ปากนิด จมูกหน่อย น่ารักจริงๆ หลานย่า” พูดจบแล้วก็ก้มลงหอมแก้มหลานสาวทั้งสองข้าง เรียกสายตาหงุดหงิดจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

“ตอนนี้อลิซยังหลับอยู่ กินนมแม่ไปเยอะมาก ตัวนิดเดียวแค่นี้แต่กินเก่งจริงๆ ฉันต้องบำรุงยัยบุษให้มากๆ จะได้มีน้ำนมให้อลิซกินเยอะๆ หมอบอกว่าควรให้อลิซกินนมแม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าอลิซจะเลิกกินไปเอง ภูมิคุ้มกันในตัวจะได้มีเยอะๆ อลิซจะได้แข็งแรง เฉลียวฉลาด”

นั่น ! เล่ายั่วให้อีกฝ่ายฟังอีก

“ฉันวางสายก่อนล่ะ จะเอาอลิซไปนอน แล้วจะได้ช่วยตาเรนทร์ทำอาหารเย็น ต้องให้ยัยบุษพักมากๆ เพราะต้องเลี้ยงอลิซ”

พูดจบสัญญาณ Video Call ก็ตัดลงทันที

ผ่านไปอีกสองเดือน

“อลิซ ดูนี่สิลูก ย่าเอาอะไรมาให้หนู” เสียงเรียกอย่างตื่นเต้นตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาในบ้านและรีบเดินตรงมาหา ทำให้ทารกน้อยที่นอนอยู่บนที่นอนผ้าผืนนุ่มจับจ้องของที่ถูกยื่นมาให้ดู ทั้งยังชันคอขึ้นและมองของที่อยู่ตรงหน้าตาแป๋วอย่างสนใจ พร้อมส่งเสียงอืออาคล้ายกำลังพูดคุยด้วย

เมี้ยววว เมี้ยววว

เสียงลูกแมวตัวน้อยสองตัวร้องขึ้นเมื่อสบตากับทารกน้อย คล้ายทั้งสองฝ่ายกำลังทักทายทำความรู้จักกัน

“หลานย่าฉลาดจริงๆ รู้จักทักทายเพื่อนใหม่ด้วย” หม่อมเจ้าภาวิดาเอ่ยชมหลานสาวตัวน้อย

“ย่าซื้อลูกแมวมาให้อลิซนะลูก หนูจะได้มีเพื่อนเล่น ย่าตั้งชื่อให้แล้ว ขนสีเทาเป็นตัวผู้ชื่อ ‘ริเวอร์’ ขนสีส้มเป็นตัวเมียชื่อ ‘เรเน่’ ชอบมั้ยลูก” ประโยคท้ายถามขึ้น

เจ้าตัวเล็กส่งเสียงอืออาตอบกลับเป็นเชิงว่าชอบ แขนสองข้างยกชูขึ้นคล้ายอยากสัมผัสลูกแมวสองตัวนั้น คุณย่าผู้หลงหลานก็อุ้มลูกแมวสองตัวมาวางไว้ข้างละตัวให้ทันที

ลูกแมวสองตัวนี้คล้ายคุ้นเคยกับทารกน้อยตรงหน้าอย่างรวดเร็ว พวกมันเลียมือของเด็กน้อยก่อนจะซุกตัวนอนข้างๆ เจ้าตัวเล็กที่ค่อยๆ หลับตาลงนอนหลับไปกับพวกมัน

“หลับเสียแล้ว ท่านแม่เลี้ยงหลานเก่งนะคะ เมื่อครู่ก่อนท่านแม่จะกลับมา บุษกล่อมอลิซเท่าไหร่ก็ไม่ยอมนอน เหมือนรู้ว่าท่านแม่จะกลับมาพร้อมของที่แกชอบ พอท่านแม่เอามาให้ หลับปุ๋ยไปเลย” บุษลินออกปาก

“ก็นี่หลานย่าไงล่ะ” หม่อมเจ้าภาวิดาโอ้อวดทันที บุษลินได้แต่ยิ้มขำ

“นี่แม่แวะซื้อของใช้ของแมวมาด้วย ห้องนั่งเล่นนี้ก็ให้เรเน่กับริเวอร์อยู่แล้วกัน เพราะบุษก็เอาอลิซมาที่ห้องนี้ตลอดนี่นะ”

“ค่ะ ตามใจท่านแม่เลย มีแมวด้วยก็ดี อลิซจะได้มีเพื่อนเล่น”

“อลิซนี่ฉลาดเหลือเกิน เรียนรู้เร็วมาก นี่อายุแค่สองเดือนเอง ชันคอได้แล้ว คว่ำได้แล้ว ถือว่าไวมาก สงสัยว่าพอสามเดือนน่าจะคลานได้แล้วล่ะมั้ง ถ้าคลานได้นี่ แม่กับบุษคงเหนื่อยอีกเยอะ อลิซคงคลานทั่วห้อง” หม่อมเจ้าภาวิดาชม

“บุษก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ แต่มีลูกแมวด้วย อย่างน้อยก็สบายใจได้ว่าคงคลานตามแมวอยู่ในห้องนี้ เดี๋ยวบุษต้องให้เรนทร์ติดลูกกรงกั้นตรงประตูไว้ก่อน จะได้ไม่พากันคลานออกนอกห้อง”

“ว่าได้รึ ดีไม่ดี แม่ว่าจะพากันปีนลูกกรงน่ะสิ เด็กเล็กนี่ ไว้ใจได้ที่ไหน แม่เห็นมาเยอะแล้ว ไอ้ที่คิดว่าทำไม่ได้ ทำได้เสียอย่างนั้น”

เชิงอรรถ

[1] วงแหวนไฟ (Ring of Fire) คือ บริเวณในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง มีลักษณะเป็นเส้นเกือกม้า ความยาวประมาณ 40,000 กิโลเมตร และวางตัวตามแนวร่องลึกก้นสมุทร แนวภูเขาไฟและบริเวณขอบแผ่นเปลือกโลก โดยมีภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ภายในวงแหวนไฟทั้งหมด 452 ลูก และเป็นพื้นที่ที่มีภูเขาไฟคุกกรุ่นอยู่กว่า 75% ของภูเขาไฟคุกรุ่นทั้งโลก ซึ่งบางครั้งจะเรียกว่า circum-Pacific belt หรือ circum-Pacific seismic belt

ประมาณ 90% ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลกและกว่า 80% ของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เกิดขึ้นในบริเวณวงแหวนไฟ นอกจากวงแหวนไฟ ยังมีแนวแผ่นดินไหวอีก 2 แห่ง ได้แก่ แนวเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีแนวต่อมาจากเกาะชวาสู่เกาะสุมาตรา ผ่านเทือกเขาหิมาลัยและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แนวแผ่นดินไหวแห่งนี้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น 17% ของทั้งโลก และอีกแห่งคือ แนวกลางมหาสมุทรแอตแลนติกซึ่งมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นร้ 5-6% ของทั้งโลก

วงแหวนไฟเป็นผลจากการเคลื่อนที่และการชนกันของแผ่นเปลือกโลก แบ่งเป็นวงแหวนทางตะวันออกมีผลจากแผ่นนัซกาและแผ่นโกโกสที่มุดตัวลงใต้แผ่นอเมริกาใต้ ส่วนของแผ่นแปซิฟิกที่ติดกับแผ่นฮวนเดฟูกาซึ่งมุดตัวลงแผ่นอเมริกาเหนือ ส่วนทางตอนเหนือที่ติดกับทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นแปซิฟิก มุดตัวลงใต้บริเวณหมู่เกาะอะลูเชียนจนถึงทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น ส่วนวงแหวนทางใต้เป็นส่วนที่มีความซับซ้อนของแผ่นเปลือกโลก มีแผ่นเปลือกโลกขนาดเล็กมากมายที่ติดกับแผ่นแปซิฟิก ซึ่งเริ่มตั้งแต่หมู่เกาะมาเรียนา ประเทศฟิลิปปินส์ เกาะบูเกนวิลล์ ประเทศตองกา และประเทศนิวซีแลนด์ แนววงแหวนไฟยังมีแนวต่อไปเป็นแนวแอลไพน์ ซึ่งเริ่มต้นจากเกาะชวา เกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย รอยเลื่อนที่มีชื่อเสียงที่ตั้งบนวงแหวนไฟนี้ คือ รอยเลื่อนแซนแอนเดรอัสในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กเป็นประจำ รอยเลื่อนควีนชาร์ลอตต์ ทางชายฝั่งตะวันตกของหมู่เกาะควีนชาร์ลอตต์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 3 ครั้ง ได้แก่ แผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.0 เมื่อ ค.ศ.1929 แผ่นดินไหวแมกนิจูด 8.1 ในปี ค.ศ.1949 (แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศแคนาดา) และแผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.4 ในปี 1970

ภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่ในวงแหวนไฟ เช่น ภูเขาไฟบียาร์รีกา ประเทศชิลี; ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเคยเกิดการระเบิดครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ.1980 ได้พ่นเถ้าถ่านออกมากว่า 1.2 ลูกบาศก์กิโลเมตร; ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ระเบิดครั้งล่าสุดเมื่อ ค.ศ.1707; ภูเขาไฟปินาตูโบ ภูเขาไฟมายอน ภูเขาไฟตาอัล และภูเขาไฟกันลาออน ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งภูเขาไฟปินาตูโบเคยเกิดระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อปี ค.ศ.1991; ภูเขาไฟแทมโบรา ภูเขาไฟเคลูด และภูเขาไฟเมราปี ประเทศอินโดนีเซีย; ภูเขาไฟลูอาเปทู ประเทศนิวซีแลนด์ และภูเขาไฟเอริบัส ทวีปแอนตาร์กติกา

แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในแนววงแหวนไฟนี้ เช่น แผ่นดินไหวคาสคาเดีย แมกนิจูด 9.0 เกิดเมื่อ ค.ศ.1700; แผ่นดินไหวโลมาพรีเอตาในแคลิฟอร์เนีย; แผ่นดินไหวภาคคันโตในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ.1923 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 130,000 ราย; แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในฮันชินในปี 1995 และครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยบันทึกไว้ คือแผ่นดินไหวเมื่อ ค.ศ.2004 บริเวณมหาสมุทรอินเดีย แมกนิจูด 9.3 ทำให้เกิดคลื่นสึนามิพัดถล่มบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่ถูกถล่มด้วยคลื่นขนาด 10 เมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 230,000 ราย

ประเทศที่ตั้งหรือมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในแนววงแหวนไฟ ได้แก่ เบลีซ โบลิเวีย บราซิล แคนาดา โคลอมเบีย ชิลี คอสตาริกา เอกวาดอร์ ติมอร์-เลสเต เอลซัลวาดอร์ ไมโครนีเซีย ฟิจิ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น คิริบาส เม็กซิโก นิวซีแลนด์ นิการากัว ปาเลา ปาปัวนิวกินี ปานามา เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย ซามัว หมู่เกาะโซโลมอน ตองงา ตูวาลู และสหรัฐอเมริกา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel