5.คู่กัดคู่หวาน
*** ทักท้าย เดฟเดวิท ปากกับใจไม่ค่อยตรงกันแล้วละคะ แบบนี้นางเอกจะทำยังไงน้า...ไปติดตามกันคร้า ***
ห้องประชุมใหญ่ภายใน สถาบันวิจัยอาวุธของ จีเอ็มโอกรุ๊ป ในกรุงเบอร์ลิน แขกวีไอพีดีกรีระดับผู้นำและบุคคลสำคัญที่กุมบังเหียนฐานกำลังทหารของแต่ละประเทศ นั่งรอชมการเปิดตัวอาวุธรุ่นใหม่ของจีเอ็มโอกรุ๊ปอย่างใจจดจ่อ ดอกเตอร์คิม เอลดามัน อัลฟาอิด รีเซียร์ วันนี้มาในนามของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานของรัฐคาร์ซาเลมในโอมาน นั่งอยู่กับนายพลกาเบรียน ฮามัด อัลซาอี อิดฟาฮิม ญาติผู้พี่ที่เดินทางมาตามคำเชิญของเพื่อนสนิทอย่างเดฟเดวิท วาซอมบี้ ประธานบริหารคนปัจจุบัน ถัดมาเป็นผู้บัญชาการทหารของเยอรมนี ส่วนประธานาธิบดีจาซิเยฟ นั่งอยู่ระหว่างนายพลกาเบรียนและนายพลยัสซิน มันซูร จากรัฐคาลัสกัส
ร่างสูงสง่าสวมสูทสีเข้มของเดฟเดวิทประธานบริหารคนปัจจุบัน เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับแอชลีย์และนักแม่นปืนสามคน ทั้งหมดโค้งคำนับแขกวีไอพีอย่างให้เกียรติ เดฟเดวิทยิ้มทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะมาหยุดสายตาที่ดวงหน้าสวยเด่น ภายใต้ทรงผมซอยประบ่าของดอกเตอร์คิมอย่างหงุดหงิดในหัวใจ แอชลีย์เห็นสีหน้าพ่อทูนหัวก็อมยิ้มแล้วยกมือทักทายดอกเตอร์สาว
“เดฟดูจะไม่ค่อยปลื้มเราเท่าไหร่นะ...” นายพลกาเบรียนเอียงตัวไปกระซิบบอกน้องสาวใกล้ๆ คิมยกไหล่อย่างไม่ยี่หระ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเธอก็ไม่ได้พบเขาอีกเพราะต่างคนต่างทำงาน และเขาก็เดินทางไปเจรจาธุรกิจแถบเอเชียนานเกือบสองสัปดาห์ แต่ข่าวคราวของเขากับบรรดาสาวๆ ก็ออกสื่อทุกวัน
“คนตาไม่ถึงแบบนั้น ปล่อยไปเถอะค่ะ คิมไม่สนใจอยู่แล้ว...” คิมขยับแว่นสายตาเล็กน่ารักและเบ้ปากเล็กน้อย กาเบรียนหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างอารมณ์ดี
“จะคอยดูว่าสาวหล่อกับคาสโนว่าตัวพ่อจะลงเอยยังไง...”
คิมหันไปทำแก้มป่องให้ กาเบรียนใช้ไหล่หนากระแทกไหล่บางอย่างสัพยอก แล้วการสนทนาก็หยุดลงเมื่อเสียงทุ้มของประธานหนุ่มเอ่ยทักทายผู้เข้าร่วมงาน
“สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นผมในฐานะประธานบริหารจีเอ็มโอกรุ๊ป ขอต้อนรับทุกท่านเข้าชมอาวุธรุ่นใหม่ของเรา...” เดฟเดวิทเว้นระยะการพูดเพื่อเรียกความสนใจของคนที่อยู่ในห้องมากขึ้น จากนั้นแอชลีย์ก็เดินไปที่เครื่องฉาย นักแม่นปืนเดินเลี่ยงไปยืนด้านข้าง เมื่อทุกอย่างพร้อมเดฟเดวิฟหันไปสบตาแอชลีย์อย่างรู้กัน ไม่ถึงนาทีปืนสไนเปอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของจีเอ็มโอกรุ๊ป พร้อมกระสุนก็ปรากฏขึ้นบนผนังสีขาว
“ว้าว!!..” เสียงฮือฮาของแขกดังขึ้นพร้อมกันอย่างตื่นตา ทุกสายตามองสไนเปอร์ในรูปลักษณ์สวยงามและสมบูรณ์แบบอย่างชื่นชม เดฟเดวิทยิ้มให้แอชลีย์เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้เข้าชม แอชลีย์หลิ่วตาให้คนเป็นอาใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความสำเร็จอีกขั้นของงาน
“จีเอ็มแท็ค-วัน สไนเปอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เราผลิตและทดสอบมาแล้วว่ามีคุณสมบัติครบครัน ทั้งพลังทำลายล้างที่รุนแรง การยิงระยะไกลได้ดีที่สุดในโลก โดยคำนวณวิถีกระสุนผ่านอุปกรณ์เครื่องวัดความเร็วในระบบสากล (PDA ) จีเอ็มแท็ค-วัน เป็นสไนเปอร์ ระบบ Bolt Action คือขึ้นลำยิงได้ทีละ 1 นัด ใช้กระสุนขนาด 9.มมที่ผลิตขึ้นพิเศษโดยเฉพาะ จีเอ็มแท็ค-วันใส่กระสุนสังหารได้สองลูก ระยะที่ยิงไกลที่สุด อยู่ 2,500 เมตร เป็นปืนซุ่มยิงที่ยิงได้ไกลที่สุดในโลกขณะนี้ก็ว่าได้...” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งกับประสิทธิภาพของปืน นายพลกาเบรียนยกมือขึ้นเพื่อหยุดการบรรยาย
“แล้วระยะหวังผลการสังหารอยู่ที่เท่าไหร่...”
“ขอบคุณสำหรับคำถามครับท่านนายพล ระยะหวังผลบุคคลคือ 1900 เมตรครับ...” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งทำให้ดอกเตอร์สาวเบ้ปากให้คนพูด “ความสุดยอดของ จีเอ็มแท็ค-วัน ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เจ้าสไนเปอร์รุ่นนี้ ยังมีระบบคอมพิวเตอร์ที่ชี้ระยะ วัดลม กำหนดยิงและมีระบบชี้เป้าด้วยเลเซอร์อีกด้วย...”
คราวนี้เป็นจังหวะของประธานาธิบดีคนใหม่อย่างจาซิเยฟเอ่ยถามบ้าง
“ในระยะหวังผลการสังหาร กระสุนก็มีส่วนสำคัญ แต่ผมไม่เห็นคุณพูดถึงเรื่องนี้เลยนะคุณเดฟ...”
เดฟเดวิฟยิ้มนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้แอชลีย์ ร่างสูงเพรียวเดินออกมายืนในตำแหน่งพิธีกรบรรยาย
“แน่นอนครับว่า จีเอ็มแท็ค-วัน มีคุณสมบัติมากมายหลายอย่าง กระสุนที่ใช้ก็ต้องพิเศษด้วยเช่นกัน กระสุนขนาด9.มม ที่เราผลิตจะพิเศษตรงที่วัสดุ นั่นก็คือหัวกระสุนจะเป็นยูเรเนียมผสมกับแร่บางตัวที่มีความแข็งแกร่งสามารถเจาะเหล็กหนา 6.มม ได้อย่างสบาย และที่สำคัญหนึ่งนัดของ จีเอ็มแท็ค-วัน หมายถึงหนึ่งชีวิตชั่วๆ ที่ดับสูญครับ...” แอชลีย์กล่าวจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้น ทำให้เจ้าของงานต่างยิ้มออกมาอย่างพอใจ
เมื่อการบรรยายและการสาธิตอาวุธด้วยนักแม่นปืนจบลง เดฟเดวิทและแอชลีย์ก็ลงจากเวทีไปขอบคุณแขกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณครับท่านที่สละเวลามาดูการสาธิตอาวุธของเรา..” เดฟเดวิฟยื่นมือไปรอประธานาธิบดีจาซิเยฟด้านหน้า ผู้นำประเทศจึงยื่นมือไปจับและเขย่าๆ เบา
“กองทัพของเราต้องการ จีเอ็มแท็ค-วัน คุณจะส่งให้ได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่...”
“จีเอ็มแท็ค-วัน ยังไม่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ครับท่าน ให้ทางเรามั่นใจเรื่องสมรรถนะของมันอีกสักพัก เราจะเสนอขายให้กับกองทัพทันทีที่มันพร้อมใช้งาน...” เดฟเดวิทตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ ประธานาธิบดีจาซิเยฟ ยิ้มน้อยๆ แต่ในใจกรุ่นโกรธไม่น้อย ที่เดฟเดวิทบ่ายเบี่ยงการขายอาวุธครั้งแล้วครั้งเล่า
“จีเอ็มแท็ค-วัน เป็นสไนเปอร์ไรเฟิลที่มีสมรรถนะดีเยี่ยม เว้นแต่ว่าทางจีเอ็มโอ ไม่ต้องการขายให้กับกองทัพเท่านั้น...”
เดฟเดวิทก้มศีรษะรับคำชม
“ขอบคุณครับ แต่กระสุนที่ใช้กับมันยังต้องวิจัยต่อ เท่าที่เรามีอยู่หกนัดตอนนี้ยังต้องปรับปรุงอีกนิดหน่อยครับ...”
“ผมจะรอให้มันสมบูรณ์ แต่อย่าช้านะเดฟ เพราะผมไม่ชอบรออะไรนานๆ…”
เดฟเดวิทก้มศีรษะรับเพื่อซ่อนสายตาไม่พอใจเอาไว้ พอเงยหน้าขึ้นจาซิเยฟก็เดินพ้นประตูไปท่ามกลางอารักขาอย่างแน่นหนา แอชลีย์มองกรามแกร่งนูนเด่นขึ้นจึงเดินเข้าไปหา
“เขาคงคิดว่าเราจะขายให้...”
“คงงั้น แต่อย่าหวัง…”
สองผู้บริหารยิ้มให้กันก่อนจะเดินเข้าไปทักทายนายพลยัสซิน มันซูร ที่ยืนคุยกับกาเบรียนอยู่ด้านหน้าเวที ถ้าดูจากสีหน้าเคร่งเครียดคงไม่ใช่การพูดคุยธรรมดา แต่เดฟเดวิทตัดสินใจเดินไปทักทายอย่างเลี่ยงไม่ได้
“สวัสดีครับท่านนายพล...” เดฟเดวิทเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทำให้การพูดคุยภาษาพื้นเมืองในแถบทะเลทรายยุติลง
“หวัดดีคุณเดฟ คุณแอชลีย์...” ร่างสูงใหญ่ของนายพลชราหันมายิ้มให้สองผู้บริหารอย่างชื่นชม “อาวุธของจีเอ็มโอเยี่ยมมาก ผมขอชื่นชมจากใจจริง...”
“ขอบคุณครับ ผมหวังว่าทางคาดัสกัสคงสั่งอาวุธของเราไปประจำการที่กองทัพบ้างนะครับ...”
นายพลนายพลยัสซินหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“อาวุธทรงประสิทธิภาพแบบนี้ยังไงก็ต้องสั่งอยู่แล้ว บางทีผมอาจจะสั่งไปฆ่าตัวเองหรือเปล่าก็ไม่รู้สินะฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...” เสียงหัวเราะดังออกมาพร้อมกับใบหน้าแย้มยิ้ม เพื่อให้ทุกคนคลายความกังวล แต่คนร่วมวงสนทนามองนายพลยัสซินอย่างตกใจ มีเพียงกาเบรียนเท่านั้นที่รู้ว่าในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวดมากแค่ไหน ที่เห็นชาวเมืองต้องอดอยากและต่อสู้นองเลือดเพื่อให้มีชีวิตรอด
“ไม่หรอกครับท่าน อาวุธของจีเอ็มโอจะไม่ทำร้ายคนดีๆ อย่างท่านแน่นอน...” เดฟเดวิทบอกถึงอุดมการณ์อย่างจริงจัง ริมฝีปากหนาของนายพลยัสซินยกขึ้น
“บนโลกนี้ไม่มีอะไรจีรัง ลมหายใจของเราเป็นของพระผู้เป็นเจ้า หากท่านต้องการ พวกเราก็ต้องสนองตอบด้วยกันทั้งนั้น...วันนี้ถือว่าผมโชคดีมากที่ได้เห็นอาวุธที่สมบูรณ์อย่างจีเอ็มแท็ค-วัน ” กล่าวจบนายพลยัสซินก็บอกลาทุกคนไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่ติดเครื่องรออยู่หน้าลานบิน
“แล้วนายพลกาเบรียนล่ะครับ จะสั่งไว้เลยมั้ยหรือจะให้น้องร่วมโลกขโมยแบบไปประกอบเอง...” เดฟเดวิทเหลือบตามองร่างโปร่งระหงที่ยืนข้างพี่ชาย
“นี่คุณเดฟ พูดให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม กองทัพเรามีอาวุธที่ทันสมัยมากมายอยู่แล้ว คงไม่ต้องรีบสั่งหรอก...”
เดฟเดวิทยืดตัวขึ้นแล้วสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“อันนี้ผมก็ไม่ทราบสิครับ เพราะไม่ค่อยสนใจพวกจิตเบี่ยงเบนอยู่แล้ว...”
ดอกเตอร์สาวแทบจะร้องกรี๊ดออกมาเมื่อเห็นแววตาเหยียดหยันของชายหนุ่ม
“ฉันว่าเราไปหากาแฟสักแก้วดื่มกันดีกว่าแอชลีย์ ปล่อยให้พวกจิตเบี่ยงเบนเขาคุยกันเองก็แล้วกัน…” กาเบรียนเดินนำแอชลีย์ไปยังห้องรับรองด้วยแววตาล้อเลียน
“เห็นมั้ย เป็นเพราะคุณคนเดียวคิดอกุศล…คนอื่นก็เลยเข้าใจฉันผิดไปด้วย...” คิมบอกเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ
“นี่คุณ ผมถามจริงๆ นะ ทำไมถึงอยากเป็นผู้ชายนัก...”
“อยากรู้จริงๆ เหรอ...” คิมขยับเข้าไปใกล้ มือเรียวขาวยกขึ้นจัดสูทให้เขา ริมฝีปากรูปกระจับสีหวานยิ้มยก แววตากลมแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เมื่อใบหน้าเนียนใสราวแก้มเด็กกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาววนเวียนอยู่ตรงหน้า คาสโนว่าตัวพ่อถึงกับยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับต้องมนตร์สะกด ดวงตาคมหลุบมองริมฝีปากที่คลี่ยิ้มน้อยๆ คล้ายต้องการยั่วยวนหัวใจแกร่งให้สั่นคลอน
เฮ้ย!...ทำไมหัวใจมันหวั่นไหวแปลกๆ แบบนี้วะ...เดฟเดวิทถามตัวเองอย่างตกใจ
“งั้นสิ...” คิ้วหนายกขึ้น ตามองหน้าสวยที่ลอยอยู่ใกล้ๆ คิมยิ้มหวานไล้ฝ่ามือบนบ่ากว้าง
“เพราะมีผู้ชายตาถั่วอย่างคุณอยู่บนโลกน่ะสิ...” พูดจบคิมก็ขึ้นเข่าเข้าเป้ากางเกงเบาๆ แล้วผลักร่างสูงกำยำออกห่างอย่างหมั่นไส้อยู่ในที แม้ไม่โดยจังๆ แต่ก็ทำเอาเดฟเดวิทยืนตัวงอกุมเป้ากางเกงตัวเองอย่างโมโห ใบหน้าแดงก่ำมองตามแผ่นหลังบางไปอย่างคาดโทษอยู่ในใจ
ห้องรับรองแขกในตึกทำการของจีเอ็มโอกรุ๊ป กาเบรียนยืนทอดมองพื้นน้ำของแม่น้ำสายใหญ่ กระทบแสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องแสงระยิบระยับ พร้อมกับปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปไกล จนกระทั่งเสียงประตูเปิดเข้ามา กาเบรียนตื่นจากภวังค์แล้วหันไปมอง พอเห็นหน้าคนมาใหม่ก็หันกลับไปมองจุดเดิม เดฟเดวิทเดินไปยืนเคียงข้าง สายตามองไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายเช่นเดียวกัน
“คิดอะไรอยู่...”
