4.อำนาจลวง
และความโกลาหลก็เกิดขึ้น แขกที่มาร่วมงานต่างวิ่งหาที่หลบกันแทบไม่ทัน ชาเล็ตและการ์ดกรูเข้าไปปกป้องประธานาธิบดี เดฟเดวิทคว้าเอวบางของคิมหลบแขกร่างใหญ่ที่วิ่งมาชน จนเดฟเดวิทโดนกระแทกจากคนที่อยู่ข้างหลัง ร่างสูงเสียหลักล้มกลิ้งลงกับพื้น แต่วงแขนแข็งแรงยังโอบรัดร่างกลมกลึงไว้และใช้ร่างกายโอบอุ้มเธอไม่ให้กระแทกกับพื้นห้อง กาเบรียนและแอชลีย์หลบอยู่ไม่ไกลมองมาอย่างเป็นห่วง
“โอ๊ย…” เดฟเดวิทอุทานเบาๆ ในขณะที่กลิ้งไปหลบใต้โต๊ะโดยมีร่างคิมเกยอยู่ด้านบน ความนุ่มหยุ่นและกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาว ทำให้คาสโนว่าตัวพ่อตกตะลึง ตาคมจ้องมองดวงหน้าเนียนสวยรูปหัวใจที่ลอยอยู่ด้านบน ในขณะที่เสียงปืนและเสียงกรีดร้องของบรรดาแขกผู้หญิงยังดังก้องอยู่รอบตัว แต่เดฟเดวิทไม่คิดจะสนใจ เพราะคนบนร่างดึงความสนใจของเขาไปจนหมด คิมเองก็ตกใจตาสบตาเขาไม่กะพริบ ทั้งอกสั่นขวัญหายจากเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดี หัวใจก็สั่นหวั่นไหวเพราะอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบรอบบั้นเอวเธอ แต่แล้วความวาบหวามก็ถูกขัดจังหวะ เพราะลูกกระสุนที่กราดยิงไปกระทบแจกันใบใหญ่ข้างตัว
“ว้าย…” คิมร้องเสียงหลงซบหน้ากับอกกว้างอย่างลืมตัว เดฟเดวิฟก็พลิกกายเธอลงด้านล่าง เพื่อใช้ร่างกายกำยำปกป้องเธอจากอันตราย
“ให้ตายสิคุณ…เจอกันทีไรผมต้องวิ่งหลบลูกปืนทุกทีสิน่าดอกเตอร์ทอม…” เดฟเดวิทบอกเหมือนรำคาญ ทำให้คนถูกกล่าวหาหน้าบึ้ง
“ดอกเตอร์คิม กรุณาเรียกให้ถูกด้วย…” เธอบอกขณะยกมือผลักแผ่นอกเขาเต็มแรง แต่สุดท้ายก็ต้องผวาเข้ากอดเขาแน่นเมื่อการ์ดร่างใหญ่ของประธานาธิบดีถูกยิงเสียชีวิตและล้มลงข้างเธอ “ว้ายย…”
เดฟเดวิทเผลอกอดร่างงามไว้แนบอกแนบแน่น…
“เฮ้อ...ผู้หญิงยังไงก็เป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ…” เดฟเดวิทพึมพำในลำคอ แต่คิมก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน เลยตวัดค้อนให้เขา
“เอาน่าคุณจะเป็นคิมเป็นทอมผมก็ไม่ชอบอยู่ดี…” เดฟเดวิทบอกอย่างไม่ต้องคิด ก่อนจะกวาดมองไปรอบตัว แอชลีย์และวินสตันวิ่งตามคนร้ายออกไปพร้อมกับตำรวจนอกเครื่องแบบอีกจำนวนหนึ่ง ดวงตาคมเข้มมองหาอาวุธเพื่อช่วยยิงต่อสู้ เพราะปืนพกประจำตัวถูกยึดไว้ก่อนเข้างาน
“ลงจากตัวฉันซะทีสิ คนอะไรหนักเป็นบ้า…”
“รอที่นี่นะอย่าไปไหน…” เดฟเดวิทบอกหลังจากเสียงปืนเงียบไปไม่นาน คนร้ายเห็นตัวเองตกเป็นรองก็ล้มเลิกแผนการ วิ่งออกจากงานไปอย่างรวดเร็ว จาซิเยฟมองตามคนร้ายด้วยแววตาเคียดแค้น ก่อนจะสั่งชาเล็ตเสียงลอดไรฟันอย่างน่ากลัว
“จับเป็นไม่ได้จับตาย…”
ชาเล็ตก้มศีรษะรับคำแล้วพาการ์ดวิ่งตามออกไป เดฟเดวิทจะขยับตามไปอีกคนแต่ถูกมือเรียวขาวยึดแขนเอาไว้
“คุณจะไปไหน…”
“ตามคนร้ายไปน่ะสิ คุณรออยู่ที่นี่แหละเดี๋ยวผมมา…” เดฟเดวิทจับมือบางบีบเบาๆ เมื่อเห็นความหวาดหวั่นในแววตาคู่งามที่ถูกแต่งแต้มสีสันสวยกว่าทุกวัน “ไม่ต้องกลัวนะครับ…”
เธอพยักหน้า ร่างสูงสง่าจึงวิ่งไปดักคนร้ายทางด้านซ้ายของวิลล่า ไม่นานคนร้ายก็วิ่งออกมา พอเห็นร่างสูงยืนอยู่ข้างหน้าโดยปราศจากอาวุธ พวกมันก็เล็งปืนไปที่ชายหนุ่มเป็นจุดเดียว
“เราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เปิดทางสะดวกด้วยและจะไม่ลืมพระคุณ…”
เดฟเดวิทกระตุกยิ้ม มองกาเบรียน แอชลีย์และเจ้าหน้าที่วิ่งใกล้เข้ามา
“ทางนี้ดีกว่า…” ทั้งสามสบตากันแล้วมองเดฟเดวิทอย่างไม่ไว้ใจ แต่แววตาจริงใจและเปิดเผย ทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงกลางพาวิ่งตามไปจนทั่งถึงประตูเล็กที่ออกสู่แม่น้ำไรน์
“ผมช่วยได้เท่านี้ ที่เหลือพวกคุณคงต้องช่วยตัวเอง…”
ทั้งสามมองสายน้ำเบื้องหน้าและหันไปสบตาคมเข้ม
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือคุณเดฟเดวิท…”
ริมฝีปากบางกดลึกที่มุมปาก ไม่สงสัยสักนิดว่าอีกฝ่ายรู้จักเขาได้ยังไง
“บุญคุณครั้งนี้คงมีโอกาสทดแทน…”
เดฟเดวิทพยักหน้า “การล้มช้างจะต้องรอบคอบและใจเย็น การเหยียบมาถึงถิ่นของมันแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี…”
คนร้ายยิ้มน้อยๆ ตามองเลยบ่ากว้างไป เสียงฝีเท้าคนกลุ่มใหญ่วิ่งมาคนร้ายที่ยืนอยู่ใกล้เดฟเดวิท ก็สวนหมัดเข้าใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเต็มแรง และเตะสูงเข้าสีข้างจนร่างสูงเซถลาไปกระแทกผนัง คนร้ายจึงถือโอกาสกระโดดลงน้ำหนีไป
“เฮ้ย...ปังๆ ๆ ๆ ๆ ๆ…” ชาเล็ตและตำรวจนอกเครื่องแบบวิ่งตามไปและยิงลงไปในน้ำ เสียงปืนดังกึกก้องสะท้อนทั่วคุ้มน้ำ แอชลีย์วิ่งเข้าไปประคองอาหนุ่มให้ยืนขึ้น กาเบรียนมองเลือดที่ซึมออกมาที่มุมปากและยิ้มให้น้อยๆ
“ประสานกับตำรวจน้ำด่วน จับเป็นไม่ได้ก็หยุดลมหายใจมันซะ…” ชาเล็ตสั่งเสียงเหี้ยม ตำรวจและการ์ดต่างแยกย้ายกันไปทำงาน
“คุณเดฟบาดเจ็บหรือเปล่าครับ…”
เดฟเดวิทยกมือเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วยิ้มให้ชาเล็ต
“ไม่เป็นไร ขอกันกินมากกว่านี้…”
“คุณเห็นหน้าคนร้ายหรือเปล่าครับ…” ชาเล็ตถามอย่างสุภาพ และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมอย่างคลางแคลงใจ
“ชัดเจนเหมือนกับนาย แต่ฉันว่านายน่าจะไปสืบประวัติคนร้ายจากทีมงานจัดเลี้ยงดีกว่านะชาเล็ต…”
ชาเล็ตนิ่งคิดก่อนจะเดินจากไป
“พวกไหน…” กาเบรียนถามสั้นๆ พอได้ยินกันสามคน เดฟเดวิทกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่จะบอกออกไปไม่มีใครได้ยิน
“ถ้าฉันจำไม่ผิด หนึ่งในสามคือทาร์คอฟ ลาอูล นักฆ่าขององค์กรอิสระองค์กรหนึ่งในตะวันออกกลาง แต่เสียชีวิตไปแล้ว…” เดฟเดวิทบอกขณะเดินเข้าไปข้างใน
“อาอย่าบอกนะครับว่าคนตายถูกปลุกขึ้นมาฆ่าคน…” แอชลีย์ถามอย่างแปลกใจ
“เหมือนกันขนาดนี้ ถ้าไม่ฝาแฝดก็อาจมีคนยืมใบหน้าทาร์คอฟทำงาน…” กาเบรียนสัณนิษฐานเสียงเครียด พอก้าวเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง การสนทนาของสามหนุ่มก็หยุดลง ตำรวจทั้งนอกและในเครื่องแบบต่างเข้าเคลียร์พื้นที่ เสียงหวอรถตำรวจและรถพยาบาลวิ่งสวนกับไปมาอยู่ด้านนอก
“พี่กาเบรียน…”
กาเบรียนยกมือโอบร่างระหงที่วิ่งเข้ามาหา
“คิมเป็นอะไรหรือเปล่า…” กาเบรียนถามอย่างเป็นห่วงขณะมองหาบาดแผลตามร่างกายญาติผู้น้อง
“ไม่ค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย…”
“โชคดีนะที่เดฟช่วยเอาไว้ทัน…” กาเบรียนบอกยิ้มๆ แต่คนช่วยดูจะไม่ค่อยพอใจนักเมื่อเห็นแววตาล้อเลียนของนายพลหนุ่ม
“แต่โชคร้ายของฉัน เพราะอยู่ใกล้น้องสาวนายทีไรฉันต้องวิ่งหลบลูกปืนทุกที ใครอยากอยู่ใกล้ก็บ้าแล้ว…” เดฟเดวิทบอกอย่างไม่รักษาน้ำใจอีกฝ่าย แอชลีย์ถึงกับอมยิ้มอย่างขำๆ แล้วมองไปยังจาซิเยฟที่เดินออกจากห้องพักท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มงวด
“ท่านปลอดภัยใช่ไหมครับ…” เดฟเดวิทถามพลางมองใบหน้ายับย่นของจาซิเยฟด้วยแววตาราบเรียบ
“ฉันปลอดภัย แต่คุณปะทะกับคนร้ายอาการเป็นยังไงบ้างล่ะคุณเดฟ…”
เดฟเดวิทมองเลยไปยังชาเล็ตที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้านาย
“เจ็บนิดหน่อยครับ…”
“ขอโทษทุกคนที่ทำให้ลำบาก…”
กาเบรียนยิ้มรับน้อยๆ จากนั้นจาซิเยฟก็กลับเข้าไปในห้องส่วนตัว ท่ามกลางการอารักขาเต็มกำลัง
ไม่ถึงสิบนาที ข่าวการลอบสังหารประธานาธิบดีคนใหม่ของเยอรมนี ก็กระจายออกไปพร้อมกับประวัติและเส้นทางการเมืองของจาซิเยฟ ทอมสัน ก็ถูกตีแผ่สู่สายตาชาวโลกด้วยเช่นกัน
จาซิเยฟนั่งมองภาพข่าวความโกลาหลในห้องจัดเลี้ยงด้วยแววตาเคียดแค้น คนร้ายช่างกล้านักที่มาเหยียบจมูกผู้นำประเทศจนถึงวิลล่าที่พัก พวกมันคงต้องการลดความน่าเชื่อถือของประธานาธิบดีคนใหม่ หรืออาจจะเป็นฝ่ายตรงข้ามส่งมาจัดการกับเขากันแน่
“รู้ตัวพวกมันหรือยัง…” จาซิเยฟตวาดเสียงดังลั่น ชาเล็ตเดินเข้าไปโค้งคำนับหน้าโต๊ะทำงาน แล้วยื่นเอกสารให้
“คนร้ายเป็นชาวดาลัสกัสทั้งสามคนครับ…” ชาเล็ตบอกสั้นๆ
คิ้วหนาสีดอกเลายกขึ้นอย่างแปลกใจ สายตายับย่นจับจ้องรายละเอียดของคนร้ายตาไม่กะพริบ
“ทาร์คอฟ ลาอูลถูกองครักษ์ของอาหมัดฆ่าตายแล้วนี่นา…” จาซิเยฟวางเอกสารลงบนโต๊ะ สายตามองไปที่ชาเล็ตเพื่อต้องการการยืนยันและอธิบาย
“ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด ระบุแน่ชัดว่าเป็นทาร์คอฟกับเพื่อนจริงๆ ครับ และทั้งสามก็ตายไปแล้วเมื่อสองปีก่อน…”
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน…คนตายจะฟื้นขึ้นมาได้ยังไง…” จาซิเยฟครุ่นคิด สีหน้าและแววตาแดงก่ำอย่างโมโหสุดขีด
“บอกอาหมัดสืบเรื่องนี้ด้วย มันกล้าบุกเข้ามาถึงถิ่นฉันได้ง่ายดายแบบนี้แสดงว่าไม่ธรรมดา…” จาซิเยฟลุกเดินไปหยุดมองพระจันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่เหนือสายน้ำไรน์ มือยับย่นยังคงกำแน่นอย่างโกรธแค้นคนที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน
“แต่มีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่งครับท่าน เดฟเดวิทปะทะกับคนร้ายเป็นคนสุดท้าย แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ถึงฝีมือจะไม่เป็นสองรองใคร แต่หนึ่งต่อสามยังไงก็ไม่รอด…”
จาซิเยฟเอียงหน้าไปมองลูกน้องคนสนิทที่ยืนรายงานอยู่กลางห้อง ใบหน้าคมเข้มของเจ้าพ่อค้าอาวุธคนดังลอยเข้ามาในหัว
ในขณะนี้เดฟเดวิทและจีเอ็มโอเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากพอสมควร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงหรือบุคคลสำคัญในประเทศ ต่างสนใจเข้าร่วมทุนในจีเอ็มโอกรุ๊ปมากขึ้น เพราะเม็ดเงินจากผลกำไรในแต่ละปีมากมายมหาศาล ในขณะที่จีเอ็มโอสามารถยืนด้วยขาของตัวเองโดยไม่ต้องระดมทุนด้วยซ้ำ แต่กฎหมายการผลิตอาวุธจะต้องเปิดให้รัฐบาลมีหุ้นอยู่ด้วย ทำให้เดฟเดวิทไม่สามารถเลี่ยงกฎหมายข้อนี้ได้
“ให้คนติดตามอย่าให้คลาดสายตา มีโอกาสก็สั่งสอนเสีย อย่าให้มันกำแหงมากกว่านี้….”
“อีกสามวัน จีเอ็มโอกรุ๊ปจะเปิดตัวอาวุธปืนรุ่นใหม่ล่าสุด แหล่งข่าวของเราบอกว่าเป็นสไนเปอร์ที่ดีที่สุดก็ว่าได้ ผมว่าเราน่าจะหาวิธีให้เดฟเดวิทขายให้เราเพียงประเทศเดียวนะครับท่าน…”
จาซิเยฟนิ่งฟังเงียบๆ แต่ในหัวอยากถือหุ้นและเข้าบริหารเองด้วยซ้ำ เพราะโรงงานแต่ละแห่งของจีเอ็มโอ ผลิตอาวุธต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งนั้น อาวุธจากจีเอ็มโอกรุ๊ปจึงเป็นที่หมายตาจากกองทัพทั่วโลก
“เดฟเดวิทเปรียบเหมือนนกอินทรีที่กำลังผงาดและทรงอำนาจ การไปบีบให้เขาทำตามคงยาก ฉันจะลองคุยดู แต่สิ่งที่เราต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ ตามจับตัวคนร้ายมาให้ได้เพื่อเรียกความมั่นของเรากลับมา ถ้าเดฟเดวิทมีส่วนในเรื่องนี้ เราจะต้องหาหลักฐานมัดตัวมันจนดิ้นไม่หลุด” จาสิเยฟยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ถ้ามีหลักฐานยืนยันว่าเดฟเดวิท มีส่วนร่วมกับการลอบสังหารแบบนี้ ความน่าเชื่อถือของจีเอ็มโอก็จะลดตามไปด้วย เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็สามารถช้อนซื้อหุ้นไว้ในตลาดเพื่อเข้าไปนั่งบริหารได้ไม่ยากนัก
*** ขอบคุณที่ติดตามคร้า ***
