6 ศัตรู
“ฉิป*” ถึงจะถูกห่ากระสุนสาดยิงแต่ภัครคิราก็ยังมีสติขวบคุมรถได้ดีไม่เปลี่ยน เธอแอบชื่นชมเขาในใจ มองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคอยเอามือมากดหัวเธอไว้อย่างเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย ถึงจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เธอก็อุ่นใจที่มีเขาอยู่ด้วย
“อีกห้านาที จะมีรถมารับเธอ ถ้าฉันจอดรีบวิ่งให้สุดชีวิต”
“แล้วเคนล่ะ”
“ทำตามที่ฉันบอก”
“ไม่เอา หญ้าจะอยู่กับเคนด้วย ถ้าเคนเป็นอะไรไปหญ้าจะทำยังไง”
“กอหญ้า” เขาพูดเสียงเข้ม
“ก็ได้ แต่เคนต้องสัญญานะ ว่าจะปลอดภัยกลับไปหาหญ้า”
“อืม สัญญา”
-เอี๊ยด-
“วิ่ง” ภัครคิราจอดรถหลังจากที่โทรนัดแนะกับลูกน้องก่อนหน้านี้ เขาจะล่อพวกมันไปอีกทางตามแผนที่วางไว้ ส่วนเธอคงต้องให้พาไปที่ปลอดภัยก่อน เขาจะไม่ยอมเอาดวงใจของตัวเองมาเสี่ยงด้วยเด็ดขาด เขารอจนเห็นว่าลูกน้องพาเธอออกไปไกลแล้ว และพวกมันก็ตามเขามาจนสามารถมองเห็นรถพวกมันได้ เขาก็รีบบึ่งรถออกไปด้วยความเร็วทันที
“หึ”
ปัง ปัง ปัง เสียงปืนยังคงดังไล่หลังไม่หยุด ไม่สนใจรถที่กำลังสัญจรร่วมทางด้วยแม้แต่น้อย ภัครคิรา ปรับรถให้ขับอัตโนมัติ ก่อนจะหยิบปืนในลิ้นชักออกมายิงสวนกลับไป เหมือนกับว่าตอนนี้พวกมันจะรุมทำร้ายเขาคนเดียว ลูกน้องติดตามสักคนก็ไม่มี แต่มันประเมินเขาต่ำไป
“น้ามีนขาาาา ช่วยเคนด้วยค่ะ เคนถูกลอบทำร้าย” รถยังจอดไม่ทันสนิทดีด้วยซ้ำพิมพ์นภาก็เปิดประตูออกไปด้วยร้อนใจ
“กอหญ้าว่ายังนะ เคนถูกลอบทำร้าย” มินตราที่กำลังจัดโต๊ะอาหารรอลูกชาย ที่บอกว่าวันนี้จะกลับมากินข้าว ลมแทบจับ จนภาคิณผู้เป็นสามีต้องเข้ามาประคองไว้
“คุณลุงส่งคนไปช่วยเคนด้วยนะคะ หญ้าเป็นห่วงเคน” น้ำเสียงเริ่มสั่น ดวงตาสวยคลอไปด้วยหยาดน้ำตาที่พร้อมจะไหลอยู่ตลอดเวลา เธอเป็นห่วงเขา เป็นห่วงมากจริง ๆ
“กอหญ้าไม่ต้องห่วง เคนจะปลอดภัย” ภาคิณว่า ดูก็รู้ว่าหลานสาวตัวน้อยของเขาเป็นห่วงลูกชายเขามากเพียงใด มีแต่ลูกชายของเขานี่แหละที่ปากแข็ง อ้างเหตุผลล้านแปด ไม่ยอมบอกความรู้สึกออกไปสักที มัวแต่ห่วงนั่นพะวงนี้ สักวันเถอะจะถูกทิ้ง หึ
“จริงๆ ใช่ไหมคะ พี่คิณ มีนเป็นห่วงลูก” มินตราถามชายคนรัก ถึงจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้ง เธอก็ไม่สามารถทำใจให้เย็นเหมือนสามีได้ หัวอกคนเป็นแม่มันจะขาดรอน ๆ เมื่อเห็นลูกได้รับอันตราย ในช่วงที่เธอและเขายังหนุ่มยังสาว ในวงการที่สามีเธอทำงาน ยังไม่มีการลอบทำร้ายกันหนักหน่วงเหมือนตอนที่ลูกชายเธอทำอยู่ตอนนี้ จะฆ่าจะแกงกันให้ตายเลยใช่ไหม ถึงจะเลิกแล้วต่อกันไป
Rrrrrrr
ไม่นานเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของประมุขของบ้านก็ดังขึ้น
“อืม”
“เดี๋ยวฉันออกไป”
เมื่อได้รับรายงานจากลูกน้องว่าลูกชายปลอดภัยแล้ว ก็เดินกลับเข้าไปหาภรรยากับหลานสาวตัวน้อยด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมจากที่เป็นอยู่
“ลุงต้องออกไปข้างนอก ฝากดูแลน้ามีนด้วยนะกอหญ้า”
“จุ๊บ พี่จะรีบกลับมา” บอกหลานสาวตัวน้อยเสร็จก็ไม่วายหันมาจุมพิตหน้าผากมนของภรรยา ที่ยังคงความสวยไม่เปลี่ยน
“มีฝากลูกด้วยนะคะ ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”
“ดูแลคุณผู้หญิงและลูกสะใภ้ฉันให้ดี” ภาคิณกระซิบลอดไรฟันกำชับกับบอดี้การ์ดก่อนจะขึ้นนั่งรถที่จอดรอไว้อยู่ก่อนแล้วออกไปด้วยความเร็ว
“เคนจะปลอดภัยใช่ไหมคะน้ามีน”
“ใช่จ้ะ เคนจะต้องปลอดภัย” เธอก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น
หวังว่าสามีเธอจะไปช่วยลูกผู้ชายให้ปลอดภัยกลับมาสู้อ้อมอกอีกครั้ง
แม้จะมั่นใจในความเก่งกาจของสองพ่อลูกแต่มันก็ยังอดกังวลไม่ได้อยู่ดี
“พวกมันอยู่ไหน!” เมื่อเดินทางมาถึงโกดังร้างภาคิณก็เอ่ยเสียงเรียบถามลูกน้องออกไป
“อยู่ข้างในครับ”
“แล้วลูกชายฉันล่ะ”
“อยู่ข้างในครับ”
“อ๊ากกกก “เสียงโหยหวนอย่างทรมานจากการโดนมีดเฉือนไปทีละนิ้วอย่างใจเย็น
“ใครส่งแกมา” แม้จะรู้คำตอบในใจอยู่แล้วแต่ภัครคิราก็ถามออกมาเพื่อต้องการคำยืนยัน
“อ๊ากกกก” เขายังคงค่อยๆ เฉือนเอานิ้วมันออกมาทีละนิ้ว
“ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่แกจะไม่เหลือแม้แต่มือ!” แววตาเขายังคมนิ่งเรียบ แต่แฝงไปด้วยความดุดัน รังสีความน่ากลัวยังคงแผ่ออกมาเรื่อยๆ
“ถุย! จะตัดยังไงกูก็ไม่มีทางบอกมึง มึงฆ่ากูให้ตายยังไงก็ไม่มีวันบอกมึง มึงจะต้องทรมาน ผู้หญิงที่มึงรักจะต้องเจ็บปวด รวมถึงตัวมึงด้วย”
-ปั๊ก ผลั๊วะ-เสียงด้ามปืนตบไปที่หน้าของผู้ถูกสอบสวนดังสนั่น จนคนเป็นพ่อที่เข้ามาใหม่ถึงกับต้องร้องห้ามเอาไว้ กลัวว่าเชลยจะตายเสียก่อน
“เจ้าเคนพอก่อน”
“พ่อแต่มัน..”
“ถ้ามันไม่ยอมบอกก็เตรียมเป็นของขวัญให้เจ้านายมันได้เลย”
“กร จัดการด้วย”
“ครับนาย” ไม่ต้องพูดให้มากความ เพียงเท่านี้เขาก็รู้แล้วว่านายให้จัดการยังไง
ภัครคิราได้แต่เงียบ เพราะถ้าพ่อเขาไม่สั่งเขาก็ต้องทำมันอยู่ดี
แค่อยากจะเค้นเอาความจริงจากปากมันเท่านั้น
“เคน พ่อว่าแกหน้าซีด ๆ ไม่สบายรึเปล่า”
“มึน ๆ หัวนิดหน่อย”
“ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน ยังต้องรับศึกอีก พ่อว่ามันไม่จบง่ายแน่ ๆ”
“ครับพ่อ”
“แกกลับไปพักเถอะ อย่าลืมโทรบอกแม่ด้วยล่ะ ว่าปลอดภัยดี ป่านนี้ไม่รู้จะร้องไห้เป็นลมกับหนูกอหญ้าไปแล้วกี่รอบ”
“- “ภัครคิราไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น
“แล้วก็ ทำอะไรคิดหน้าคิดหลังให้ดี ถ้าแกเป็นอะไรมา ไม่ได้มีแต่แม่แกหรอกนะที่เสียใจ พ่อ กอหญ้า และคนอื่นๆ ที่แกรักและรักแก ก็จะเจ็บปวดไปด้วย อย่าเอาชีวิตมาทิ้งไว้กับความเสี่ยงบ้าๆ นี่ อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย”
“ผมจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด” เขากล่าวตอบออกไปอย่างหนักแน่น เขาก็เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นคนที่ตัวเองรักต้องร้องไห้ มันคือหนทางเดียวที่เขาสามารถจบเรื่องบ้าๆ พวกนี้ได้เร็วที่สุด
“มีอะไรก็ปรึกษาพ่อได้ตลอดไม่ว่าเรื่องไหน” ภาคิณตบบ่าลูกชายก่อนจะเดินจากไป
“นายกลับไปพักเถอะครับ พี่เหลือผมจัดการต่อเอง” ถึงเขาจะอายุมากกว่าภัครคิรา แต่เขาก็ให้ความเคารพกับเจ้านายหนุ่มอยู่เสมอ ถึงเขาจะมีอายุที่มากกว่า แต่ความสามารถของคนตรงหน้านั้นก็มีมากกว่าเขาเป็นไหน ๆ ทั้งแววตาดุดันที่พร้อมจะแผดเผาศัตรูอยู่ตลอดเวลา
“อืม”
“เคนล่ะคะคุณลุง” พิมพ์นภารีบวิ่งไปถามคุณลุงของเธอทันทีหลังจากที่เห็น คุณลุงเดินมาคนเดียว
“ใจเย็นก่อนกอหญ้า ฮาฮ่าๆ” เขาระเบิดหัวเราะออกมาทันทีที่เห็นความเป็นห่วงลูกชายเขาของหลานสาวตรงหน้า มันเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่เขาเจอลูกชายที่พลัดพรากจากกันมา
“นั่นสิคะ พี่คิณแล้วลูกล่ะ” เธอยื่นมือไปรับอ้อมกอดจากเขา หน้าผากมนซบอกแกร่งของสามีอย่างต้องการคนปลอบขวัญ
“เคนไม่ได้โทรมาบอกหรอ” เขาหันไปถามหลายสาว พร้อมกับลูบหัวภรรยาอย่างอ่อนโยน จนสาวน้อยต้องอมยิ้มกับความรักของคุณลุงและคุณน้าเธอ หวานชื่นไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ
“โทรมาค่ะ แต่หญ้าคิดว่าเคนจะกลับมาที่บ้านด้วย” เธอตอบเสียงเศร้า
“เห็นบ่นปวดหัว สงสัยคงไปนอนคอนโดแล้วล่ะ คงไม่อยากเป็นภาระให้ใครดูแล”
“งั้นหรอคะ..”
“วันนี้กอหญ้านอนที่นี่นะลูก เดี๋ยวน้าให้คนจัดห้องให้ นี่ก็ดึกมากแล้ว เดินทางกลับบ้านก็เสียเวลาเปล่าๆ พักอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวตอนเช้าน้าให้คนไปส่ง”
“ขอบคุณนะคะ หญ้าได้ฝากท้องมื้อเช้ากับน้ามีนอีกแล้วดีจังเลย :) “เธอว่ายิ้มๆ การได้ฝากท้องที่บ้านอัคราเป็นอะไรที่ดีที่สุด อาหารอร่อยคุณน้าใจดี แต่จะให้ดีกว่านี้คือมีเขามานั่งทานด้วยกัน ตอนเด็กๆ เธออ้อนแม่กับพ่อมานอนที่นี่เป็นประจำ ได้ใกล้ชิดเขา ได้นั่งอ่านหนังสือกับเขา ทำการบ้านกับเขา ได้พูดคุยกับเขา ถึงเขาจะไม่ค่อยพูดกับเธอก็ตาม
“กอหญ้าขอห้องเดิมนะคะ” ไม่ว่าเปล่า เธอยังวิ่งไปที่ห้องเป้าหมายอย่างรวดเร็ว จนเจ้าของบ้านต้องส่ายหัวกับน่าซุกซน น่ารัก สดใสนี้ ไม่ว่าจะกี่ปีก็ยังคงมีให้เห็นเหมือนเดิม
“มีนอยากได้หนูกอหญ้ามาเป็นลูกสะใภ้เร็ว ๆ จังเลยค่ะ บ้านคงจะไม่เงียบเหงา”
“มันก็อยู่ที่เจ้าลูกชายตัวดีของเรา”
