
บทย่อ
เมื่อ "เดฟเดวิท" ผู้บริหารหนุ่มของเครือบริษัทค้าอาวุธสงครามยักษ์ใหญ่ระดับโลก ต้องตกเป็นจำเลยสังคมกับเหตุการณ์ลอบสังหารสุลต่านแห่งรัฐคาร์ซาเลมผู้เป็นบิดาของเพื่อนรักของเขา เพียงเพราะอาวุธล่าสุดที่อยู่ในระหว่างการวิจัยของบริษัทที่ถูกขโมยไป กลับกลายเป็นอาวุธของกลางที่คนร้ายใช้ลงมือปลิดชีพเหยื่อผู้สูงศักดิ์อย่างไม่น่าเป็นไปได้ "คีรณา" ด็อกเตอร์สาวผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสืบหาหลักฐาน จึงถูกส่งตัวมาเพื่อร่วมในภารกิจครั้งนี้ด้วย หากยิ่งเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไร เธอก็ยิ่งพบว่าชีวิตของตัวเองตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเท่านั้น เพราะเบื้องหลังเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้เกี่ยวพันถึงบุคคลระดับผู้นำประเทศ และผู้เดียวที่เธอสามารถฝากชีวิตเอาไว้ในอ้อมแขนได้ ก็คือเขา เดฟเดวิท... ผู้ชายที่ไม่ควรใกล้ชิดที่สุด ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ ก็ตาม!
1.บทนำ
*** ทักทายคร้า ดวงหทัยในดงปืน เป็นนิยายรักโรแมนติกที่ต่อจาก โซ่สวาทจอมวายร้าย ที่อยากให้ทุกท่านได้อ่านมากๆ เพราะทั้งเนื้อหาและเส้นทางรักของทั้งสองเรื่องของพระนางลงตัวมาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะรักในตัวละครเหมือนกับ ทรายสีเงินนะคะ เพราะ แรงรักของทั้งสองเรื่องนี้ ทำให้ทรายสีเงิน แต่งนิยายภาคต่อรุ่นลูก ชื่อเรื่องดวงหทัยจอมเถื่อน ที่จะนำเสนอให้ได้อ่านเร็วๆ คร้า...
1.บทนำ
หนึ่งปีเต็มๆ ที่เดฟเดวิทอยู่ในตำแหน่งประธานบริหารจีเอ็มโอกรุ๊ป ธุรกิจได้ก่อผลกำไรมากมายมหาศาลโดยเฉพาะตลาดอาวุธในยุโรปและเอเชีย แต่นโยบายสำคัญของบริษัท เดฟเดวิทก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนั่นก็คือ ค้าขายอาวุธให้เฉพาะกองกำลังที่ถูกกฎหมายเท่านั้น
แต่เวลานี้หลายอย่างในเบอร์ลินเปลี่ยนไป เมื่อจาซิเยฟ ทอมสัน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนล่าสุดของเยอรมนี ขั้วอำนาจเก่าหมดวาระลงและหลายคนที่ทำเพื่อประเทศถูกปลดและวาง เพื่อให้คนของจาซิเยฟเข้าไปนั่งบริหารโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม นายพลเดวิทถูกปลดออกทันทีที่จาซิเยฟเข้ารับตำแหน่ง
เมื่อรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของจาซิเยฟ เดฟเดวิทก็เลี่ยงที่จะทำการซื้อขายอาวุธกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน ในขณะที่จาซิเยฟก็ใช้อำนาจบริหารทำให้จีเอ็มโอกรุ๊ปขายอาวุธในวงจำกัด ซึ่งเดฟเดวิทก็พยายามหาทางออกให้กับเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้กระทบภาพลักษณ์ของบริษัทและมีปัญหากับผู้นำสูงสุดของประเทศ แต่สุดท้ายเดฟเดวิทต้องนั่งบริหารและแก้ปัญหาจนทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี
ไม่ใช่เพียงการบริหารงานที่แยบยลของประธานหนุ่มบริหารจีเอ็มโอเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่ภาพคาสโนว่าตัวพ่อที่เปลี่ยนคู่ขาและคู่ควงยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อสูทก็หายไปด้วย ทุกวันนี้ในแวดวงธุรกิจทั่วโลกเห็นเพียงภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมและชาญฉลาด ทั้งในตลาดหุ้นและธุรกิจค้าอาวุธสงคราม
แต่ระยะเวลาสามเดือนหลังจากนี้ เดฟเดวิทคงมีเวลาหายใจหายคอมากขึ้น เพราะแอชลีย์ปิดภาคเรียนกลับมาช่วยงาน แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่ก็ทำให้เขาได้มีเวลาพักบ้าง แต่ที่ขัดใจนักหนาเวลานี้ก็คือหลานชายดันพายัยทอมดอกเตอร์คิมหรือคีรณา คู่ปรับมาทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษานี่น่ะสิ…ครั้นจะห้ามปรามก็ไม่ได้ เพราะเจ้าหลานชายดูจะปลื้มเจ้าหล่อนจนออกนอกหน้า ห่างกันก็จะเป็นจะตายเสียให้ได้ เขาก็จำต้องปล่อยเลยตามเลย แต่เดฟเดวิทหารู้ไม่ว่า นั่นเป็นแผนการหาเมียให้พ่อทูนหัวของลูกชายตัวแสบ
“จะกลับคฤหาสน์หรือคอนโดครับบอส” วินสตันเอ่ยถามหลังจากรถวิ่งออกจากตึกจีเอ็มโอกรุ๊ปได้ไม่นาน ร่างสูงสง่าที่นั่งทอดสายตาออกไปนอกตัวรถหันไปมอง
“กลับคฤหาสน์” เดฟเดวิทตอบสั้นๆ แล้วหันกลับไปมองผู้คนที่เดินอยู่ริมถนน ในเวลาเลิกงานแบบนี้ผู้คนต่างสัญจรไปมามากกว่าปกติ “แอชลีย์กลับถึงบ้านหรือยัง”
“ยังครับ เห็นเลขาหน้าห้องบอกว่าคุณแอชลีย์มีนัดกับทานข้าวกับดอกเตอร์คิม ที่ร้านอาหารในโรงแรมแถวนี้ครับ...”
“ข้าวที่บ้านกินไม่ได้รึไง ทำไมต้องพากันไปกินที่อื่น ถ้ายัยทอมนั่นทำให้เจ้าแอชลีย์เสียคน ฉันจะอัดให้น่วมเลยคอยดูสิ...” เดฟเดวิทรู้สึกหงุดหงิดในหัวใจทันทีที่ได้ยิน
วินสตันรายงานเสร็จก็หันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าเพื่อซ่อนแววตาขบขันเอาไว้...ไม่รู้หวงคุณแอชลีย์หรือหวงดอกเตอร์คิมกันแน่เจ้านายเรา เห็นหน้าเธอก็บึ้งตึงใส่ ปากก็บอกไม่ชอบพวกจิตเบี่ยงเบน พอไม่เห็นหน้าก็มองหา บางวันนั่งแถบไม่ติดเก้าอี้ ต้องเดินไปดูที่ห้องทำงานคุณแอชลีย์อยู่บ่อยๆ ออกอาการซะขนาดนี้สงสัยปากกับใจไม่ตรงกันเสียกระมั้งเจ้านายเรา...วินสตันแอบยิ้มกับความคิดของตัวเอง
แต่จู่ๆ ทั้งวินสตันและเดฟเดวิทก็หัวคะมำไปข้างหน้า เมื่อคนขับเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะผู้คนต่างวิ่งกรูกันออกมาจากห้องโถงชั้นล่างของโรงแรมชื่อดัง
เอี๊ยดดด...เสียงล้อรถบดเบียดกับผิวถนนและไปหยุดหน้าตำรวจทางหลวง วินสตันเลื่อนกระจกลงทันทีที่เจ้าหน้าที่เคาะเบาๆ
“เกิดอะไรขึ้นครับหมวด...”
“คิดว่าใคร คุณวินสตันนั่นเอง ต้องขอโทษครับทางนี้เราให้ผ่านไม่ได้จริง เพราะมีโจรปล้นธนาคารกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้าไปในโรงแรมและจับเด็กเป็นตัวประกัน เราจำต้องปิดถนนชั่วคราว ต้องขอโทษคุณเดฟด้วยนะครับ…”
เดฟเดวิทยิ้มให้น้อยๆ อย่างสุภาพ หลังจากเจ้าหน้าที่เดินผละไปวินสตันเลื่อนกระจกขึ้น แล้วเอี้ยวตัวไปถามเจ้านายหนุ่ม
“เอาไงต่อครับบอส จะไปร่วมสนุกฐานะพลเมืองดีหรือจะกลับ…” วินสตันถามอย่างรู้ใจเจ้านายหนุ่ม หลายครั้งที่ประสบเหตุการณ์แบบนี้ เจ้านายเขาก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเสมอ
“แค่โจรกระจอกสามสี่คน ปล่อยเป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า...” สิ้นเสียงเดฟเดวิท เสียงปืนก็ดังขึ้นสองนัดติดๆ กัน ตามด้วยเสียงกรีดร้องเซ็งแซ่ของแขกที่อยู่ในห้องโถงของโรงแรม
“แต่ผมว่าคงปล่อยไม่ได้แล้วล่ะครับบอส...”
เดฟเดวิทมองตามสายตาลูกน้องคนสนิท ภายในห้องโถงใหญ่เริ่มวุ่นวายเมื่อการเจรจาขอแลกตัวประกันเริ่มต้นขึ้นและคนเจรจาก็คือ…ที่ปรึกษาของหลานชายตัวแสบของเขานั่นเอง…
“ยัยทอมบ้าเอ๊ย...คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ…” เดฟเดวิทหน้าเครียดเมื่อเห็นคิมยืนอยู่ด้านหน้าและขยับเข้าไปหาคนร้ายที่ล็อกคอเด็กไว้
ร่างสูงรีบเปิดประตูลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปอย่างร้อนใจ วินสตันและการ์ดที่ขับรถตามมาอีกสองวิ่งตามไปอารักขาทันที คนที่อยู่ข้างในต่างวิ่งหนีออกมาอย่างอลหม่าน คนร้ายสี่คนที่เหลือเล็งปืนไปที่เดฟเดวิท แต่ชายหนุ่มมองเห็นเสียก่อนจึงพลิกกายหลบหลังกำแพง
ปัง…ปัง…ปัง…ปัง…
เมื่อคนร้ายไม่ยอมเจรจา ทั้งสองฝ่ายก็เปิดฉากยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่สี่นายที่ร่วมเจรจาพาคิมวิ่งหาที่หลบ เดฟเดวิทกวาดสายตามองหาหญิงสาว พอเห็นว่าปลอดภัย มือหนาหยิบปืนออกจากเอว สายตาคมมองหาเป้าหมาย วินสตันสบตาเจ้านายหนุ่ม แล้วอ้อมไปด้านหลังพร้อมกับการ์ดอีกสองคนอย่างรู้กัน
“มอบตัวเถอะ พวกแกไม่มีทางรอดหรอก...” เจ้าหน้าตำรวจในเครื่องแบบคนหนึ่งตะโกนบอก คนร้ายสวมชุดดำยิงปืนตอบโต้และแสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม
เดฟเดวิทอาศัยจังหวะนั้นยิงสวนกลับไป กระสุนเจาะอกซ้ายแม่นราวจับวาง ร่างใหญ่ล้มลงกับพื้นพร้อมกับเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะสิ้นใจตายอยู่ตรงนั้น คิมและเจ้าหน้าที่ตำรวจหันไปมอง เดฟเดวิทเล็งปืนไปที่คนร้ายอีกคนที่ล็อกคอเด็กเอาไว้ คิมตัดสินใจวิ่งไปหาและจับมือเขายกขึ้น
“อย่ายิงนะคุณเดฟ เดี๋ยวพลาดไปถูกเด็กคนนั้นจะทำยังไง...”
เดฟเดวิทสบถออกมาอย่างหัวเสียแล้วเกี่ยวเอวบางหลบข้างผนังทันทีที่เห็นปืนคนร้ายเล็งมาที่เธอ
“ว้าย…” คิมร้องเสียงหลงเมื่อกระสุนเฉียดร่างเธอไป คิมตกใจจนหน้าซีด ซบหน้ากับอกกว้างและกอดร่างกำยำแน่น
“อวดเก่งไม่เข้าเรื่อง เลยได้เรื่องจนได้…” เดฟเดวิทประชดประชัน แต่วงแขนแกร่งกระชับร่างงามแนบอกอย่างปกป้องและหวงแหน คิมพยักหน้ากับอกกว้าง เสียงปลอบโยนอย่างห่วงใยทำให้ความกลัวลดลงไปกว่าครึ่ง เมื่อความกลัวจางหาย ดวงตาคมโตก็มองหาเด็กที่ถูกจับเป็นตัวประกัน
วงแขนแข็งแรงโอบกอดร่างงามอย่างปกป้องตามสัญชาตญาณ เดฟเดวิทยิงสวนกลับไปถูกพวกมันล้มลงอีกหนึ่ง ตำรวจลุกคืบเข้าไปช่วยเหลือตัวประกัน วินสตันและการ์ดตลบหลังและยิงเข้าใส่คนร้ายตายไปอีกหนึ่ง ทำให้คนที่เหลือหันไปมองเพื่อนร่วมอาชีพ เสียงเด็กก็ร้องไห้ไม่หยุด มันก็เลยตัดสินใจกระชากเด็กออกมายืนข้างหน้าเพื่อเป็นโล่กำบังจากคมกระสุน
“ช่วยเด็กก่อนแล้วค่อยมาประชด...” เดฟเดวิทจับบ่าบางและดันร่างงามออกห่าง หญิงสาวมองหน้าคมสันที่ลอยอยู่ตรงหน้า เดฟเดวิทเห็นสายตาหวาดหวั่นแล้วก็อดสงสารไม่ได้
“ช่วยเด็กก่อนนะคะ พ่อแม่เด็กคนนั้นอาจรออยู่ก็ได้...” เธอขอร้องน้ำตาคลอ เดฟเดวิทยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“สัญญาจะหลบอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากห่วงหน้าพะวงหลัง”
“แต่...” เธอพูดได้เท่านั้นเขาก็ตอบกลับมาเสียงเข้ม แกมข่มขู่เธอนิดๆ
“ไม่มีแต่ ถ้าไม่เชื่อกันจะสั่งสอนให้ทั้งจดทั้งจำ...”
“คนที่คุณควรจะข่มขู่คือคนร้ายไม่ใช่ฉัน...” เธอตอบกลับใบหน้าบึ้งตึง เดฟเดวิทยิ้มน้อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่คิมเย็นยะเยือกไปทั้งหัวใจ
“คนชั่วพวกนั้นผมจัดการอยู่แล้ว แต่คุณก็ต้องรับโทษด้วยข้อหาไม่เจียมบอดี้...”
คิมเตรียมจะโต้ตอบแต่เสียงคนร้ายก็หยุดการสนทนาของทั้งคู่ไปโดยปริยาย
“ถ้าไม่อยากให้เด็กตายก็หยุดยิงเดี๋ยวนี้…” เสียงปืนเงียบไปทันที แต่ปลายกระบอกเล็งไปที่ร่างใหญ่เป็นจุดเดียว ตำรวจหลายนายมองหน้าผู้บังคับบัญชาอย่างรอการตัดสินใจ
แต่คิมก็ตัดสินใจสะบัดตัวหลุดจากการเกาะกุมเดินออกไปเจรจากับคนร้ายอย่างไม่หวาดกลัวสิ่งใดอีก สายตากลมโตจ้องตามันไม่กะพริบ เมื่อเห็นคนเจรจาไม่ใช่ตำรวจอย่างที่คาดการณ์ คนร้ายที่จับเด็กเป็นตัวประกันก็แสยะยิ้ม เดฟเดวิทถึงกับหน้าตึงที่เธอไม่ยอมอยู่เฉย ร่างสูงมองแผ่นหลังบางอย่างเป็นห่วง ปืนในมือเล็งไปที่ศีรษะคนร้ายเพื่อรอจังหวะที่ปลอดภัย
“ปล่อยเด็กเถอะ เขาจะไม่ไหวแล้ว...” คิมมองหน้าซีดขาวที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเจ้าหนูเคราะห์ร้ายอย่างสงสารจับใจ ดวงตากลมใสนองไปด้วยน้ำตา ลำคอเล็กเลือดก็ไหลออกมาเป็นทางยาว
“ฉันต้องการรถพร้อมน้ำมันเต็มถังเพื่อแลกกับชีวิตเด็กคนนี้...” คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่บอกออกมาอย่างดุดัน แววตาที่โผล่พ้นหมวกคลุมหน้าสีดำแข็งกร้าวน่ากลัว
“ปล่อยเด็กแล้วจับฉันไปแทนได้ไหม เด็กยืนแทบไม่อยู่แล้ว เอาไปก็จะเป็นภาระคุณเปล่าๆ” เธอต่อรองไม่หยุด เท้าก็ก้าวเข้าไปหาช้าๆ คนร้ายก็ขยับถอยหลังไปเรื่อยๆ
“หยุดอยู่ตรงนั้น ถ้าเธอขยับเข้ามาอีกฉันเจาะกบาลเด็กคนนี้แน่...” คำขู่ของมันได้ผล เท้าที่เตรียมจะก้าวหยุดกึกและยืนอย่างระวังตัว
“นายไม่มีทางรอดหรอก มอบตัวซะโทษหนักจะได้เบาลง ฉันสัญญาจะช่วยนายเต็มที่...”
“แล้วเธอมาแส่อะไรด้วย หรือตำรวจมันกลัวฉันจนหดหัวอยู่ในกระดองกันหมด ถึงปล่อยให้ผู้หญิงตัวเท่าลูกหมามาต่อรอง”
