3.อำนาจลวง
*** ทักทายคร้า ไปต่อกันเลยนะคะ ***
วันนี้วิลล่าหลังใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ของประธานาธิบดีคนใหม่ของเยอรมนีประดับประดาไปด้วยไฟหลากสีสันตั้งแต่ประตูทางเข้าไปจนถึงห้องจัดเลี้ยง ความสวยงามของโครงสร้างหลักทำจากอลูมิเนียม ประตูทุกบานประดับด้วยคริสตัลแท้จากสวารอฟกี้ พร้อมกระจกและหลอดไฟแอลอีดี เพื่อให้เปล่งประกายเจิดจ้าไม่ว่าจะมองจากภายในหรือภายนอกบ้านก็ตาม
ภายในห้องจัดเลี้ยง ตกแต่งด้วยโคมไฟและแชนเดอเลียร์คริสตัลแซมทองคำ เพื่อเพิ่มความหรูหราแวววาว โดยมีเสาหินอ่อนสีฟ้าประดับทองคำตั้งอยู่บริเวณทางเข้า-ออก ทำให้ภายในห้องสว่างเจิดจ้ายิ่งใหญ่สมฐานะผู้นำประเทศ
แขกที่มาร่วมในงานส่วนใหญ่เป็นตัวแทนจากประเทศต่างๆ และนักธุรกิจจากหลายสาขาอาชีพ ทยอยเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง โดยมีชาเล็ตเลขาส่วนตัวของประธานาธิบดีคนใหม่ยืนต้อนรับอยู่หน้างาน เดฟเดวิทและแอชลีย์มาในชุดทักซิโด้สีเข้มเดินไปลงทะเบียนที่หน้าประตูทางเข้า นักข่าวจากหลายสำนักต่างกรูกันเข้าไปเก็บภาพผู้บริหารชื่อดัง กว่าเสียงกดชัตเตอร์จะชาลงเล่นเอาสองหนุ่มยิ้มจนเหงือกแทบแห้ง ชาเล็ตเห็นแขกคนสำคัญก็เดินเข้าไปทักทาย
“สวัสดีครับคุณเดฟ คุณแอชลีย์” ชาเล็ตยื่นมือไปรอทักทาย
“สวัสดีคุณเลขาประธานาธิบดี…” เดฟเดวิทยื่นมือไปจับแล้วยิ้มให้ แต่ในแววตาคมหวานคู่ของคนตรงหน้าชาเล็ตรู้ดีว่ามีบางอย่างแฝงอยู่ข้างใน เดฟเดวิทมองผู้นำประเทศคนใหม่ด้วยสายตานิ่งลึก “งานระดับประเทศเลยนะหรือคุณว่าไง…”
“ก็สมกับฐานะผู้นำประเทศไม่ใช่เหรอครับ…”
“ก็คงงั้น…” เดฟเดวิทบอกเสียงเรียบ ก่อนจะเดินเข้าไปทักทายเจ้าของงาน ประธานาธิบดีจาซิเยฟเห็นเดฟเดวิทเดินเข้ามาก็เลี่ยงจากแขกคนอื่นๆ เดินเข้ามาหา
“สวัสดีคุณเดฟ…” จาซิเยฟยื่นมือออกไปรอด้านหน้า เดฟเดวิทยิ้มให้เจ้าของงานอย่างสุภาพ ก่อนจะยื่นมือไปจับตามมารยาท
“สวัสดีครับท่านประธานาธิบดี…”
คนถูกเรียกหัวเราะอย่างถูกใจ แอชลีย์ซึ่งยืนเงียบมาตั้งแต่เข้างาน ยื่นกล่องของขวัญไปให้พร้อมกล่าวทักทาย
“ยินดีด้วยครับที่ท่านชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนท่วมท้น…”
จาซิเยฟรับกล่องของขวัญส่งให้ชาเล็ตแล้วจับมือกับแอชลีย์
“ขอบคุณมาก มันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และขาวสะอาดที่สุด…”
“แต่บางครั้งชัยชนะอาจอยู่กับเราไม่นานก็ได้นะครับ ถ้าผู้นำขาดจริยธรรมในการปกครองประเทศ…” เดฟเดวิทสบตายับย่นด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะยกมือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“แน่นอนคุณเดฟ ถ้าผมไม่ดีจริงประชาชนคงไม่เหลือเข้ามาบริหารอย่างแน่นอน…”
“แต่ดูเหมือนชัยชนะของท่าน จะแลกมาด้วยชีวิตของหัวคะแนนฝ่ายตรงข้ามสองสามคนเลยนะครับ…”
จาซิเยฟถึงกับอึ้งไปเมื่อเดฟเดวิท พูดถึงคดีลอบสังหารหัวคะแนนฝ่ายตรงข้ามเดือนที่แล้ว ทั้งๆ ที่ทีมงานไม่ยอมให้สื่อเปิดเผยข่าว
“ผมสั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งหาตัวมือปืนแล้ว ไม่เกินสี่วันต้องได้ตัวแน่ๆ…”
เดฟเดวิทกดยิ้มลึกที่มุมปาก
“คนที่ตามหาอาจจะอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกก็ได้นะครับท่านประธานาบดี…”
สายตาของผู้ทรงอำนาจสบตากันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ผลประโยชน์และหน้าที่ ทำให้ทั้งสองเพียงยืนมองกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเสียงกดชัตเตอร์ดังรัวขึ้นอีกครั้งเมื่อนายพลกาเบรียน ฮามัด อัลซาอี อิดฟาฮิม องค์รัชทายาทแห่งรัฐคาร์ซาเลม ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบรัฐสำคัญของประเทศโอมาน ร่างสูงใหญ่สวมชุดทักซิโด้สีดำเดินเข้ามาในงานพร้อมกับญาติผู้น้อง ดอกเตอร์คิม เอลดามัน อัลฟาอิด รีเซียร์ ในชุดราตรีสีดำรัดรูปยาวกรอมเท้า ปักเลื่อมระยิบระยับอย่างสวยงาม ส่งให้ร่างโปร่งระหงงดงามราวกับนางพญา
“สวัสดีครับนายพลกาเบรียน ดอกเตอร์คิม ขอบคุณมากที่มาร่วมฉลองความสำเร็จของเรา…” จาซิเยฟเดินผ่านนักข่าวเข้าไปจับมือกับนายพลกาเบรียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แอชลีย์เดินไปยืนข้างอาหนุ่มที่ยืนจ้องดวงหน้ารูปหัวใจเนียนสวยอย่างไม่กะพริบตา เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอาหนุ่มที่มีต่อคู่ปรับอย่างดอกเตอร์สาว แอชลีย์ถึงกับแอบยิ้มอยู่ในใจอย่างสมหวัง
“ไงครับอา เปลี่ยนใจมาชอบทอมก็ไม่มีใครว่านะครับ…”
เดฟเดวิทดึงสติกลับมาและกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง
“บ้าน่า…ฉันมีคติประจำใจ ยังไงก็ไม่เปลี่ยน…”
แอชลีย์มองคนปากกับใจไม่ตรงกันยิ้มๆ ก่อนจะมองร่างโปร่งระหงสง่างามของเพื่อนรุ่นพี่เดินเข้ามาในงาน จาซิเยฟเดินไปคุยกับแขกคนอื่นๆ แต่แอชลีย์ดุนหลังคนปากกับใจไม่ตรงกันไปทักทายนายพลกาเบรียน
“สวัสดีครับท่านนายพล…”
กาเบรียนและคิมหันไปยิ้มให้แอชลีย์พร้อมกับยื่นมือไปทักทาย นายพลหนุ่มสบตาคมเข้มของประธานบริหารจีเอ็มโอคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งตลอดกาลตั้งแต่สมัยเรียนที่อเมริกา ทั้งความหล่อเหลาและความสามารถนั้นก็กินกันไม่ลง
“ไงครับท่านประธาน เห็นหน้าผมถึงกับอึ้งเลยเหรอ…” กาเบรียนเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทอย่างคุ้นเคย เดฟเดวิทขยับเข้าไปใกล้และกระซิบตอบพอได้ยินกันสองคน
“ถ้าอยู่กันตามลำพังได้ออกกำลังรอบดึกแน่เพื่อนรัก…”
“ได้ตลอดเวลา แต่วันนี้ของเล่นละครฉากใหญ่ก่อนก็แล้วกัน…” กาเบรียนกระซิบบอกอย่างรู้กัน คิมยืนมองท่าทีของพี่ชายและคู่ปรับอย่างสงสัย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองแอชลีย์
“สองคนนั่นคุยอะไรกัน…” คิมเอียงตัวเข้าไปถามใกล้ๆ เป็นจังหวะเดียวกับเดฟเดวิทหันไปมองพอดี ทำให้ใบหน้าคมสันตึงขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ
“กระซิบอะไรกัน…” เดฟเดวิทถามเสียงเข้ม สายตาจ้องมองดวงหน้ารูปหัวใจของดอกเตอร์สาวอย่างเอาเรื่อง
“เปล๊า…ใช่ไหมแอชลีย์…” คิมยกไหล่แบมือไปข้างหน้า เดฟเดวิทเดินไปใกล้และก้มมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ความสวยไม่ได้ทำให้ผมเชื่อหรอกนะคุณ…”
คิมก้มมองตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองคู่ปรับอย่างโกรธกรุ่น และก่อนที่อารมณ์ของเดฟเดวิทจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ พิธีการสำคัญก็เริ่มขึ้นเมื่อประธานธิบดีเดินขึ้นไปบนเวที คนทั้งสี่และแขกที่อยู่ในห้องจึงหันไปให้ความสนใจบนเวที
“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมประธานธิบดีจาชิเยฟขอเป็นตัวแทนพรรค ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดีกับเรา พรรคของเราจะมีวันนี้ไม่ได้ถ้าขาดการสนับสนุนจากทุกท่าน…” ทันทีที่ประโยคสุดท้ายจบลงเสียงปรบมือดังก็กึกก้องไปทั่วห้องจัดเลี้ยง จาซิเยฟโบกมือและยิ้มอย่างยินดีกับความสำเร็จที่ได้มา
“การบริหารประเทศไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ประเทศเป็นของเราทุกคน เพราะฉะนั้นพวกเราต้องช่วยกันทำทุกอย่างให้ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน…”
เดฟเดวิทเหยียดยิ้มกับละครที่กำลังเริ่มฉาย และเนื้อเรื่องเริ่มจะเข้มข้นขึ้นตั้งแต่การหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง เพราะฝ่ายการเมืองอีกขั้วสูญเสียหัวคะแนนหลักไปถึงสามคน
“ฉันว่าบรรยากาศวันนี้ดูแปลกๆ นะเดฟ…” นายพลกาเบรียนเอียงตัวไปพูดกับเดฟเดวิทใกล้ๆ ดวงตาคมของเจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามหันมองบรรยากาศรอบตัว ชายฉกรรจ์และตำรวจนอกเหนือแบบกระจายอยู่ทั่วห้องจัดเลี้ยงและดูจะหนาตากว่าเมื่อสักครู่
“ฉันก็ว่างั้น ดูจากสถานการณ์กลิ่นไม่ค่อยดี…”
“มีอะไรกันเหรอคะพี่กาเบรียน…”
เดฟเดวิทและกาเบรียนหันไปมองเจ้าของเสียงหวาน ที่ยืนอยู่ข้างแอชลีย์
“อย่าห่างจากพี่กับเดฟนะคิม…” กาเบรียนพูดยังไม่ทันจบดีด้วยซ้ำ เดฟเดวิทก็เห็นพนักงานเสิร์ฟอาหารสามคนเข็นรถเข้ามา แววตาที่มองไปบนเวทีแข็งกร้าวและดุดันอย่างน่ากลัว ทั้งสามหยุดยืนหน้าโต๊ะอาหารที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ดูคล้ายกับว่ากำลังรอบริการอาหารให้แขกในงาน และแล้วกลิ่นอายความตายและกลิ่นคาวเลือดก็โชยมาเมื่อทั้งสามสอดมือเข้าไปในรถเข็น หยิบปืนกลมือออกมากราดยิงขึ้นไปบนเวที
“ปังๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ ๆ /ว้าย…”
