2.บทนำ
ตำรวจทุกนายกัดกรามแน่นอย่างโมโห เสียงดังแกร็กของปืนนับสิบกระบอกดังขึ้นพร้อมๆ กัน เดฟเดวิทเองก็หาจังหวะยิงอยู่ทุกวินาที แต่ร่างบางยืนขวางทางปืนไว้ทำให้เขาไม่กล้าเสี่ยง
“ฉันเป็นนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ที่ทนเห็นเด็กถูกทำร้ายไม่ได้ เพราะฉันเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อแม่ดีว่าทุกข์ใจขนาดไหน ที่เห็นชีวิตลูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้ ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของนาย นายจะรู้สึกอย่างไร...”
นัยน์ตาดุดันแข็งกร้าวของคนร้ายวูบไหว แต่ก็ไม่ยอมลดความดุดันลง ในขณะที่คิมกำลังต่อรองอยู่นั้นเดฟเดวิทก็เห็นโอกาสที่คนร้ายลังเลและเผลอตัว จึงส่งสัญญาณให้วินสตันที่หลบอยู่ด้านหลังคนร้ายรู้ทันที คิมปรายสายตามองมือวินสตันที่ส่งสัญญาณให้เธอรู้ ก่อนจะยิงเข้าที่ขมับซ้ายทะลุออกไปทางด้านขวา เลือดสีแดงสดพุ่งกระจายลงพื้น คนร้ายยืนนิ่งอยู่กับที่ดวงตาเบิกตากว้างและล้มทั้งยืน เด็กน้อยเคราะห์ร้ายก็หมดสติในวินาทีนั้นเพราะความตกใจ ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัย วิ่งกรูกันเข้าไปอุ้มเด็กออกจากตัวคนร้ายเพื่อส่งโรงพยาบาล คิมยืนมองอย่างโล่งอกและเธอเชื่อว่าเด็กคนนั้นคงจะปลอดภัย
ในขณะที่หญิงสาวกวาดสายตามองศพคนร้ายอยู่นั้น ข้อมือบางก็ถูกกระชากไปข้างหลัง ทำให้ร่างโปร่งระหงเซถลาไปตามแรงฉุดอย่างตกใจ
“ว้าย...ปล่อยนะคุณลากฉันออกมาทำไมเนี่ย...” คิมโวยวายทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของมือที่ฉุดกระชากลากเธอออกมา
“คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่หรือไงแม่คุณ สำนึกบ้างสิว่าตัวเองเป็นผู้หญิงแถมตัวเท่าไม้จิ้มฟัน จะไปสู้ผู้ชายร่างยักษ์ขนาดนั้นได้ยังไง...” เดฟเดวิทบอกเสียงเข้ม บีบข้อมือเล็กแรงจนเธอต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ วินสตันและการ์ดต่างมองหน้าบอสใหญ่อย่างตกใจ ที่เผลอแสดงความห่วงใยออกมารุนแรงเกินพิกัด
“แล้วผู้ชายกับผู้หญิงต่างกันตรงไหนไม่ทราบ ผู้ชายมีสามเศียรหกกรรึไง” คิมสะบัดข้อมือออกเต็มแรงแต่ก็ไม่หลุด ใบหน้าเนียนสวยเงยขึ้นไปมองเขาอย่างเกรี้ยวกราด
“คุณฉี่ใส่ขวดเบียร์เหมือนผู้ชายได้เมื่อไหร่ค่อยมาคุยกัน แต่ตอนนี้คุณต้องไปกับผม...”
คิมหน้าแดงระเรื่อกับคำพูดของชายหนุ่ม วินสตันกับการ์ดติดตามกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่เมื่อเห็นแววตาจริงจังของคนพูด
“ยี้...ตาบ้า พูดออกมาได้ไม่กระดากปาก...ปล่อย...จะพาฉันไปไหน...” คิมขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินไปตามแรงฉุด ในขณะที่คิมหันไปมองเหตุการณ์ข้างหลังอย่างเป็นห่วงเด็กน้อย
“ผมไม่ข่มขืนทอมหรอกน่าสบายใจได้ วินสตันจัดการต่อด้วย ฉันจะเอาทอมไปแปลงร่างเป็นกระเทียม…”
คิมอ้าปากค้างหยิกหลังมือเขาเต็มแรง แต่ดูเหมือนคนฉุดจะไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด วินสตันมองตามไปด้วยแววตาขบขัน ก่อนจะหันไปมองคนร้ายด้วยแววตาดุดัน การ์ดสองคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ ส่วนวินสตันเดินไปยืนประจันหน้ากับคนร้ายพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เดฟเดวิทพาคิมเดินข้ามถนนไปอีกฟากถนน ก่อนจะกดศีรษะนุ่มมุดหายเข้าไปในรถแล้วร่างสูงก็ก้าวขึ้นไปเบียดจนร่างบางต้องขยับเข้าไปข้างใน เดฟเดวิทหันไปสั่งการ์ดให้ออกรถทันทีที่ประตูปิด
“ไปคอนโด...” สั่งเสร็จมือหนาก็กดปุ่มข้างกายเพื่อปิดกลั้นห้องโดยสารกับคนขับ คิมหันไปมองร่างสูงอย่างไม่ไว้ใจ แล้วเขยิบไปชิดประตูอีกด้านด้วยแววตาหวาดหวั่น เดฟเดวิทยิ้มแล้วถอดเสื้อสูทตัวนอกออกไปวางข้างตัว โดยไม่สนใจดวงตากลมโตที่จ้องมองอยู่
“คุณจะทำอะไร...”
“ก็เห็นอยู่ว่าถอดเสื้อ...”
“ทำไมต้องถอดด้วย ร้อนก็เร่งแอร์สิ...” เธอถาม ตากลมมองนิ้วแข็งแรงที่พับแขนเสื้อขึ้นไปถึงข้อศอกอย่างใจเย็น เมื่อเห็นท่าทีตื่นกลัวที่มองมาเดฟเดวิทแอบยิ้มอยู่ในใจ
“เมื่อกี้ยังทำเก่งอยู่เลย ผมหล่อกว่าโจรพวกนั้นตั้งเยอะแล้วจะกลัวทำไม หรือกลัวตัวเองเปลี่ยนใจเลิกเป็นทอมมาเป็นผู้หญิงเต็มตัว...” เดฟเดวิทบอกนัยน์ตาพราว ความหงุดหงิด ห่วงใยเมื่อสักครู่ถูกแทนที่ด้วยความสดชื่น ชุ่มฉ่ำเมื่อได้ต่อปากต่อคำและอยู่ใกล้เธอ
“ตาถั่ว มั่วซะไม่มี...” คิมเบือนหน้าหนีและพึมพำกับตัวเองอย่างอ่อนใจ มือหนาชะงักเพื่อตั้งใจฟังใจสิ่งที่เธอบอกแต่ก็ได้ยินไม่ถนัด
“พูดดังๆ สิคุณ นินทาคนอื่นลับหลังแบบนี้เขาเรียกไม่แน่จริง...”
คิมมองเขาตาเขียว ขยับปากจะต่อว่าให้แสบแต่เสียงโทรศัพท์มือถือขอเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน เดฟเดวิทกดรับทันทีที่เห็นเบอร์แอชลีย์โชว์ที่หน้าจอ
“คุณคิมอยู่กับอาหรือเปล่าครับ”
เดฟเดวิทยังไม่ทันเอ่ยทักทาย เสียงแอชลีย์ก็ดังแทรกเข้ามาอย่างรีบร้อน ทำให้พ่อทูนหัวอย่างเขาขัดใจนักกับน้ำเสียงห่วงใยของหลานชาย
“เออ...อยู่... แล้วก็ครบสามสิบสองด้วย นายจะห่วงอะไรกันนักหนาวะแอชลีย์ ญาติก็ไม่ใช่แฟนก็ไม่เชิง...หรือว่า...” เขาพูดทิ้งท้ายแล้วสบตาคมโตที่จ้องมองมาอย่างโกรธกรุ่น คิมอ้าปากเตรียมแก้ต่างให้ตัวเอง แต่มือใหญ่อีกข้างก็ยกขึ้นห้าม
“ดอกเตอร์คิมเป็นคนดีฮะอาเดฟ เธอเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้วก็น่ารัก…”
เดฟเดวิทชำเลืองมองคนข้างๆ ที่จ้องหน้าอย่างเอาเรื่องที่ถูกนินทาระยะเผาขน
“ไอ้น่ารักไม่เถียงแน่ แต่จิตใจแกไปรู้ลึกรู้จริงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ…แล้วที่โทรมามีอะไร…” เดฟเดวิทถามไปอย่างพานโกรธที่น้ำเสียงคนปลายสายดูอ่อนโยนเวลาเอ่ยถึงเธอ
“วันนี้ผมจะพาเธอไปรับชุดที่จะใส่ไปงานเลี้ยงรับตำแหน่งของประธานาธิบดีพรุ่งนี้ครับ แล้วก็มีนัดทานข้าวเย็นกับเธอด้วย ถ้าอาอยู่กับเธอก็ทำตามโปรแกรมให้ด้วยก็แล้วกันนะครับ…”
เดฟเดวิทคำรามในลำคอเบาๆ และแสดงอาการหงุดหงิดออกมาให้เห็นจนคิมต้องตวัดค้อนส่งให้
“นายทำแบบนี้ทำไมแอชลีย์…”
“ก็อยากได้เธอเป็นแม่ทูนหัวคนที่สองนี่ครับ ก็เลยต้องหวงและห่วง...”
เดฟเดวิทอึ้งกับคำพูดของคนปลายสาย พอได้สติก็ตอบกลับไปอยากไม่สบอารมณ์
“อย่าแม้แต่จะคิดไอ้ลูกชาย ตำแหน่งนั้นยกให้แม่มดคนเดียวก็พอ...” แอชลีย์หัวเราะมาตามสาย
“แม่มดน่ะยกให้เจ้าตัวเล็กไปแล้วคร้าบ…”
เดฟเดวิทหงุดหงิดในหัวใจ ที่เจ้าลูกชายตัวดีรู้ลึกถึงความในใจ คิมฟังการสนทนาของสองอาหลานคุยกันตั้งแต่ต้นจนจบอย่างไม่เข้าใจ
“จอดรถข้างหน้าด้วยค่ะ ฉันมีนัดกับแอชลีย์...”
“ออกเดตสองต่อสองรึไง...” เดฟเดวิทถามพลางปรายตามองนิดๆ แต่คิมเห็นแล้วเหมือนมองอย่างเหยียดหยันมากกว่าต้องการคำตอบ
“เรื่องของเราสองคน...”
“คุณกับแอชลีย์อายุห่างกันหลายปีไม่ใช่เหรอ จะรักกันได้ยังไง...”
คิมเพิ่งถึงบางอ้อก็คราวนี้ เมื่อรู้ว่าคนนั่งข้างกำลังคิดอะไร
“เด็กแล้วทำไมคะ ก็คนมันรักอะ...” เธอพูดยั่วแล้วทิ้งสายตาอย่างเชิญชวน เดฟเดวิทถึงกับเลือดขึ้นหน้า กระชากร่างงามเข้าไปปะทะอกและกกกอดเธอไว้ทั้งตัว
“ว้าย! ปล่อยนะปล่อย...” คิมตกใจยกมือกั้นกลางเพื่อไม่ให้อกอวบอิ่มชิดกับแผ่นอกกว้างเกินความจำเป็น ดวงหน้าละมุนเงยขึ้นสบตาคม ทำเอาหัวใจหนุ่มเต้นรัว ความหอมกรุ่นของกลิ่นแก้มนาง เรียกให้ใบหน้าคมโน้มลงไปใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดอยู่ตรงหน้า ทำให้หัวใจดวงน้อยของดอกเตอร์สาวมาดห้าวแต่หน้าหวานเต้นแรงไม่แพ้กัน
“บทรักเด็กอย่างแอชลีย์ไม่ร้อนแรงถึงใจเท่าผู้ใหญ่อย่างผมหรอกคุณ ไม่เชื่อลองกันมั้ย บางทีคุณอาจจะเลิกใส่กางเกง มาใส่กระโปรงสั้นจู๋ ทำตัวหวานๆ ก็ได้ใครจะรู้...” เขาบอกเสียงพร่า ก่อนจะฝังปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนุ่ม ครั้งแรกตั้งใจแค่ต้องการสั่งสอน พอได้สัมผัสความหอมกรุ่นของกลิ่นแก้มนาง ปลายจมูกก็ซุกไซ้ไปตามดวงหน้าและหลังใบหูเล็ก จนร่างงามซ่านสยิวใจสั่น วาบหวิวคล้ายจะเป็นลมด้วยความรู้สึกแปลกๆ
แล้วใบหน้าคมก็ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เคลื่อนขยับเรียวปากร้อนไปจูบเบาๆ ที่มุมปากนุ่ม ก่อนจะเคลื่อนไปประกบกับริมฝีปากรูปกระจับอิ่มนุ่มสีระเรื่ออย่างนุ่มนวล ร่างงามชาดิกหยุดนิ่งอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง ดวงตากลมโตเบิกค้างอย่างตกใจกับสัมผัสระหว่างชายหญิง ปลายลิ้นอุ่นๆ ลื่นๆ กำลังขยับเขยื้อนเหนือริมฝีปากเธออย่างอ้อยอิ่ง ฝ่ามือหนาก็ลูบไล้แผ่นหลังนวลชวนวาบหวาม
“อืม...” เดฟเดวิทครางในลำคออย่างถูกใจ ความแปลกใหม่และหอมหวานบริสุทธิ์ที่ไม่เคยพบพาน ทำเอาเขาไม่อยากหยุดลิ้มรสความหวานล้ำ...ให้ตายสิไม่เคยจูบกับผู้หญิงคนไหน หวานขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ แต่ยัยทอมบ้านี่ทำให้สติเขากระเจิงจนกู่ไม่กลับ นี่ขนาดว่าเธอไม่จูบตอบยังหวาน ถ้าเธอจูบตอบจะหวานล้ำขนาดไหน...โอ้...พระเจ้า ขอจูบยาวอีกสักนิดเถอะ...แล้วแรงกดนุ่มนวลก็แปรเปลี่ยนเป็นเร่งเร้า ร้อนแรงด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนที่บดเคล้าแรงขึ้นจนกลีบปากอิ่มบวมเป่ง
ในขณะที่ปากร้อนยังไม่ยอมถอยห่างจากความหวานล้ำของริมฝีปากอิ่ม เดฟเดวิทพลิกแผ่นหลังบางไปชิดพนักพิงเบาะหนังขัดมันวาววับ ร่างงามอ่อนระทวยในวงแขน ใบหน้าแหงนหงายเมื่อรู้สึกตัวเองกำลังจะขาดใจตายเพราะจูบเร่าร้อนของชายหนุ่ม ใบหน้าคมผละห่างเพียงปลายนิ้วกั้น แต่สายตาจ้องมองดวงหน้าแดงระเรื่ออย่างพอใจ คิมสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด และปรือตามองสบตาวับวาวอย่างหวาดหวั่น เดฟเดวิทไล้สายตาคมไปทั่วดวงหน้า ก่อนจะไปหยุดนิ่งที่ริมฝีปากแดงก่ำที่เขารู้แล้วว่าหวานล้ำเพียงใด
“อย่า อย่านะ...” เธอสั่งเสียงเบาหวิว สายตาพร่าเบลอกวาดมองใบหน้าคมเข้ม และพยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงกลับมา
“ผมบอกแล้วไง ผู้ใหญ่ลีลาเด็ดกว่าเด็กเยอะ...” เขาบอกนัยน์ตาพราวระยับ คิมกะพริบตาปริบๆ ดึงสติตัวเองกลับมาได้สำเร็จ แต่ใจก็หวิวๆ เหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้
“คนบ้า ความคิดสกปรก จิตใจก็รกไปด้วยตัณหา” เธอต่อว่าเสียงแข็ง มือก็ผลักอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแกร่งเต็มกำลัง
“ตัณหาราคะเป็นเรื่องปกติของคนธรรมดาอย่างเราๆ นะคุณ ถ้าใครไม่รู้สึกสิแปลก...”
คิมจ้องนัยน์ตาสีฟ้าเข้มเต็มไปด้วยความยั่วยวนอย่างหมั่นไส้
“อย่างคุณเขาเรียกมากจนต้องเรียกว่าเซ็กซ์จัดแล้ว เปลี่ยนคู่นอนบ่อยยิ่งกว่าอะไร ระวังเถอะ จะติดโรคไม่รู้ตัว...” พูดแล้วแก้มปลั่งก็แดงระเรื่อ เดฟเดวิทหัวเราะเบาๆในลำคอ คิมเบือนหน้าหนีสายตาคมและดิ้นออกจากวงแขน
“ปล่อย...รถจอดนานแล้วนะ หัดเกรงใจคนรอซะบ้าง...”
“รู้ลึกรู้จริงขนาดนี้ สงสัยเป็นแฟนคลับเดฟเดวิทชัวร์...”
“บ้า...ปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน...” ดวงตาคมโตเสมองแสงไฟที่ส่องสว่างหน้าคอนโดหรู ก่อนจะแกะมือหนาออกจากเอว เดฟเดวิทยอมคลายวงแขนออกอย่างไม่เต็มใจนัก
“หาอะไรกินก่อนเถอะ ผมหิวแล้ว...”
“แต่ฉันไม่หิว...” ปากบอกเสียงแข็งแต่ท้องเธอก็ร้องออกมาจนได้ เดฟเดวิทยิ้มมองความดื้อดึงของคนนั่งข้างๆ อย่างเอ็นดู
“ท้องร้องดังขนาดนั้นไม่กินไม่ได้แล้วมั้งแม่คุณ...” เขาบอกพลางจับข้อมือบางให้ก้าวตามลงมา การ์ดที่ยืนรออยู่โค้งคำนับและมองคู่กัดที่กลายมาเป็นมิตรกันอย่างแปลกใจ
“สั่งมื้อค่ำขึ้นไปที่ห้องสองที่...” เดฟเดวิทสั่งบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะพาหญิงสาวเข้าไปในลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่ห้องพักชั้นบนสุด แต่ชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะสั่งให้การ์ดไปรับชุดให้เธอตามได้ที่รับปากแอชลีย์ไว้
*** ขอบคุณที่ติดตามคร้า ***
