5 ปกป้อง
“น้อง น้องคะ ไอศกรีมได้แล้วค่ะ”
“เอ่อ ขอบคุณนะคะ” เพราะมัวแต่คิดถึงวันวานที่มาที่นี่ด้วยกันกับเขา วันที่เดินเล่นกินขนม ปั่นจักรยานเล่นกันเขาเป็นคนปั่น เธอเป็นคนซ้อน ได้กอดเอวหนาของเขาไว้ ใจมันสุขล้นทุกที วันประกาศผลสอบติดมหาวิทยาลัยเขากับเธอก็พากันมาเดินเล่นด้วยกันที่นี่ หลังจากที่บ้านจัดงานฉลองให้
“พี่สาวคับ ๆ ดอกไม้คับ มีคนฝากมาให้” เด็กน้อยอายุราว ๆ 13 ปี ยื่นดอกไม้ให้พี่สาวคนสวย หลังจากได้รับว่าจ้างจากพี่ชายสุดหล่อ
“ฮืม ให้พี่หรอคะ?” พิมพ์นภาชี้นิ้วมาที่ตัวเอง พร้อมเอียงคอสงสัย
“ใช่คับ รับไว้นะคับ ผมไปแล้วนะคับ ขอบคุณครับ” ไม่รอให้พี่สาวได้ปฏิเสธเด็กชายก็ให้ใส่มือเธอไว้แล้วก็วิ่งเดินจากไป
“ยังไงก็ขอบคุณนะ” เธอว่าให้หลังไป
“แล้วใครเอามากันละให้เนี่ย” พิมพ์นภามองไปรอบๆ แต่ก็ไปพบคนที่น่าจะเป็นไปได้ ก่อนจะเลิกสนใจแล้วก้มลงมองดอกไม้ในมือ
“ดอกทานตะวันแซมดอกคัตเตอร์ด้วยสิ”
“อะ หญ้าให้”
“ให้ฉันหรอ” ภัครคิราว่าพรางชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“ใช่ เคนรับไว้นะ หญ้าจัดเองกับมือเลยนะเนี่ย ตอนแรกหญ้าทำช็อกโกแลต แต่ว่า แฮะๆ หญ้าตั้งไฟสูงไปมันเลยไหม้ไปนิดนึง พิมพ์นภาว่าอย่างยิ้มๆ
“ขอบใจนะ”
“ดอกไม้มันมีคนความหมายด้วยนะ เคนอยากรู้ไหม” เริ่มอธิบายต่อไม่ปล่อยให้เขาได้ทักท้วง
“ทานตะวันหมายถึงรักมั่นเพียงคนเดียว เหมือนกับดอกทานตะวันที่หันหน้าตามดอกอาทิตย์ ส่วนดอกคัตเตอร์หมายถึงการแอบชอบ แค่เห็นคนที่เราชอบมีความสุขก็มีความสุขแล้ว เหมือนกับหญ้าที่ชอบเคนไง ฮ่าๆ” เธอว่าพลางหัวเราะกลบเกลื่อนสิ่งที่ตัวเองพูด วาเลนไทน์ปีนี้เธอตัดสินใจบอกความในใจกับเขา หลังจากคิดอยู่นานว่าควรจะบอกดีไหม ปีนี้เธอก็อายุ 16 แล้ว แถมเขายังฮ็อตในหมู่สาว ๆ อีก ไม่ได้ ๆ เธอยอมไม่ได้ถ้ามีใครคนหนึ่งมาเป็นคนที่เขารัก เขาดูแล เธอทำใจไม่ได้จริงๆ ถึงจะต้องเป็นคนบอกชอบก่อนเธอก็ไม่แคร์เพราะสมัยนี้การจะบอกชอบใครก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขอแต่เขาคนนั้นใจตรงกันกับเธอก็พอ แต่มันก็มีเขิน ๆ อาย ๆ อยู่บ้าง
“เอ่อ นี่ช็อกโกแลต แม่ฉันทำให้เพื่อฉันอยากให้ใคร แต่ฉันไม่รู้จะให้ใคร ฉันให้เธอแล้วกัน” ภัครคิราพูดราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดไปก่อนหน้าอย่างนั้นแหละ เธอได้แต่น้อยใจ แต่ก็ช่างเถอะอย่างน้อยก็ได้ช็อกโกแลตมา ถึงแม่เขาจะให้เขาเอาไปให้ใครก็ได้ แต่เขาก็ให้เธอ ก็ยังดีกอหญ้า อย่างน้อยก็ได้ช็อกโกแลต เธอพูดปลอบตัวเองในใจ
“ขอบคุณนะ :) ”
กรี๊ด
“ฮือๆ” เพราะมัวแต่เดินเหม่อคิดเรื่องเก่า ทำให้ไม่ทันรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองมาอยู่ในวงที่เด็กนักเรียนวัยรุ่นกำลังตีกัน โดยไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้นแค่เสื้อต่างสถาบันกัน ก็รุมตีอย่างบ้าเลือด
“เคน อยู่ไหนช่วยหญ้าด้วย ฮือ” พัทชานั่งลงต่ำมือปิดหู หลบตาร้องไห้อย่างน่าสงสาร
‘เคนอยู่ไหน มาช่วยหญ้าด้วย คุณพ่อขา ช่วยกอหญ้าด้วย’ เธอเว้าวอนในใจ กายสั่นไหวไปตามเสียงสะอื้นและความกลัว เธอกลัวมากจริงๆ ถึงพ่อจะพาไปวิชาป้องกันตัวมาบ้างแล้วก็ตามที แต่สถานการณ์แบบนี้เธอไม่เคยเจอ กลุ่มคนมากมายกำลังต่อสู้กัน มีแต่ผู้ชายที่ดูจะแข็งแรง เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวจะเอาอะไรไปสู่ ได้แต่นั่งก้มหน้าร้องไห้ และหวังว่าจะมีใครสักคนผ่านมาเห็นแล้วมาช่วยเหลือ
อั๊ก
“ช ช่วยด้วย” วัยรุ่นที่ถูกทำร้ายล้มตัวลงใกล้ๆ เธอ หน้าฟกช้ำจากการชกต่อย ตามตัวมีรอยบาดแผล จากการประเมินแล้วน่าจะเป็นอาวุธมีคมขนาดเล็ก พิมพ์นภาค่อยๆ ชำเลืองมองตามเสียงเรียก ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ เพื่อจะเข้าไปช่วยเหลือ ถึงเธอจะกลัว แต่จรรยาบรรณแพทย์ ทำให้เธอปล่อยผ่านการขอความช่วยเหลือนี้ไว้ไม่ได้ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะถึงตัวคนเจ็บ ก็มีกลุ่มวัยรุ่นจากสถาบันตรงข้ามเข้ามารุมทำร้ายซ้ำอีก ทำให้เธอนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่เดิม
-พรึบ- ก่อนจะมีแจ็คเก็ตหนังมาคลุมหัวเธอไว้ พร้อมกับอ้อมกอดอุ่นๆ ที่เธอรู้สึกคุ้นเคย ถึงแม้จะได้รับมันเพียงไม่กี่ครั้ง ‘เป็นเขาใช่ไหม เขามาช่วยเธอใช่ไหม’
“ฮึก เคน” เธอหันตัวซุกหน้ารับอ้อมกอดอุ่น ขอแค่มีเขา อันตรายมากแค่ไหนก็ไม่กลัว
“ทีหลังเดินก็มีสติหน่อย ไม่ใช่เหม่อแบบนี้ ถ้าชั้นมาไม่ทันจะเป็นยังไง” เขาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม แล้วพาออกมา ก่อนจะกล่าวว่าเธอให้ระวังมากกว่านี้ ถ้าเธอเป็นอะไรไป ใจเขาคงรับไม่ไหวแน่
คนตัวได้แต่ซุกหน้ารับฟังเขาด้วยความน้อยใจ แทนที่จะปลอบกัน หรือถ้าไม่ปลอบก็พูดดี ๆ กับเธอก็ได้ ไม่เห็นจะต้องดุเลย เธอพึ่งเจอเรื่องร้ายๆ มานะ
-ผลัก- ขาแกร่งถีบเข้ากับวัยรุ่นที่เหมือนมีอาการเมาสารเสพติด จะพุ่งมาทำร้ายเขาและเธอ
“เคน ระวัง” เมื่อมีคนทำร้ายพรรคพวกตัวเอง แน่นอนว่าพวกมันไม่มีทางยอมแน่ กลุ่มวัยรุ่น 3-4 คนที่เห็นเหตุการณ์ตรงดิ่งเข้ามาหมายจะทำร้ายพวกเขา โดยไม่สนว่าเพื่อนตัวเองเป็นคนเริ่มที่จะทำร้ายอีกฝ่ายก่อน
-พลักพลั๊วะ- ภัครคิราถีบพวกนั้นไปเต็มแรง ก่อนจะปล่อยเธอให้ลงยืน แต่เขาก็กอดเธอแน่นไม่ปล่อย หมัดหนัก ๆ หลายหมัดซัดพวกมัน จนไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาทำร้ายพวกเขาอีก เมื่อฝีมือของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา แต่สายตาคมกับดุดันน่ากลัว และแฝงไปด้วยรังสีอำมหิตที่เริ่มจะแผ่ออกมาเรื่อยๆ
“หึ” พวกนักเลงปลายแถว จะมาสู้อะไรกับหัวหน้าแก๊งมาเฟียอย่างเขาได้ ภัครคิราเหยียดยิ้ม ก่อนจะก้มลงมองคนตัวเล็กที่กอดเขาแน่น
“พวกมันไปแล้ว”
“ขอบคุณนะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ไม่ยอมคลายจากอ้อมกอด เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะพูดเธอจึงรีบเอ่ยขึ้นมาดักทางเขาไว้ก่อนที่เขาจะพ่นวาจาทำร้ายจิตใจเธอ
“แล้วก็อย่าพึ่งดุหญ้าด้วย หญ้ากำลังเสียขวัญอยู่นะ ต้องปลอบหญ้าสิ หญ้ารู้ว่าผิดแต่ค่อยดุหญ้าได้ไหม ฮึก” อยู่ ๆ ก็น้ำตาจะไหล นึกน้อยใจไปถึงตอนที่เขาว่าเธอเมื่อสักครู่ก่อนที่จะมีนักเลงมาทำร้าย ถ้าไม่มีคนเข้ามา เธอคงโดนเขาเทศนามากกว่านี้แน่
“หยุดร้อง”
“กอหญ้า ปล่อย!” เมื่อเดินมาได้สักระยะเขาก็วางเธอลง แต่เธอก็เกาะเขาแน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้เขาต้องดุเธออีกครั้ง ว่าจะไม่ดุแล้วเชียว
“ชิห์ ปล่อยก็ได้ คนกำลังเสียขวัญอยู่แท้ ๆ เลย ขอกอด เอาความอบอุ่นหน่อยก็ไม่ได้ คนใจร้าย” เธอยอมปล่อย แล้วสะบัดหน้าเดินหนีเขาไปอย่างงอนๆ เขามองท่าทางของเธอแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว โตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้
“แล้วนั่นจะไปไหน”
“สนใจหญ้าด้วยหรอ”
“หญ้าจะโบกแท็กซี่กลับคอนโด ถึงมันจะอันตรายแต่ก็ดีกว่ากลับกับคนที่ชอบทำร้ายจิตใจกัน เจ็บกายดีกว่าเจ็บใจ”
“นี่ก็ไม่รู้ว่าจะเจอแท็กซี่แบบไหน จะเป็นคนไม่ดีรึเปล่า แต่หญ้าก็ขอไปเองดีกว่า เคนคงอึดอัดที่ต้องมีหญ้านั่งรถกลับด้วย หญ้าไม่อยากรบกวน” เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร เธอเลยพูดต่อ หวังให้เขามาง้องอน อุตส่าห์พูดขนาดนี้แล้ว ยังไม่คิดที่จะชวนหญ้ากลับด้วยกันอีก ใจเคนมันทำด้วยอะไรกันนะ น้ำแข็งหรือยังไง ถึงได้เย็นชาแบบนี้
“ตามใจ” ภัครคิราว่าแค่นั้นก่อนจะเดินออกมา
“คนใจร้าย”
“ไม่นะ หญ้าจะไปด้วย” เมื่อเห็นเขาไม่สนใจแถมยังเดินไปขึ้นรถเฉยๆ โดยไม่หันมามอง เธอจึงรีบวิ่งตามเขาไปทันที ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถอย่างถือวิสาสะ
“ไม่กลับแท็กซี่แล้วหรอ” เขาเย้า
“ชิห์”
“หึ” เขารู้อยู่แล้วว่าเธอต้องตามมา เลยอยากจะแกล้งเล่นเท่านั้น ถึงเธอไม่ตามมา เขาก็จะขับรถตามดูห่างๆ จนกว่าเธอจะถึงที่พักโดยปลอดภัยอยู่ดี ความปลอดภัยของคนตัวเล็กข้างๆ คือสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมาตลอด
“ตายแล้ว ลืมไปได้ยังไงกันเนี่ย” เมื่อรถเคลื่อนตัวไปได้สักพัก เหมือนว่าจะพึ่งนึกอะไรออก พิมพ์กดต่อสายไปยังหมายเลขนั้นทันที
“ค่ะ ขอแจ้งเหตุค่ะ”
...
“ค่ะที่ถนน L ใกล้ๆ สวนสาธารณะ WN ค่ะ”
...
“มีคนกลุ่มวัยรุ่นตีกันค่ะ มีคนได้รับบาดเจ็บ ส่งทีมแพทย์มาด้วยนะคะ”
...
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“เกือบลืมไปแล้วเชียว” ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องเข้าไปยุ่ง แต่เธอก็ทนเห็นคนเจ็บไม่ได้อยู่ดี
“เคนจะพาหญ้าไปไหนหรอ” เธอถามเพราะนี่ไม่ใช่ทางกลับคอนโดเธอแน่ๆ ทางกลับบ้านก็ไม่ใช่ หรือว่าจะเป็น
“พาไปบ้านเคนหรอ”
“...”
“งั้นวันนี้ต้องฝากท้องกับน้ามีนแล้ว”
“กร๊อกกก~~”
“แฮร่ พูดแล้วมันก็หิวเลยน่ะ”
ภัครคิราไม่ตอบอะไร สายตามองถนน ไม่ได้หันมามองคนข้างๆ ที่ยังคงพูดเจื้อยแจ้วไปหยุด ก่อนจะเริ่มพบสิ่งผิดปกติ
.
.
.
“หมอบลง แล้วเงียบ” ภัครคิรากดศีรษะเธอให้ก้มต่ำลงไปก่อนจะบอกเธอ เมื่อเห็นหญิงสาวอ้าปากพะง้าบๆ เหมือนจะถาม แต่เมื่อถูกดุกลับทำแก้มป่องเหมือนปลาปักเป้า มันใช่เวลาไหมกอหญ้า
~ปัง ปัง~
“ฉิป*” ถึงจะถูกห่ากระสุนสาดยิงแต่ภัครคิราก็ยังมีสติขวบคุมรถได้ดีไม่เปลี่ยน เธอแอบชื่นชมเขาในใจ มองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคอยเอามือมากดหัวเธอไว้อย่างเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย ถึงจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เธอก็อุ่นใจที่มีเขาอยู่ด้วย
